1. SistaCafe
  2. #สายคีโตพลาดได้ไง! 7 สูตร 'ขนมหวานคีโต (Keto Dessert)' อร่อยหวานมัน คาร์บต่ำ ไม่หลุดคีโตซิส ♡

สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeคนน่ารักที่กำลังไดเอทเพื่อหุ่นสวยทุกคน!ช่วงนี้ก็มีเทรนด์ลดความอ้วนมากมายหลายสูตร ทั้ง Intermittent Fasting, Carnivore Diet, Low Carb, Low Fat, Plant-based diet แต่ที่กำลังฮิตและเป็นกระแสมากในขณะนี้ต้องขอยกให้' Ketogenic Diet 'หรือวิถีการกินแบบคีโต ซึ่งถ้าอธิบายหลักการอย่างละเอียดคงจะยาวไปสรุปสั้นๆ คือเน้นกินโปรตีน ผักและไขมันในประเภทและปริมาณที่ถูกต้อง ตัดแป้งโดยเด็ดขาด เพื่อเข้าสู่ภาวะคีโตซิส ให้ร่างกายดึงพลังงานจากไขมันมาใช้แทนที่จะเป็นแป้งและน้ำตาลนั่นเองค่ะแต่สำหรับสาวๆ ที่ยังโหยหาของหวาน อยากกินขนมในช่วงกินคีโต ก็อาจจะกลัวว่าถ้าซื้อขนมคีโตตามร้านต่างๆ ที่ขายทั่วไปจะเกิดการปนเปื้อนไหม จะหลุดคีโตซิส ต้องถูกเตะออกจากเผ่าแล้วไปเริ่มใหม่จาก 0 ไหม กลัวน้ำหนักจะพุ่งหรือร่างกายได้รับผลกระทบรุนแรงางที่ดีที่สุดสำหรับสายคีโตชอบกินขนมคือ " เข้าครัวทำเอง " ค่ะซิส!ถ้าอยากกินเบเกอรี่ฟินๆ อย่างชีสเค้ก คุกกี้ เมอแรงก์แบบสบายใจ ก็มาเก็บสูตรไปทำจาก' 7 สูตรขนมหวานคีโต อร่อยหวานมัน คาร์บต่ำ ไม่หลุดคีโตซิส 'กันเลยดีกว่าค่าซิสขาาา


1. ชีสเค้กคีโต

เปิดมาสูตรแรกที่ ' ชีสเค้ก ' เมนูขนมหวานยอดฮิตของชาวคีโตกันเลย! สำหรับสูตรนี้จะใช้ถั่วแมคคาเดเมียและแป้งอัลมอนด์เป็นส่วนครัสต์แทนแป้งข้าวโพด ผสมกับมะพร้าว ท็อปหน้าด้วยผลไม้เบอร์รี่และครีมชีส เปลี่ยนน้ำตาลปกติเป็นน้ำตาลอิริท จึงมีรสชาติหวานมัน หอมอร่อยไม่ต่างกับชีสเค้กสูตรปกติ ขั้นตอนอาจจะเยอะและยุ่งยากไปสักนิด แต่แบ่งกินไว้ได้หลายวัน คุ้มค่ากับการเปิดเตา แม้แต่คนที่ไม่ได้กินคีโตก็ต้องชอบสูตรนี้อย่างแน่นอน


ส่วนผสม

เปลือกนอก ( crust )

ถั่วแมคคาเดเมีย 1 ถ้วย

แป้งอัลมอนด์ลวก 1 ถ้วย

มะพร้าวขูดแบบไม่หวาน 1/4 ถ้วย

น้ำมันมะพร้าว หรือเนยละลาย 3 ช้อนโต๊ะ

เกลือทะเลหยิบมือ


ไส้ชีสเค้ก

มะนาว 1 ผล

ครีมชีสที่ละลายแล้ว ขนาด 230 กรัม 3 ก้อน

ผงน้ำตาลอิริทริทอล 1 ถ้วย

วานิลลา 1 ช้อนชา

ไข่ 3 ฟอง

ซาวร์ครีมขนาด 23 กรัม 1 กล่อง

บลูเบอร์รี่หรือ /และราสเบอร์รี่สด 1/2 ถ้วย และมะพร้าวขูดชนิดไม่หวานรมควัน 2 ช้อนโต๊ะ ( ใส่หรือไม่ก็ได้ )


