เหมือนที่เคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ "
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม
" แต่สิ่งต่างๆ หากจะสวยงามได้จริงก็ต้องอาศัยองค์ประกอบที่ช่วยทำให้มันสวยงามได้ด้วย
และต่อให้สวยงามจริง ก็ใช่ว่าจะมั่นคงยั่งยืนอย่างใจหวัง
ความรักยิ่งสวยงามในแรกเริ่มมากเท่าไหร่
เมื่อมาถึงกลางทาง อาจจะเริ่มรู้สึกแล้วว่าอาจจะจบไม่สวย
คู่รักหลายคู่อาจจะกำลังอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องหาวิธีแก้กันต่อไป
หากรักกันจริง ในที่สุดก็จะหาทางออกให้ปัญหาได้จนได้ แ
ต่สำหรับอีกหลายๆ คู่ ที่ปัญหายังไม่ชัด และยังรู้สึกว่า คนคนนี้แหละ ที่เราอยากจะมีความรักที่ราบรื่นกับเขาอย่างที่สุด
ก็นับเป็นเรื่องที่ดี
แต่ปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคู่โดยที่เราไม่รู้ตัว...
และสำหรับใครที่ไม่อยากจะให้รักครั้งนี้ถึงจุดจบ
อยากให้คนนี้เป็นคนที่เราเลือกให้เป็นคู่ชีวิต
แต่ก็มีความกลัว และอะไรบางอย่างที่เริ่มมาทำให้สั่นคลอน
รีบเช็ค
4 สัญญาณ ถ้าไม่รีบแก้ เลิกกันแน่นอน!
ในบทความนี้ด่วนๆ เลย เพื่อที่จะได้หาทางออกได้ทันเวลากันนะ
เตือนแล้วนะ.. 4 สัญญาณ ถ้าไม่รีบแก้ เลิกกันแน่ๆ แทบไม่ต้องสืบ!
1. พวกคุณมีความต้องการเหมือนกันรึเปล่า?

แน่นอนว่า ความรักคือสิ่งที่น่าหลงใหล และมีเสน่ห์ แต่ความหลงใหลที่ล้นเหลือมากเกินไป ก็ไปได้อีกไม่นาน
หากคุณและคู่รัก ไม่ได้มีสิ่งที่ต้องการไปในทางเดียวกัน รับรองว่าปัญหาในระยะยาวเกิดขึ้นแน่นอน
ถ้าเป็นไปได้
ลองพูดคุยกันอย่างชัดเจนว่า อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการในอนาคต และสิ่งที่เขาต้องการในอนาคตคืออะไร
และลองสังเกตว่า
สิ่งที่เราต้องการ กับที่เขาต้องการ นั้นมีความคล้ายคลึง หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเหมือนกันไปซะหมดหรอก เพราะความแตกต่างกันก็ทำให้ชีวิตมีรสชาติขึ้นเช่นกัน
แต่สิ่งที่ควรให้ความสนใจก็คือดูว่า
ทัศนวิสัยระหว่างคุณกับเขานั้นมีอะไรที่แตกต่างกันมากๆ มั้ย
อย่างเช่น
คุณทั้ง 2 คนอยากมีบ้านอยู่แถบชานเมืองเหมือนกันมั้ย หรือมีใครสักคนอยากอยู่ในเมือง? คุณทั้ง 2 คนอยากมีลูกทั้งคู่รึเปล่า? คุณทั้ง 2 คนมีการใช้ชีวิตคล้ายกันมั้ย หรือคุณเป็น Introvert ในขณะที่แฟนชอบเข้าสังคมมากๆ? คุณอยากมีไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่น หรือต้องการงานประจำที่มั่นคงเหมือนกันทั้ง 2 คนมั้ย?

