สาวๆ คนไหนก็ไม่ปลื้มเจ้าเม็ดสีแดงๆ ( หรือสีดำๆ ) บนใบหน้่าที่มีชื่อเรียกคุ้นหูว่า " สิว " ทั้งนั้น T T ขึ้นมาทีไรต้องคอยกังวลว่าเมื่อไหร่จะหายไป แต่งหน้าก็ไม่สะดวก ลูบหน้าทีไรก็สะดุด เห็นหน้าตัวเองในกระจกก็สะดุ้ง ถ่ายรูปมุมเผลอทีไรต้องคอยใช้มือบัง โอย ชีวิตลำบากไปอีก  //ก็เป็นวัยรุ่นวุ่นวายนี่น้า ก็ต้องมีสิวกันบ้าง...บริเวณที่มีโอกาสเกิดสิวได้มากที่สุด ( โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ ) มักเป็นส่วนคางและสันกรามค่ะ เพราะฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน ไม่สมดุล กระตุ้นการผลิตน้ำมัน ทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโต และอุดตันในรูขุมขน ก่อให้เกิดสิวในที่สุด Y^Y ถ้ารักษาความสะอาดไม่ดี สิวหัวช้างก็มา สิวเสี้ยนก็มา ยิ่งตอนใกล้มีประจำเดือน สิวผุดรัวๆ โอย เครียด!

หากสาวๆ sistacafe ไม่อยากพลาดท่าเสียทีให้เจ้าสิวตัวร้ายเหล่านี้ มาอ่านวิธีเลี่ยง / ลดโอกาสการเกิดสิวทั้ง 8 วิธีในบทความนี้กันดีกว่า รับรองว่าไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอนอ่านเลยค่ะ เพื่อผิวหน้าสวยเนียนใสที่แท้จริง!

1. ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของนม ( dairy ) 2 สัปดาห์


รูปภาพ:http://images.agoramedia.com/EHBlogImages/jared-bunch/2016/03/Dairy-Products-Daily-May-Lower-Your-Diabetes-Risk-722x406.jpg

รูขุมขนผิวหนังก็ทำหน้าที่เหมือน " ระบบขับถ่าย " กำจัดสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกาย อาหารประะภทนมชนิดต่างๆ เช่น นม เนย โยเกิร์ต ชีส ต่างก็ทำให้ลำไส้ทำงานหนัก ย่อยยาก โดยเฉพาะสาวๆ ที่มีปัญหาแพ้แลคโตสในนม จะอาเจียนหรือปวดท้อง ถ้าเธอกินนมเนยมากเกินไป ร่างกายจะย่อยไม่หมด และกลายเป็นสิวหัวช้าง ( กดแล้วเจ็บ ไม่มีหัว ) บริเวณคางและสันกรามค่ะ

ลองงดอาหารประเภทนี้ทุกชนิดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แล้วดูว่ามีสิวเม็ดใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกหรือไม่ ถ้าไม่มี แสดงว่านี่แหละสาเหตุ! เพราะคนเลี้ยงวัวนมมักให้ฮอร์โมนเร่งการเติบโต ซึ่งจะไปปนเปื้อนอยู่ในนมด้วย ซึ่งจะกระตุ้นให้ระบบฮอร์โมนของเราแปรปรวน กระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิวหนัง และในที่สุดก็เป็น " สิว " นั่นเอง!

ร่างกายจะใช้บริเวณ " คาง " และ " สันกราม " เพื่อกำจัดฮอร์โมนส่วนเกินออกไป เพราะใบหน้านั้นมีต่อมไขมันมากมาย ฮอร์โมนนั้นละลายได้ในน้ำ ร่างกายจึงใช้ต่อมเหล่านั้นเป็นแหล่งกำจัดฮอร์โมนที่ผลิตจากไขมันนั่นเอง หยุดกินผลิตภัณฑ์จากนมซะ หน้าจะได้ใส!

2. ไม่เอามือเท้าคาง


รูปภาพ:http://www.hancinema.net/photos/photo186424.jpg

สิวทุกประเภทมีสาเหตุมาจาก " เชื้อแบคทีเรีย " ที่อุดตันรูขุมขนบนใบหน้า รู้ไหมว่าการใช้ฝ่ามือ ( ที่จับอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ทั้งวัน ) แล้วนั่งเท้าคางบ้าง จับหน้าบ้างอยู่บ่อยๆ แม้จะไม่ตั้งใจก็เถอะ ทำให้ใบหน้าของเธอปนเปื้อนด้วยสิ่งสกปรก ถ้าวัดจำนวนเชื้อโรคล่ะก็ บางทีแขนหรือขาของเธออาจจะสะอาดกว่าซะอีก

หยุดเอามือเท้าคางบนโต๊ะ จับแก้ม จับคางไปมาเวลาใช้ความคิด เอามือออกจากหน้าเดี๋ยวนี้เลย! ถ้ามีความจำเป็นต้องจับจริงๆ ( แบบว่า...ติดไปแล้ว ) ล้างมือบ่อยๆ ระหว่างวัน เมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็อย่าลืมทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด เพื่อไม่ให้เหลือแบคทีเรียคั่งค้างค่ะ

