สวัสดีค่ะสาวๆ SistaCafe ทุกคน กลับมาพบกับคอนเทนต์ความงาม เพื่อความสวย ใส เป๊ะ ปังของผู้หญิงอย่างเราๆ เช่นเคย หากพูดถึงปัญหาผิวหน้า อันดับหนึ่งคงหนีไม่พ้น " สิว " ซึ่งทำให้สาวๆ ทั้งวัยรุ่นวัยทำงานช้ำใจมานักต่อนัก ตอนอักเสบก็เป็นตุ่มนูนๆ สีแดงไม่น่าดู พอรักษาจนหายก็เหลือรอยดำๆ ไว้ให้เจ็บใจเล่นซะงั้น ( ถ้าไม่ไปเลเซอร์ออกนะ... )แต่ช้าก่อน ยังมีปัญหาผิวอีกข้อหนึ่งที่เราอาจละเลยไป...." ฝ้า "ยังไงล่ะ" ฝ้า "คือรอยผิวหนังสีน้ำตาล / สีดำ เจอในบริเวณที่มักโดนแสงแดดบ่อยๆ ( ใบหน้าของเราๆ นี่แหละ! ) มักไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด แต่มาเป็นเพราะปัจจัยภายนอก มีลักษณะเท่ากันทั้งสองข้าง อาจรวมกันเป็นปื้นหรือเข้มเป็นกระจุกๆ ก็ได้ทั้งหมดทั้งมวลนั้น...เป็นเพราะพิกเมนต์บนผิวหนังทำงานมากเกินไป จึงเกิดฝ้าขึ้น TT ว่าแต่ว่า ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว จะรักษาให้หายยังไงดีล่ะ ฮือออออไม่ต้องกังวลไป >< เพราะบทความนี้จะมาแฉ เอ๊ย! บอกเล่าเก้าสิบว่า ฝ้าเกิดขึ้นได้ยังไง และจะรักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้าง หรือหากใครกลัวจะเกิดขึ้น ก็ป้องกันเสียแต่แรกเลยดีกว่า วิธีการก็อยู่ในบทความนี้นั่นแหละ =w=ถ้าพร้อมจะต่อสู้กับเจ้าฝ้าวายร้ายแล้ว ก็-ไป-กัน-เล้ย!
สาเหตุการเกิด 'ฝ้า'

สาเหตุส่วนใหญ่ในการเกิด " ฝ้า " มักมาจากแสงแดดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ' โปรเจสเตอโรน' และ 'เอสโตรเจน' ในร่างกายของสาวๆ 9 ใน 10 ของผู้หญิงที่เป็นฝ้า จะเป็นสาวๆ ที่มีอายุระหว่าง 20-50 ปี ( อ้างอิงจากแพทย์คลินิกโรคผิวหนัง, มะเร็งผิวหนัง, นายแพทย์ Romeo E. Morales )
การเกิดฝ้ามักเปรียบเป็นคำอีกอย่าง่วา " หน้ากากของการตั้งครรภ์ " เพราะมีรอยแต้มสีเข้มๆ เป็นจุดๆ อยู่บริเวณจมูก โหนกแก้มและกราม ซึ่งถ้าสาวๆ คนไหนสงสัยว่าตัวเองกำลังจะมีเบบี๋ อาการนี้จะยิ่งชัดมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ชนิดการเกิดฝ้าของสาวทั่วไป กับสาวๆ ที่กำลังจะเป็นคุณแม่ ก็ไม่เหมือนกันค่ะ
เป็นฝ้าแล้วทำไงดี > วิธีรักษา 'ฝ้า'

อันที่จริงแล้ว " ฝ้า " สามารถจางหายไปได้เองตามธรรมชาติ หากสาเหตุการเกิดมาจากการตั้งครรภ์, การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ( หากเริ่มใช้แล้วเกิดฝ้า เมื่อหยุดใช้ไปได้สักพักก็จะหายไปเองค่ะ )
แต่ถ้าสาวๆ คนไหนใจร้อน ขี้เกียจรอ อยากให้หน้าสวย เนียน กระจ่างใสโดยไว เราก็มีหนทางรักษาหลายวิธีมานำเสนอกัน ดังนี้ค่ะ \^^/
Hydroquinone ( ไฮโดรควิโนน )