และถ้าหากเขาเล่าอะไรเกี่ยวกับเขา คุณก็ต้องเชื่อตามนั้น ไม่ต้องหลอกตัวเองว่าเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนใจ
อย่างเช่น เขาบอกว่าไม่ชอบอยู่ในที่มีคนเยอะๆ หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อันตราย คุณก็ไม่ต้องบอกตัวเองว่า เดี๋ยวก็เกลี้ยกล่อมให้เขามาชอบในแบบที่เราชอบได้
จงจำไว้ว่าคนเราก็จะเป็นในแบบที่เป็น
การมีอะไรที่แตกต่างกันมากเกินไป ย่อมทำให้เกิดปัญหาที่จะมาขัดขวางความสุขระหว่างคนสองคนแน่นอนอยู่แล้ว
ลองดูว่าคุณกับเขามีอะไรที่พอจะปรับเข้าหากันได้มั้ย แต่อะไรที่มันฝืนเกินไปก็คงไม่ให้ผลดีทั้งคู่แน่นอน
2. คุณ 2 คน สามารถคุยกันอย่างเปิดใจได้มั้ย?

ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไป อย่าง ความเป็นไปในวันหนึ่งๆ, เรื่องบนเตียง, สิ่งที่คาดหวังในอนาคต
หรือแม้กระทั่งการใช้เวลาว่างในช่วงวันหยุดที่คุณวาดฝันเอาไว้
เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเองเหล่าเนี้ย คุณและแฟนของคุณ สามารถระบายให้กันและกันฟังอย่างเป็นธรรมชาติได้รึเปล่า?
แฟนของคุณปิดประเด็น เวลาที่คุณยกเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกมาพูดมั้ย? เวลาที่คุณถามอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อที่จะได้เรียนรู้กันให้มากขึ้น แฟนของคุณได้ขัดด้วยการเปลี่ยนหัวข้อมั้ย?
จดไว้เลยนะ ถ้าแฟนคุณชอบทำอะไรแบบนี้
ถ้าคุณทั้ง 2 คนไม่สามารถพูดคุยเกี่ยวกับตัวเองได้อย่างเปิดเผย และรู้สึกคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติล่ะก็ ความรู้สึกใกล้ชิดก็จะไม่บังเกิดขึ้นเลย
คนส่วนใหญ่มักจะบอกกับตัวเองว่า เราต้องให้เวลาและอดทนอีกนิด ถึงจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
แต่ไม่จริงเลย
ถ้าเราเจอคนที่เหมาะสมกับเราจริงๆ เราจะสามารถพูดคุยกันอย่างเปิดเผยได้ แม้ว่าในช่วงเริ่มคบกัน
แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเล่าความลับ หรือเรื่องไม่ดีที่เราเคยทำหรอก
เพียงแค่รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันเท่านั้นก็พอแล้ว
แล้วแฟนของคุณล่ะ กล้าชวนคุยสัพเพเหระกับคุณบ้างรึเปล่า?
3. ความขัดแย้ง ทำให้ชีวิตรักคุณไม่เป็นสุขมั้ย?

โอเค แม้ในช่วงเริ่มแรกที่คบกัน เรื่องทะเลาะอาจจะแทบไม่เคยมีเลยก็เป็นได้
เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่แสดงนิสัยด้านที่ดีของตัวเองมาทั้งหมด
แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจจะได้พบว่าเริ่มมีความเห็นที่ต่างกันในบางเรื่อง
แฟนของคุณอาจจะเริ่มไม่คิดไปในทางเดียวกับคุณซะทุกเรื่อง
มีฝ่ายไหนที่เริ่มกังวลไปในแง่ร้ายเกินไปมั้ย?
คุณหรือเขามีใครเริ่มคิดไปถึง ตอนที่เริ่มด่าคำหยาบใส่กัน, ว่าจ้างคนไปลอบฆ่าอีกฝ่าย, หรือไปถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน...
เจ้าความวิตกกังวลเหล่านี้ คือตัวขัดขวางการพัฒนาความสัมพันธ์ของคู่รักเลยล่ะ แทนที่คุณจะได้มีความสุขกับชีวิตรัก ก็ต้องมานั่งวิตก
คิดว่าทำยังไงถึงจะไม่มีปากเสียงกัน ไม่ทะเลาะกัน หรือคอยนั่งนึกว่าจะพูดอะไรดี ถ้าเขาทำให้คุณเสียใจอีก
จริงๆ แล้ว
การมีเรื่องขัดแย้ง ทะเลาะกันบ้าง ถือเป็นสัญญาณดี ว่านี่คือความสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ และมาถูกทางแล้ว
เพราะในการทะเลาะกัน
คุณจะได้เรียนรู้กันว่าทำยังไงที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นหลังทะเลาะ และอะไรที่ทำให้เกิดการขัดแย้ง ซึ่งในอนาคตคุณทั้งสองคนก็จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร
4. ต่อหน้าแฟน คุณเป็นตัวของตัวเองจริงรึเปล่า?