3. เช็ดโทรศัพท์มือถือให้สะอาดทุกครั้งก่อนแนบแก้ม


รูปภาพ:http://2ndopinion.ph/wp-content/uploads/2015/07/cleaning-smartphone-1024x769.jpg

ปัญหาโลกแตกของสาวๆ ที่มักทำโดยไม่รู้ตัว! หน้าจอโทรศัพท์มือถือนี่แหละ แหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี ทั้งคราบน้ำมัน เหงื่อ สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง ยิ่งถ้าเป็นสาวติดการคุยโทรศัพท์ แนบหูแนบแก้มทั้งวัน ยิ่งติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นสิวลุกลามกันไปใหญ่

วิธีแก้ก็ง่ายๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าจอ เช็ดให้สะอาดทุกวัน ( หรือระหว่างวันด้วยก็ยิ่งดี ) ใช้คู่กับสเปรย์เช็ดหน้าจอเหมือนที่ใช้กับแว่นตา จะยิ่งลดโอกาสหน้าเป็นสิวเพราะโทรศัพท์มือถือมากยิ่งขึ้น ถนอมผิวไปอีก ^^

4. รักษาสิวที่คางและสันกรามเท่านั้น ถ้าไม่มีสิวขึ้นในที่อื่นๆ


รูปภาพ:http://cos.h-cdn.co/assets/15/11/980x490/landscape_nrm_1426019219-cos040115beahandbook_012.jpg

ถ้าโดยปกติแล้ว ผิวหน้าของเธอมักเกิดสิวในบริเวณเดิมๆ คือส่วนล่างของใบหน้า ( คางและสันกราม ) หากใช้โฟมล้างหน้า มาส์กหน้าและเซรั่มสำหรับผิวแห้งทั่วใบหน้า เธออาจไม่รู้ว่าทำให้ผิวหน้าส่วนอื่นที่ไม่มีสิว " แห้งกร้าน " โดยไม่จำเป็นนะคะ

สาวๆ บางคนมีสภาพ " ผิวผสม " มีทั้งส่วนแห้งและมันในใบหน้าเดียวกัน หากใช้ผลิตภัณฑ์เดียวกันทั่วหน้า อาจทำให้สภาพผิวไม่สมดุลได้ อาจดูยุ่งยากไปหน่อย แต่ถ้าเป็นไปได้ให้แบ่งใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับบริเวณนั้นจะดีกว่า เช่น ตรงไหนมีสิวก็ใช้โฟม เจลสำหรับมีสิว แต่บริเวณอื่นก็ใช้โฟมทั่วไป เพื่อให้ผิวหน้าไม่แห้งกร้านจนเกินไปค่ะ

5. ใช้ยารักษาที่ " ชุ่มชื่น " ไม่มีแอลกอฮอล์


รูปภาพ:http://cos.h-cdn.co/assets/15/11/980x490/landscape_nrm_1426019219-cos040115beahandbook_012.jpg

หากต้องการลดรอยแดง ลดจำนวนสิวที่คาง เธอต้องใช้เซรั่มรักษาสิวที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ( alcohol-free ) ซึ่งมีส่วนผสมของ salicylic acid เป็น BHA ชนิดหนึ่่งที่ช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุการเกิดสิวได้ แต่ละสภาพผิวก็ตอบสนองเซรั่มแตกต่างกันออกไป แต่วิธีนี้จะไม่ทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ดหรือลอกเป็นขุยๆ แน่นอน

ที่แนะนำให้ใช้ " เซรั่ม " ไม่ใช่ครีมหรือเจล เพราะผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ใช้ได้ผลดีที่สุด ถูกกำหนดมาแล้วให้ใช้กับมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนนอน เพราะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะซึมซับอย่างล้ำลึกใต้รูขุมขน ใช้โฟมหรือมาส์กจะไม่ได้ผลเท่า เพราะไม่ได้ทาทิ้งไว้ทั้งคืนค่ะ

6. แต้มยาที่จุดสิวเพื่อให้หายเร็ว ( อย่าบีบ แคะ แกะ เกา )


รูปภาพ:http://demandware.edgesuite.net/aark_prd/on/demandware.static/-/Sites-mecca-site-au-catalog/default/dw6b0e49d3/product/origin/hr/i-011341-super-spot-remover-blemish-treatment-gel-1-940.jpg

