สาวๆ เจ้าแม่ฟิตเนสทั้งหลายน่าจะรู้จักอาหารเพิ่มพลังงานที่อยู่ในรูปแบบอัดแท่งอย่าง “ โปรตีนบาร์ ” หรือ “ Energy Bar ” เป็นอย่างดีเพราะพกง่าย สะดวก ให้พลังงานสูง เหมาะสำหรับเป็นมื้อว่างก่อนออกกำลังกาย ไม่ต้องกลัวเน่าเสีย หกเลอะเทอะเปรอะเปื้อน!แต่วันหนึ่งเราก็แอบคิดขึ้นมาว่า“โปรตีนบาร์ที่เรากินอยู่ทุกวันนี้ มันไม่ทำให้อ้วนจริงเหรอ มันมีส่วนผสมแปลกๆ บ้างหรือเปล่านะ ”เป็นสาเหตุให้เราดูฉลากส่วนผสมอย่างละเอียด และแล้วเราก็พบคำตอบ…
โปรตีนบาร์ไม่ใช่ “ อาหารสุขภาพ ” อย่างที่คิด!มีทั้งสารแทนน้ำตาล สารอิมัลซิไฟเออร์สำหรับใส่ให้อาหารสำเร็จรูปคงตัว ทำให้เกิดความไม่สมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด เกิดแก๊สในกระเพาะ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย และทำให้น้ำหนักขึ้นไม่รู้ตัวแม้จะออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยก็ตาม
วันนี้เรามี“ 6 ส่วนผสมลับที่ซ่อนอยู่ในโปรตีนบาร์ ทำให้ยิ่งกินยิ่งอ้วน ”มาให้สาวซิสต้าที่เป็นสาวกโปรตีนบาร์โดยเฉพาะลองพิจารณาและสังเกตส่วนผสมเหล่านี้ให้ละเอียดว่าอยู่ในยี่ห้อโปรดที่เธอชอบกินหรือเปล่า ถ้ามีก็ถึงเวลาหายี่ห้อใหม่แล้วเลื่อนลงมาอ่านรัวๆ ได้เลย!
1. สารให้ความหวาน : ซูคราโลส ( Sucralose )
สารให้ความหวานซูคราโลสถือเป็น “ ส่วนผสมหลัก ” ในโปรตีนบาร์แทบทุกยี่ห้อ แต่เธอต้องระวังให้ดี แม้แต่ซูคราโลสที่ใช้แทนความหวานและบอกว่า “ 0 แคลอรี่ ” ก็เกิดโทษได้คือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นจนถึงระดับอันตราย และมักนำไปสู่อาการ “ โหยแป้ง ” โดยอัตโนมัติเพราะสิ่งที่เธอกินไม่ใช่น้ำตาลแท้ ทำให้ร่างกายของเธอต้องการกินอาหารที่มีพลังงานแบบอื่นทดแทนนั่นเอง!
สารให้ความหวานนี้ยังทำให้ร่างกายเกิดผลกระทบในทาง “ ผิดปกติ ” หลายอย่างเช่น ทำให้แบคทีเรียชนิดดีในร่างกายลดลง น้ำหนักขึ้น ร่างกายไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลิน หรือแม้แต่ก่อเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 และโรคหัวใจได้ค่ะ!
2. น้ำเชื่อมข้าวโพดชนิดฟรุกโตสสูง ( High-Fructose Corn Syrup )
น้ำเชื่อมข้าวโพดชนิดฟรุกโตสสูง ( ชื่อย่อว่า HFCS ) เชื่อมโยงกับภาวะต้านทานต่ออินซูลินและทำให้อ้วนขึ้นได้!น้ำเชื่อมชนิดนี้ยังทำให้เกิดการก่อตัวของไขมันหน้าท้อง หรือมีพุงนั่นเองความจริงที่โหดร้ายคือ โปรตีนบาร์มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมข้าวโพดแทบทุกยี่ห้อเลยน่ะสิ!
นักวิจัยทางจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องประสาทในสมองเกี่ยวกับความอยากอาหาร ใช้ทฤษฎีนี้กับหนูทดลอง อ้างว่าน้ำเชื่อมนี้ไม่ทำให้ลดความหิว แต่กลับทำให้อยากกินมากขึ้นๆจนหนูทดลองในแล็บของเขาอ้วนกลมเป็นลูกบอลเลยทีเดียว!หนูทดลองที่เขาป้อนน้ำเชื่อมให้กิน จะมีน้ำหนักมากกว่าหนูทดลองกลุ่มที่กินปกติถึง 48% เชียวล่ะถ้าไม่อยากอ้วน หลีกหนีน้ำเชื่อมข้าวโพดให้ไกลดีกว่านะ!
3. สารให้ความหวาน : น้ำเชื่อมว่านหางจระเข้ ( Agave Syrup )
เห็นว่าเป็นน้ำเชื่อมที่มีชื่อว่า“ ว่านหางจระเข้ ”ดูเหมือนมาจากธรรมชาติ ไม่น่ามีอันตราย กินเท่าไหร่ก็ไม่น่ามีปัญหาใช่ไหมล่ะคะ เธอคิดผิดแล้วล่ะ!น้ำเชื่อมแบบนี้มีน้ำตาลเข้มข้นสุดๆ เติมรสหวานด้วยน้ำเชื่อมว่านหางจระเข้เพียง 1 ช้อนโต๊ะ จะเพิ่มพลังงานให้มื้อนั้นถึง 60 แคลอรี่เลยทีเดียว( กินน้ำตาลขาวธรรมดายังให้พลังงานแค่ 40 แคลอรี่เท่านั้นเอง )สมาคมโรคเบาหวานอเมริกันจำกัดปริมาณน้ำเชื่อมนี้เท่ากับน้ำตาลปกติเลยทีเดียว จะกินตามใจชอบไม่ได้เลยนะ
น้ำเชื่อมนี้ผ่านกระบวนการมาเยอะจนเรียกว่า “ มาจากธรรมชาติ ” ไม่ได้แล้ว เพราะมีน้ำตาลฟรุกโตสสูงก่อนจะนำมาเป็นส่วนผสมในโปรตีนบาร์เสียอีก!เป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังทั้งหลาย เช่น โรคไขมันในตับ, โรคเบาหวานประเภท 2 และแน่นอน โรคอ้วน!!!ปริมาณฟรุกโตสที่สูงอาจเกิดการสร้างฮอร์โมน“ เลปติน ”ซึ่งควบคุมความอยากอาหารและความอิ่ม ทำให้กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักที ในที่สุดก็น้ำหนักพุ่งพรวดเลยจ้า!
4. สารให้ความหวาน : น้ำตาลแอลกอฮอล์ ( Sugar Alcohols )
น้ำตาลแอลกอฮอล์เป็นสารให้ความหวานชนิดหนึ่งที่ใช้แทนน้ำตาล มันมักเป็นส่วนผสมที่“ ไม่ค่อยโอเค ”เมื่อผสมรวมในผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอย่างโปรตีนบาร์เพราะทางเจ้าของสินค้าเลี่ยงที่จะใช้คำว่า “ แอลกอฮอล์ ” ตรงๆ บนฉลากห่อ เพราะทำให้สินค้าดูภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีน่ะสิน้ำตาลพวกนี้มักจะมาในคำสวยหรูอย่างซอร์บิทอล ( Sorbitol ),มาลิทอล ( Malitol ),ไซลิทอล ( Xylitol )เป็นต้น
แม้ว่าจะเป็นสารให้ความหวาน พลังงานน้อยกว่าน้ำตาลแท้ แต่การกินน้ำตาลแอลกอฮอล์ต่อเนื่องกันนานเกินไปทำให้กระเพาะทำงานไม่ดีเกิดลมในกระเพาะ ท้องเสีย ตะคริวในช่องท้อง และท้องอืด พุงบวมป่องเลยนะ!