สารนี้เป็นส่วนประกอบในครีม โลชั่น เจลหรือของเหลวที่ใช้ทาบำรุงผิวหน้า ซึงมีผลทำให้ผิวกระจ่างใส หรือตามเคาน์เตอร์ยาทั่วไป แต่หากเป็นเคสหนักๆ ที่ต้องใช้ ' ไฮโดรควิโนน ' ในปริมาณสูงกว่ากำหนด หากจะซื้อที่ร้านขายยา ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์กำกับด้วยนะคะ
Tretinoin and corticosteroids ( เตรตริโทนิน และ คอร์ติคอสเทอรอยด์ )

สารทั้งสองตัวนี้จะทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสขึ้น เพราะจะช่วยกระตุ้นกระบวนการทำให้ผิวขาวค่ะ โดยยาบางตัวจะมีส่วนผสม 3 อย่างคือ ไฮโดรควิโนน, เตรตริโทนินและคอร์คติคอสเทอรอยด์ เรียกว่า ' ทริปเปิ้ลครีม '
*ขอเตือนว่า จะใช้ยาตัวไหน ขอให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนะคะ ^^*
การรักษาอื่นๆ

นอกจากการทาครีม เจล โลชั่นที่มีส่วนประกอบข้างต้นบนผิวหน้าแล้ว ก็มีการรักษาอื่นๆ เช่น กรดที่ช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น ( กรด Azelaic หรือกรด Kojic ) เป็นต้น
รักษาด้วยเครื่องมือ / กรรมวิธีทางการแพทย์

เมื่อการรักษาด้วยยาทาไม่ได้ผล แพทย์ผิวหนังก็จะมีกรรมวิธีที่ ' ล้ำ ' กว่านั้น เช่น การใช้สารเคมีลอกหน้า, การรักษาหลุมสิว / จุดด่างดำจากสิว ( microdermabrasion ) หรือการรักษาหลุมสิวแบบกรอหน้า ( dermabrasion ) เป็นต้น ซึ่งวิธีเหล่านี้จะลอกผิวหน้าชั้นบนออก จึงอาจมีผลข้างเคียง คืออาการระคายเคือง และกระตุ้นให้ผิวสร้างพิกเมนต์เพิ่มค่ะแม้วิธีการรักษาอาจจะดูน่ากลัว ( ลอกหน้าเลยนะเฮ้ย! ) แต่เพราะอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนังอย่างดี คนไข้ส่วนใหญ่จึงได้ผลลัพธ์ที่ดี หน้ากระจ่างใสขึ้น แม้การรักษาจะเห็นผลชัดเจนในเวลาค่อนข้างนาน ( 2-3 เดือน ) แต่เมื่อการรักษาเริ่มออกฤทธิ์ สาวๆ ก็พอใจกันแทบทุกคนค่ะ ^^
วิธีป้องกันการเกิด 'ฝ้า'
เอาล่ะ...สาวๆ บางคนคงคิดว่า " รักษาได้มันก็ดี...แต่ทางที่ดีอย่าให้มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรกดีกว่า " เพราะความเป็นจริงคือ ไม่มีวิธีรักษาฝ้าวิธีไหนที่ทำให้หายขาด TT เพราะอย่างนั้น ใครที่มีฝ้าก็ควรป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ส่วนใครที่ยังไม่มี ก็อย่าให้มันเกิดขึ้นจะดีที่สุดค่ะ
วิธีป้องกันส่วนใหญ่ก็ง่ายๆ ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปเข้าคลินิก คอร์สแพงๆ แต่อย่างใด แค่ทำตาม ฝ้าก็ไม่มากวนใจแล้วล่ะค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว ก็เลื่อนลงมาอ่านได้เลย ^^
ใช้ 'ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า' ทุกวัน