วิธีทำ

1. อุ่นเตาอบที่ 190 องศาเซลเซียส

2. สำหรับเปลือกครัสต์ หั่นแมคคาเดเมียพอหยาบๆ ใส่ลงไปในเครื่องผสมอาหาร เติมแป้งอัลมอนด์ น้ำมันมะพร้าวและเกลือลงไป ปั่นให้เข้ากันจนเป็นซอสเหนียว ( อาจเป็นก้อนๆ บ้าง ) นำไปวางแผ่ในถาดขนาด 9 นิ้ว กดให้แน่นเรียบเสมอกัน นำไปอบ 10-12 นาทีหรือจนกว่าขอบจะเป็นสีน้ำตาลเหลืองทอง ทิ้งไว้ให้เย็น

3. สำหรับไส้ชีสเค้ก ตีครีมชีสให้เนียนด้วยเครื่องผสมอาหารด้วยความแรงปานกลาง เติมน้ำมะนาวลงไป 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลอิริท และวานิลลา ตีต่อให้เข้ากัน เติมไข่และซาว์ครีม 1/4 ถ้วย ตีต่อด้วยความเร็วต่ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน เติมมะนาวขูด 2 ช้อนชา เหลือไว้ 1 ช้อนชาเพื่อโรยท็อปปิ้งตอนท้าย

4. เทไส้ที่ผสมแล้วลงไปในพิมพ์ถาดที่มีแป้งครัสต์ นำเข้าเตาอบ 45-50 นาที หรือจนกว่าไส้ตรงกลางจะเซ็ตตัวดี ( ยังเยิ้มอยู่นิดๆ )

5. พักทิ้งไว้บนตะแกรงจนกว่าจะเย็นตัวดีประมาณ 1 ชั่วโมง ตัดขอบนอกๆ ถาด คลายชีสเค้กออกจากด้านข้างของกระทะ นำไปแช่ตู้เย็นไว้อย่างน้อย 4 ชั่วโมงหรือข้ามคืน พร้อมเสิร์ฟได้เลย


2. คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ สูตรคีโต

สายขนมหวานคนไหนก็ตาม ยังไงก็ต้องชอบ' คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ 'เป็นแน่แท้ สัมผัสกรุบกรอบของแป้งคุกกี้ และรสหวานปนขมของช็อกชิพ เป็นอะไรที่กินแล้วเพลิน หยุดไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็หมดถุงซะแล้ว! ซึ่งสำหรับสายคีโตก็ไม่ต้องกลัวจะต้องอดกิน เพราะเราสามารถเปลี่ยนแป้งปกติเป็นแป้งอัลมอนด์ ใช้ช็อกโกแลตชิพชนิดไม่เติมน้ำตาล เพิ่มความหวานหอมด้วยวานิลลาและสารให้ความหวาน รับรองว่าอร่อยไม่แพ้คุกกี้ช็อกโกแลตชิดตามท้องตลาดทั่วไป แม้แต่คนไม่กินคีโต แค่ชิมคำแรกก็ต้องร้องว้าวจนขอชิ้นที่สองแน่นอน อิอิ


ส่วนผสม ( ทำคุกกี้ได้ 50 ชิ้น )

แป้งอัลมอนด์ลวก 3 ถ้วย ( 336 กรัม )เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชาเกลือทะเลละเอียด 1/2 ช้อนชาเนยจืด วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 12 ช้อนโต๊ะสารให้ความหวานตามชอบ 3/4 ถ้วย ( 96 กรัม )

ไข่ขนาดใหญ่ วางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 2 ฟอง

Vanilla Extract 2 ช้อนชา

ช็อกโกแลตชิพชนิดไม่ใส่น้ำตาล 1/2 ถ้วย หรือ ดาร์กช็อกโกแลตไม่มีน้ำตาลสับหยาบ 230 กรัม

วิธีทำ1. อุ่นเตาอบในอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์แผ่นอบขนาดใหญ่ 2 แผ่นพร้อมปูกระดาษรองอบ

