ความรักแบบผู้ใหญ่คือการให้โดยไม่ทวงบุญคุณ หรือหวังสิ่งตอบแทน ไม่คิดว่าชีวิตของคนอื่นเป็นของตน โดยต้องเป็นสิ่งที่ผู้ให้และผู้รับเต็มใจทั้งสองฝ่ายเราว่าหลายๆ คนก็อยากลองมีความรักแบบนี้กันบ้าง แต่ก็ยังไม่เก็ทว่ามันเป็นยังไง วันนี้เรามีมุมมองความรักแบบผู้ใหญ่มาแชร์ค่ะ ลองอ่านดูกัน แล้วเทียบว่าความรักของเพื่อนๆ ตอนนี้เป็นแบบนี้รึเปล่า ? จะมีมุมมองแบบไหนบ้าง เอาเป็นว่าเราไปเช็กดูกันเลย
7 มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์แบบคนโตแล้วเป็นยังไง ?
มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ ที่ 1. ทะเลาะกันเฉพาะเรื่องที่เป็นปัญหาจริงๆ

โดยปกติไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อย คนเป็นแฟนกันหยิบมาทะเลาะกันได้ทุกเรื่องนั่นแหละ ถ้าให้เทียบกันแล้ว ระหว่างความรักแบบเด็กๆ กับคนที่เขาโตแล้ว มันเห็นได้ชัดมาก ฉบับคนที่โตแล้วส่วนใหญ่ปัญหาที่หยิบมาทะเลาะกัน มักจะเป็นเรื่องอะไรที่จริงจังค่ะ ปัญหาเล็กๆ จุกจิกๆ เขามักจะมองข้ามกันไป ไม่ใช่ไม่ใส่ใจนะ คือก็ให้ความสำคัญแหละ แต่ไม่หยิบมาเป็นปัญหาชีวิตคู่เท่านั้นเอง และอีกอย่างการทะเลาะกันของคนโตๆ เขาจะไม่ได้ทะเลาะเพื่อแตกหักแต่จะถกเพื่อหาทางแก้ เพื่อให้ความสัมพันธ์ไปต่อได้มันเลยแตกต่างกับความรักแบบเด็กๆ สังเกตได้ไม่ยากหรอก
มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ที่ 2. เหตุผลมาก่อนอารมณ์เสมอ

ความรักฉบับคนโตแล้วส่วนใหญ่ ยึดความเป็นผู้ใหญ่เลยค่ะอารมณ์เป็นรอง เหตุผลเป็นหลัก เน้นแก้ไขปัญหาที่มีร่วมกันเพราะสำหรับคนที่โตๆ กันแล้ว เขาจะรู้ว่า การลงอารมณ์มากเกินไป มันไม่ได้ช่วยอะไร สุดท้ายจะมีแต่เสียกับเสีย ฉะนั้นการคุยกันด้วยเหตุผลนั้นดีที่สุด แต่เราก็ไม่ได้ว่านะ ว่ามีแค่ความรักฉบับคนโตเท่านั้นที่เน้นใช้เหตุผล เพราะเด็กๆ วัยรุ่นหลายคนก็ใช้เหมือนกัน บางคนแม้อายุจะน้อย แต่มีความคิดที่โตแล้วก็มี เพราะงั้นใครที่กำลังมีความรัก เราว่าการคุยกันด้วยเหตุผลมันดีกว่าค่ะ อาจจะมีเถียงกันบ้าง แต่สุดท้ายผลลัพธ์มันเวิร์กกว่าการใช้อารมณ์เป็นหลักแน่นอน
มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ที่ 3. ไม่กลัวที่จะพูดถึงเรื่องอนาคต

ปกติถ้าเป็นความรักแบบใสๆ วัยรุ่นๆ เขาจะไม่ค่อยพูดกันถึงเรื่องของอนาคตเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมองกันแต่วันนี้กับวันพรุ่งนี้เท่านั้น เป็นความรักที่แบบไปเรื่อยๆ ไม่ต้องวางแผนชีวิตอะไรมาก แต่ฉบับคนที่โตแล้ว อนาคตคือสิ่งสำคัญ เมื่อเราคบกับใครมาถึงจุดนึง เราก็จำเป็นที่จะต้องมองไปข้างหน้า มองไปถึงอนาคตของเราสองคน เพราะงั้นสำหรับความรักของคนที่โตๆ กันแล้วการพูดคุยเรื่องอนาคต และการวางแผนชีวิตคู่ เป็นเรื่องปกติมากๆมันจะช่วยทำให้เราตัดสินใจได้ว่า เราควรจะไปต่อกับคนคนนี้ไหม เพราะสำหรับผู้ใหญ่แล้ว ความรักไม่ใช่แค่รักและจบ แต่มันรวมไปถึงแผนอนาคตในวันข้างหน้าด้วย ถ้ามันเวิร์กก็ไปต่อได้ แต่ถ้าคบไปแล้วมองไม่เห็นอนาคตร่วมกัน โอกาสจะสานต่อก็จะยากขึ้น
มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ที่ 4. รู้หน้าที่ของตัวเอง และเป็นตัวเองได้เต็มที่