สิวมีสองชนิดคือ " สิวมีหัว " และ " สิวไม่มีหัว ( สิวหัวช้าง ) " ซึ่งมีวิธีรักษาแตกต่างกัน ถ้าอยากรักษาสิว / รอยแดงจากสิวให้หายไวๆ ต้องทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้สิวมีหัว : ใช้เจลแต้มสิวแก้อักเสบทาทิ้งไว้ 1-2 วันเพื่อให้มีสิวหัวขาวๆ โผล่ออกมา เมื่อเห็นแล้วก็ค่อยๆ บีบหนองออกเบาๆ แล้วทาเจลอีกครั้งเพื่อให้สิวแห้ง ( spot gel ) ถ้าเธอทาเจลให้สิวแห้งก่อนบีบหนองออก ผิวหนังส่วนนั้นจะแห้งก็จริง แต่เชื้อสิวยังอยู่และอาจปะทุขึ้นมาได้อีกค่ะสิวหัวช้าง ( ไม่มีหัว ) : มักเกิดที่คางและสันกราม สิวชนิดนี้จะฝังอยู่ใต้ผิวหนัง บีบยังไงก็ไม่ออก มีแต่จะทำให้ช้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอมากขึ้น ดังนั้นห้ามบีบ แคะ แกะ เกาเป็นอันขาด! ให้เลือกทาเจลแต้มสิวสำหรับสิวหัวช้าง เพื่อให้สิวยุบตัวลง อาจเกิดรอยจากการอักเสบบ้าง แต่จะค่อยๆ จางลงเอง แต่ต้องใช้เวลาค่ะ T T

7. ทำความสะอาด " รูขุมขน " ให้ถูกวิธี


รูปภาพ:http://s3.amazonaws.com/photography.prod.demandstudios.com/e27995de-ae83-4eb0-9a0e-ceed3289be20.jpg

การรักษาสิวที่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดเม็ดสิวใหม่ๆ ขึ้นมาได้อีก สังเกตได้ว่า หากบีบสิวด้วยนิ้วมือที่ไม่สะอาด จะเกิดสิวเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาอีกแบบห้ามไม่ได้ ไม่นับรอยแดง รอยช้ำอีก! เรียกอีกชื่อว่า " สิวหัวดำ " หรือสิวเสี้ยนนั่นเอง พร้อมจะกลายเป็นสิวอักเสบได้เสมอถ้าทำความสะอาดไม่ถูกวิธีวิธีป้องกันคือ เมื่อเกิดสิวเสี้ยนขึ้นแล้วก็รีบขจัดออกซะ! เช่น ใช้มาส์กขจัดสิวเสี้ยน, แผ่นลอกสิวเสี้ยน, สครับขัดสิวเสี้ยน หรืออาจเป็นสูตรง่ายๆ ที่หาได้จากห้องครัวในบ้าน เช่น ดินสอพองผสมน้ำมะนาว เบกกิ้งโซดา เป็นต้น

8. ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับฮอร์โมนให้สมดุล


รูปภาพ:http://www.usnews.com/dims4/USNEWS/6b93253/2147483647/thumbnail/652x435%3E/quality/85/?url=%2Fcmsmedia%2F52%2F22%2F04e72cd14abc933ec72b7f7f7b50%2F140529-doctorpatientsmile-stock.jpg

วิธีสุดท้ายนี้ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่แน่ใจว่าไม่ได้มีสิวด้วยเหตุผลทางธรรมชาติ เช่น กินยาคุมกำเนิดอยู่, อยู่ในภาวะมีประจำเดือน ซึ่งทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้บ่อยๆ และมีอาการรุนแรงกว่าปกติ ลองพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ คุณหมออาจมีคำแนะนำดีๆ ให้ไปทำตามค่ะถ้าวิธีธรรมชาติไม่หาย...อาจต้องใช้ยาร่วมด้วย ( แต่ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้นนะ กินยามากๆ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ไม่ดีต่อร่างกายในอนาคตแน่นอน ) อาจมีสาเหตุแปลกๆ ที่เราไม่รู้มาก่อน เช่น ต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติ ทำให้เกิดสิวมากขึ้นก็ได้

==============================

อ่านจบแล้วล่ะสิ *-* เห็นไหมว่า วิธีเลี่ยงสิวที่คางและสันกรามนั้นง่ายสุดๆ แต่เธออาจไม่รู้มาก่อนเท่านั้นเอง เพราะส่วนใหญ่มักเผลอทำบ่อยในชีวิตประจำวัน เช่น กินผลิตภัณฑ์จากนม, เอามือเท้าคางบ่อยๆ, เอาจอโทรศัพท์แนบแก้มทั้งวัน, ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าไม่ถูกประเภท เป็นต้น แค่ปรับพฤติกรรมในชีวิตตามนี้ สิวก็ไม่มากวนใจแล้ว

หากใครกำลังมีสิวอยู่ ทำใจไว้ก่อนว่า มันอาจไม่หายง่ายๆ โดนทันที แต่ถ้าลดโอกาสการเกิดสิวเพิ่ม / ค่อยๆ รักษา ทายาไปเรื่อยๆ มันจะค่อยๆ ยุบไปเอง แม้จะเกิดรอยแดงก็สามารถหายาทาให้รอยจางลงได้ค่ะ

สู้ๆ นะคะทุกคน เพื่อผิวหน้าเนียนสวยกระจ่างใส ชนะใจหนุ่มๆ ฮิ้ววววว แล้วพบกันใหม่กับวิธีดูแลตัวเองคราวหน้า สวัสดีค่ะ ❀ ✿

==============================


บทความที่เกี่ยวข้อง