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของการเกิด " ฝ้า " คือแสงแดด ดังนั้นจงตรงไปที่ร้านเครื่องสำอาง แล้วเหมาครีมกันแดดมาเลยค่ะ! ออกข้างนอกเมื่อไหร่ก็ชโลมครีมซะ ใช้ทุกวัน ห้ามเลี่ยง ห้ามขาด ห้ามงอแง ไม่ต้องเสียดาย ไม่ต้องกลัวเปลือง เพราะผิวของเราสำคัญกว่านะเออ
วิธีการเลือกครีมกันแดด จงเลือกประเภทที่มีค่าป้องกันแสงแดด ( SPF ) 30 หรือสูงกว่า หากน้อยกว่านั้นก็ไม่ได้ผลค่ะ
สวม 'หมวก' เมื่อต้องออกนอกบ้าน / อยู่กลางแจ้ง

นอกจากทาครีมกันแดดแล้ว ประเภทเสื้อผ้าก็สำคัญ! เพื่อป้องกันรังสีอันเข้มข้นของแสงแดดเมืองไทย จงใส่เสื้อแขนยาว ขายาว และที่สำคัญ " หมวก " เพื่อซ่อนเร้นผิวหน้าจากรังสียูวี เมื่อต้องออกแดดกลางแจ้งทุกครั้งนะคะ
ใช้ 'สกินแคร์บำรุงผิว' สูตรอ่อนโยนกับผิวหน้า


หลังกลับบ้านจากการเรียน / ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย! เลือกใช้สกินแคร์บำรุงผิวให้ถูกประเภท ถ้าไม่รู้จักชื่อส่วนผสมทางเคมีใดๆ ก็จำไว้ว่า ให้เลือกแบบที่หน้าขวดเขียนไว้ว่า " สูตรอ่อนโยน ( Gentle ) " เพราะครีมบางประเภททำให้ผิวระคายเคือง และอาจเกิดฝ้าได้โดยไม่รู้ตัว
*ประสบการณ์ตรง* การออกแดดบ่อยๆ ทำให้ผิวบางลงและไวต่อสารเคมีในครีมมากขึ้น ( แสบร้อนง่ายขึ้นนั่นเอง ) จึงแนะนำให้ใช้ว่านหางจระเข้ ( Aloe Gel ) ทาทุกครั้งหลังออกแดดและก่อนนอน จะทำให้ผิวเย็น นุ่มชุ่มชื้น ไม่เหี่ยวหรือคล้ำก่อนวัยค่ะ ^^
===================================
จบลงไปแล้วกับบทความ " แฉ " ปัญหาฝ้าบนผิวหนังให้หมดเปลือก ทั้งสาเหตุการเกิดฝ้า อาการและวิธีรักษา แม้ฝ้าเกิดขึ้นแล้วจะไม่หายขาด ( แม้จะใช้สกินแคร์หรือใช้ยาดีขนาดไหนก็ตาม เศร้าแปป T^T ) แต่ถ้าเรารักษาอย่างดีและหลีกเลี่ยง ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ เราก็จะยังมีผิวเนียน สวยกระจ่างใสได้นานๆ ค่ะ ^__^
สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่คราวหน้านะคะ บ๊ายบาย ^^/
===================================
Cr. Top Tips for Preventing and Treating Melasma
http://www.skininc.com/treatments/facial/brightening/Top-Tips-for-Preventing-and-Treating-Melasma-298167451.html
Cr. ไมโครเดมาเบรชั่นดีจริงหรือ
http://www.mfu.ac.th/school/anti-aging/admin/uploadCMS/research/2hWed124314.pdf
บทความที่เกี่ยวข้อง

♥ 8 วิธีเลี่ยงการเกิด "สิวที่คางและสันกราม" ♥
https://sistacafe.com/summaries/10316

วิธีรักษาสิวอักเสบแบบง่ายๆ ไม่มีหวนกลับมาเป็นอีกแน่นอน!
https://sistacafe.com/summaries/13464

ยาคุมรักษาสิว กินได้ แต่ต้องระวัง!
https://sistacafe.com/summaries/13394