ตอนเด็กๆ เวลาเราจะคบกับใคร เราจะสร้างภาพจำให้เป็นที่น่าประทับใจ เพื่อให้เขาตกหลุมรักเรา ซึ่งบางทีมันเหนื่อยนะ ดังนั้นพอเราโตขึ้น ถ้าเราจะมีความรักสักที เราก็อยากได้ใครสักคนที่ยอมรับในตัวตนของเราจริงๆ คนที่พร้อมจะภูมิใจในตัวตนของเรา ไม่ใช่ภาพฝันที่เราสร้างเพื่อเอาใจเขาเป็นความรักที่ทั้งสองฝ่ายสามารถเป็นตัวเองได้ควบคู่ไปกับการให้เกียรติซึ่งกันและกันรู้ว่าการเป็นแฟนที่ดีควรซัพพอร์ตกันอย่างไร พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อเราโตแล้วเราก็รู้จักไตร่ตรองมากขึ้น อะไรดีก็ทำ อะไรไม่ดีก็ไม่ทำ จริงใจและซื่อสัตย์ต่อกัน เพื่อให้เราใช้ชีวิตด้วยกันไปได้อย่างยาวนาน
มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ที่ 5. เลือกที่จะรับฟังกันและกัน และไม่ตัดสินอะไรเองไปก่อน

หลักการของข้อนี้ก็คือการมีเหตุผลนั่นแหละ เมื่อเราโตๆ กันแล้ว การใช้เหตุและผลสำคัญมากนะ นอกเหนือจากนี้การเป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดีก็สำคัญเช่นกัน สมัยเด็กๆ เวลาเราทะเลาะกับแฟน เราอาจจะพูดอยู่คนเดียว แฟนก็ฟังๆ ไป สุดท้ายก็จบไม่สวย แต่สำหรับความรักที่โตแล้วการรับฟังซึ่งกันและกันเป็นอะไรที่สำคัญมากๆไม่ว่าจะรับรู้อะไรมาก็ตาม สิ่งที่คนโตๆ เขาทำกันคือรับฟังก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไง จะไม่โมเมคิดไปเองหรือหลงเชื่อใครอื่นมากเกินไป จนทำให้ชีวิตคู่มีปัญหาตามมา
มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ที่ 6. อีโก้ไม่สูง รู้จักยอมรับความผิดพลาด

สมัยเป็นเด็กๆ เวลาเราทะเลาะกับแฟน เราจะเฉไฉไม่ยอมรับความจริง โยนทุกความผิดไปให้แฟนตัวเองหรือไม่ก็คนอื่น ใจคิดแต่เอาชนะ อีโก้นี่สูงลิ่ว แต่พอเราโตขึ้น ความคิดความอ่านเปลี่ยนไปความรักฉบับคนโตๆ กันแล้วถ้าทำผิดก็ยอมรับผิด รู้ว่าผิดก็ขอโทษและปรับความเข้าใจกันคนโตๆ กันแล้วจะไม่ยืดเยื้อให้ความบาดหมางมันเลยเถิด เคลียร์กันได้ก็เคลียร์ เอาให้มันจบๆ กันไป เพราะถ้าเราปล่อยมันไปเรื่อยๆ ปัญหามันจะยิ่งบานปลาย และสุดท้ายมันจะกลายเป็นรอยร้าวของชีวิตคู่
มุมมองความรักแบบผู้ใหญ่ที่ 7. ไม่หวือหวา แต่มั่นคง

สุดท้ายความรักฉบับคนโตแล้ว จะไม่ได้หวือหวานหวานแหววเหมือนกับรักของวัยรุ่นวัยใส เพราะคนโตๆ เขาจะเน้นสร้างอนาคต รักแบบจริงๆ จังๆกันซะมากกว่ามีมุมหวานแต่อาจบ่อยหรือไม่บ่อย ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแฟนเรา เน้นถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ห่วงใยกันและกัน และถึงแม้ความรักจะไม่ได้หวือหวาแต่มั่นคงเราจะเห็นกันบ่อยๆ ว่าส่วนใหญ่แล้ว ความรักที่ไม่หวือหวาแบบคนที่โตแล้ว สุดท้ายก็ไปได้สวยทุกคู่ เพราะงั้นเราว่าแม้ความรักจะไม่เวอร์ ไม่เอิกเกริก หรือไม่หวาน มันไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่าเรารักกันมากขนาดไหนการใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน มันมีหลายอย่างเป็นองค์ประกอบฉะนั้นไม่ว่าความรักจะหวาน หวือหวาหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ขอแค่รักกัน หมั่นใส่ใจกันก็พอแล้ว
เป็นยังไงกันบ้างคะกับมุมมองความรักแบบผู้ใหญ่พอขึ้นชื่อว่า โตๆ กันแล้ว อะไรๆ มันก็คงไม่หวือหวาเหมือนตอนที่เรายังเป็นเด็กทุกอย่างมันจะดำเนินไปบนพื้นฐานของความมั่นคง ความจริงใจ และความจริงจังฉะนั้นเราว่าการมีความรักแบบนี้มันดีนะ เหมือนเป็นความรักที่ขยับขึ้นอีก 1 สเต็ป เป็นความสัมพันธ์ที่ต่างคนต่างเข้าใจ และไม่ทำร้ายกัน สำหรับเพื่อน ๆ ที่อ่านแล้วรู้สึกว่ายังมีบางข้อที่อาจไม่ตรงกับความสัมพันธ์ของตัวเองนัก ก็ลองค่อยๆ ปรับตัวกันกับคนของเราได้นะคะ อะไรที่ยังดูเหมือนเด็กๆ ก็ลองปรับกัน ลองจูนกัน เราเชื่อว่าความรักของทุกคนจะลงล็อกมากขึ้นแน่นอน แล้วมาพูดคุยเรื่องความรัก-ความสัมพันธ์กันได้ใหม่ในบทความหน้าที่https://sistacafe.com/เลยน้า
สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
https://sistacafe.com/summaries/91166
https://sistacafe.com/summaries/91984
https://sistacafe.com/summaries/95402
https://sistacafe.com/summaries/96746
https://sistacafe.com/summaries/93419