5. โปรตีนถั่วเหลืองแบบแยกตัว ( Soy Protein Isolate )
โปรตีนถั่วเหลืองแบบแยกตัวหรือตัวย่อว่า SPI ไม่ใช่ดีกว่าถั่วเหลืองปกติเลยสักนิด!โปรตีนถั่วเหลืองบางยี่ห้อมีกรดอะมิโน และโปรตีนจากผัก (vegetable-based proteins )ถั่วเหลืองในโปรตีนแบบนี้เป็นชนิดแยกตัว ทำให้โปรตีนบาร์ที่มีโปรตีนชนิดนี้ผสมอยู่ อุดมไปด้วยสารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาท เช่นอลูมิเนียมและเฮกเซน!
ผลเสียคือ เกิดการยับยั้งเอนไซม์ทริปซิน ( ย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโน เอนไซม์นี้ผลิตจากตับอ่อน ) ทำให้เกิดปัญหากับการย่อยอาหารเช่น ระบบการย่อยไม่ดี เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร พุงป่องลม และเกิดตะคริวในช่องท้อง!ยังไม่รวมข้อเท็จจริงที่ว่า ถั่วเหลืองเกือบ 90% ถูกดัดแปลงทางพันธุกรรมอีกด้วย แอบน่ากลัวนะเนี่ย!
6. อินูลิน ( Inulin )
ถ้าเธอทรมานจากแก๊สในกระเพาะอาหาร ตะคริวในช่องท้อง และท้องเสียอยู่บ่อยๆ ล่ะก็ บางทีอาจเป็นเพราะโปรตีนบาร์ที่เธอกินอยู่ทุกวันก็ได้!เช่น ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ในชื่อเรียกว่า“ อินูลิน ”แม้ปกติอินูลินจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเพื่อช่วยในการย่อย อยู่ในของกินสดๆ อย่างกล้วย แอสพารากัสและหัวหอมแต่ก็อาจมีโทษได้ถ้ากลายเป็นสารเติมแต่งในสินค้าสำเร็จรูปอย่างโปรตีนบาร์ค่ะ
อินูลินมักเป็นส่วนผสมปริมาณมากในโปรตีนบาร์ อินูลินถูกสกัดจากรากชิกโครีเพื่อเค้นเส้นใยออกมานักโภชนาการและนักวิทยาศาสตร์ทางอาหารเตือนว่า หากกินอินูลีนในอาหารสำเร็จรูปมากเกินไป อาจทำให้ระบบทางเดินอาหารมีปัญหาได้กินในปริมาณที่พอเหมาะนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว!
====================================โปรตีนบาร์ที่เหล่าสื่อโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตและโทรทัศน์ต่างกล่อมผู้บริโภคว่า “ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ”, “ นักกีฬาทีมชาติชื่อ…..ก็กินกัน ” ทำให้เราเคลิ้มและกินเยอะจนอ้วนไม่รู้ตัว!ใช่ว่าโปรตีนบาร์จะไม่มีประโยชน์ไปเสียทั้งหมด บางยี่ห้อก็มีส่วนผสมของธัญพืช ข้าวโอ๊ต น้ำผึ้งที่ให้พลังงานดีๆ กับร่างกายแต่หลายยี่ห้อที่ลดต้นทุนด้วยการใช้สารเคมี ทำให้เกิดโรคต่างๆ สะสมจนในที่สุดก็ล้มป่วยแต่ละยี่ห้อก็ไม่ใช่ถูกๆ ซื้อมากินให้ป่วยเข้าโรงพยาบาลเล่น คุ้มไหมเนี่ย!
บทความนี้ไม่ได้ห้ามให้เธอกินโปรตีนบาร์ แต่อยากให้เธอพลิกฉลากดูส่วนผสมให้ถี่ถ้วนก่อนซื้อ เพื่อจะได้อร่อยโดยไม่ต้องเสียใจภายหลังยังไงล่ะเธอคงไม่อยากให้การออกกำลังกายของเธอเสียเปล่าเพราะขนมแท่งเดียวใช่ไหมล่ะv(*´∀`*)vถ้ารู้จักเลือกกิน เลือกออกกำลังกาย ยังไงหุ่นสวยก็รออยู่แน่นอนแล้วเจอกันบทความหน้าค่ะ >w<====================================