ใครติดหวานยกมือขึ้นค่ะ !!!
เอ๊ะ อย่าบอกนะคะว่าไม่ติดหวาน บางทีคนเราติดหวานแบบไม่รู้ตัวก็มีนะคะ อย่าให้อาการติดหวานมากล้ำกรายเราได้ เพราะฉะนั้นหากใครยังไม่มั่นใจว่าเราติดหวานหรือไม่ มาดูสัญญาณบ่งบอกว่าคุณติดหวานไปพร้อมๆ กันค่ะ
1. ชอบกินแป้ง
บางคนบอกว่าอ้าว ก็กินแป้งนี่นา ไม่ได้กินน้ำตาล แต่ความเป็นจริงแล้วการกินแป้งเข้าไปในร่างกาย สุดท้ายก็เป็นน้ำตาลอยู่ดีนะคะ สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณติดหวานก็คือชอบกินข้าวมาก ๆ กินขนมปังในระหว่างวัน ทั้งที่คุณอิ่มแล้วนั่นเองค่ะ
2. เพลียไปทั้งวัน
บางครั้งการกินน้ำตาลมากเกินไปไม่ได้ทำให้ร่างกายสดชื่นนะคะ แต่กลับกลายเป็นว่ากินน้ำตาลมากไป สาวๆ ก็ไม่อยากกินอาหารจำพวกโปรตีน เมื่อไม่ได้กินโปรตีน ร่างกายก็อ่อนเพลียทีละเล็กทีละน้อย สำหรับใครที่เพลียแบบไม่ทราบสาเหตุก็ต้องตามมาดูไปพร้อมๆ กันว่าอาการเพลียเกิดจาก “อาหาร” หรือเปล่า
3. มีปัญหาสุขภาพฟัน
เพราะว่าน้ำตาลเป็นบ่อเกิดของการสะสมแบคทีเรียในช่องปาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สาวๆ ผู้ติดหวานจะมีปัญหาช่องฟัน เช่นปวดฟัน ฟันผุ ซึ่งหากว่าคุณกินลูกอม ทอฟฟี่ บ่อยๆ ครั้งมากเท่าใด คุณก็จะยิ่งมีปัญหาฟันมากเท่านั้น ใครที่เริ่มฟันผุ ต้องลดอาหารหวานดูแล้วค่ะ
4. ชอบกินอาหารจำพวกไร้ไขมัน
บางครั้งอาหารที่ไร้ไขมันก็ใช่ว่าจะพาคุณห่างไกลไปจากความอ้วนค่ะ เนื่องจากว่าอาหารไร้ไขมันก็มีรสชาติไม่อร่อย ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องนำเอารสหวานมาทดแทนรสชาติที่เสียไปของความมัน และสาวๆ อย่างเราก็ติดกับความหวาน ยิ่งกินยิ่งอร่อยเลยกลายเป็นติดของหวานไม่รู้ตัว
5. อารมณ์ดีหลังกินของหวาน
สาวๆ ที่เครียดจากการทำงานแล้วเวลาที่พักเที่ยงต้องตรงดิ่งไปซื้อกาแฟเย็นมากินแก้เครียด นั่นไม่ใช่เพราะว่าคุณติดคาเฟอีนหรอกค่ะ แต่คุณกำลังติดความหวานที่ได้รับจากกาแฟเย็น แถมกินแล้วอารมณ์ดีอีกด้วย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราว่าสาวๆ เสพติดของหวานขั้นรุนแรง
6. กินของหวานแต่กลับรู้สึกไม่หวานเท่าเก่า
บางคนที่กินของหวานอย่างโดนัทแล้วรู้สึกว่าไม่หวานแบบที่คิด นั่นเป็นเพราะว่าคุณกำลังติดหวานจนการรับรู้รสชาติความหวานแย่ลงนั่นเอง
7. ในตู้เย็นมีแต่ขนมหวาน
สำหรับใครที่เปิดตู้เย็นแล้วเจอแค่ขนมหวานอย่างเค้กเอย ช็อกโกแลตเอย โดนัทเอย มองอย่างไรก็ไม่มีผลไม้ นั่นแสดงว่าคุณกำลังติดรสหวานอยู่ค่ะ ทางที่ดีลองเลิกนำขนมหวานไปเก็บตู้เย็นบ้างนะคะ แล้วซื้อผลไม้มาเติมแทน รับรองว่าคุณจะไม่ติดหวานอีกต่อไปแน่นอน
8. ปวดหัวเมื่อไม่ได้กินของหวานในตอนเช้า
สำหรับใครที่เคยปวดหัวเพราะไม่ได้กินกาแฟในตอนเช้า อาการเสพติดน้ำตาลก็เช่นเดียวกัน คุณจะรู้สึกทรมาณยามที่ละเลยขนมหวาน พาลไปจนถึงขั้นปวดหัวเลยก็ว่าได้ เพราฉะนั้นหากใครมีอาการแบบนี้อยู่แสดงว่าคุณติดของหวานมากไปแล้วค่ะ
9. ขี้ลืม
การที่เรากินหวานมากเกินไปเป็นอันตรายต่อความจำของเรา เพราะปริมาณน้ำตาลที่มากขึ้นจะไปลดจำนวนโปรตีนในสมองที่มีหน้าที่ด้านการคิดและความจำ เช่นเดียวกัน การที่กินน้ำตาลมากในวัยหนุ่มสาว ตอนเข้าสู่วัยชราก็มีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย
เชื่อได้เลยว่าต้องมีคนที่อ่านบทความนี้อยู่ไม่น้อยที่ติดของหวาน หากติดของหวานแล้วเรารู้ตัว รีบแก้ไข สุดท้ายแล้วเราก็ใช้ชีวิตร่วมกับน้ำตาลได้อย่างมีความสุข อย่าปล่อยให้น้ำตาลครอบงำชีวิตของเรานะคะ