สิ่งที่ดีที่สุดในการมีความสัมพันธ์ระยะยาว ก็คือการได้คบกับใครสักคน ที่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณนั้นเป็นยังไง และก็รับในสิ่งที่คุณเป็นได้
สิ่งสำคัญเลยที่ควรสังเกตก็คือ
ต่อหน้าแฟนของคุณ คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสแสร้ง แสดงเป็นบุคลิกอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงอยู่รึเปล่า
หรือแม้แต่ไม่ว่าจะพูดเรื่องอะไร
คุณก็พูดเฉพาะในสิ่งที่คุณคิดว่าเขาน่าจะชอบ และอยากได้ยิน
อีกด้านหนึ่งก็สังเกตด้วยว่า
ตอนอยู่กับคุณ แฟนของคุณทลายกำแพงของตัวเองลงรึเปล่า เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับคุณมั้ย

สมมติว่าถ้าคุณรู้ว่าเขาเป็นพวก perfectionist แล้วคุณก็เลยจำต้องทำทุกอย่างที่คิดว่าเขาอยากให้คุณเป็น และเมื่อเวลาผ่านไป คุณก็เริ่มพบว่าการทำอะไรให้สมบูรณ์แบบ เพอร์เฟ็คต์ตลอดเวลามันช่างเป็นอะไรที่เหนื่อย และกินพลังชีวิตอะไรขนาดนี้ แถมคุณอาจจะเริ่มคิดด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องมาคบกับคนแบบนี้ด้วยเนี่ย
คนเราจะคบกับแฟนคนหนึ่งได้ยาวมั้ย ก็หลักการเดียวกับการคบเพื่อน
เราจะมีเพื่อนคนหนึงที่คบมานานมากๆ และส่วนใหญ่คนเหล่านั้นคือคนที่รู้นิสัยและตัวตนจริงๆ ของเรา
ฉะนั้นการที่จะคบกับแฟนคนไหนได้นานๆ ก็ต้องเป็นคนที่เราอยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ จะทำตัวโง่เง่า เล่นอะไรบ้าๆ แค่ไหนก็ได้
ความรักดีๆ แบบนี้จะทำให้คุณกล้าเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และนี่แหละคือความรักที่เพอร์เฟ็คต์!
การที่จะมีความรักที่ยืนยาวได้นั้น หลักๆ แล้ว คงจะหนีไม่พ้น
การที่เราสามารถคบกับใครได้อย่างเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของเราเอง
อะไรที่มันฝืน ก็คงจะยากต่อความสัมพันธ์ระยะยาวแน่ๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น สาวๆ คนไหน ที่มีแฟนอยู่
ลองเช็คดูใน 4 ข้อนี้นะจ๊ะ ว่ามีอะไรที่ต้องรีบแก้รึเปล่า ถ้ามีอะไรจะได้แก้ทัน ยังไงก็ขอให้รักสมหวังยาวนานกันน้าาา
Cr. 4 Signs of a Relationship Heading for a Breakup
https://www.psychologytoday.com/us/blog/having-sex-wanting-intimacy/201707/4-signs-relationship-heading-breakup