2. ผสมแป้งอัลมอนด์ เบกกิ้งโซดาและเกลือในชามขนาดกลาง คนให้เข้ากัน ถ้าส่วนผสมเป็นก้อนให้คนจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกัน


3. ตีเนยให้เนียน ผมกับสารให้ความหวานจนกว่าจะเป็นครีมฟู ขูดข้างชาม ใส่ไข่และวานิลลาลงไปผสมต่อ ขูดข้างชามอีกครั้งแล้วผสมต่อ แล้วนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งในข้อ 2 ตามด้วยช็อกโกแลตชิพ นำไปแช่ตู้เย็นให้แป้งขึ้นดีอย่างน้อย 1 ชั่วโมง จะให้ดีควรแช่ทิ้งไว้ข้ามคืน


4. .ใช้ช้อนโต๊ะตัก 1-2 ครั้ง เป็นคุกกี้ 1 สกู๊ป แบ่งแป้งคุกกี้เป็นส่วนๆ แล้วปั้นให้เป็นก้อนกลม แล้วกดให้แบนเบาๆ ด้วยนิ้วมือ นำไปอบ 10-12 นาทีจนกว่าขอบจะเกรียมเป็นสีเหลืองทอง แต่ส่วนกลางยังนุ่มอยู่ พลิกด้านคุกกี้อีกด้านแล้วอบต่อจนกว่าจะสุก5. ปล่อยให้เย็นบนตะแกรง จนกว่าคุกกี้จะเซ็ตตัวแข็งพอจะหยิบได้ ( เวลาร้อนมากๆ คุกกี้จะกรอบป่นเป็นผงได้ง่ายมาก ) ย้ายคุกกี้ไปยังภาชนะเก็บขนม นำไปแช่ตู้เย็น พร้อมกินได้เลย

3. คุกกี้เนยถั่ว สูตรคีโต

เราอาจคุ้นกับการกินเนยถั่วเพียวๆ ผสมในสมูทตี้ หรือทาขนมปัง ( ซึ่งถ้าไดเอทแบบคีโต ก็ต้องกินขนมปังที่ทำจากแป้งอัลมอนด์หรือไข่ขาวแทน ) แต่ที่จริงเนยถั่วก็เป็นส่วนผสมหลักของขนมหลายอย่าง เช่น ' คุกกี้เนยถั่ว ' โดยสูตรนี้จะใช้เพียงส่วนผสม 4 อย่างเท่านั้น คาร์บต่ำ ไร้กลูเต็นและน้ำตาล ไม่ต้องใช้เครื่องผสมอาหาร ชั่งตวงแป้งหรือทำอะไรซับซ้อนวุ่นวาย แค่มีถาดอบ มีชาม ก็พร้อมเข้าครัวทำขนมแบบง่ายๆ ได้แล้ว เป็นมือใหม่ก็ลุยไปด้วยกันได้ สู้ค่ะซิส!

ส่วนผสม ( ทำคุกกี้ได้ 24 ชิ้น )

เนยถั่วชนิดไม่หวาน ไม่เติมเกลือ 1 ถ้วย ( แบบเนื้อเนียนหรือผสมถั่วบดหยาบก็ได้ )

ไข่ขนาดใหญ่ 1 ฟอง


สารให้ความหวานตามชอบ 1/3 ถ้วย ( 64 กรัม )


เกลือทะเลละเอียด 1/4 ช้อนชา


วิธีทำ1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมถาดอบชนิดใหญ่ 2 ถาด ปูกระดาษรองอบให้เรียบร้อย2. ผสมส่วนผสมทุกอย่างในชามใหญ่ คนให้เข้ากันด้วยช้อนไม้จนกว่าเนื้อจะเนียนเข้ากันดี3. ใช้ช้อนโต๊ะตักออกมา 1-2 ครั้งต่อส่วนผสมแป้งคุกกี้ 1 ชิ้น เมื่อแบ่งออกมาแล้วก็ม้วนเป็นก้อนกลมๆ แล้วกดให้แบนบนกระดาษรองอบ วางคุกกี้แต่ละชิ้นห่างกัน 1 นิ้ว ใช้ส้อมกดให้แบน และทำลายหยักไปมาเพื่อให้คุกกี้มีลวดลายยิ่งขึ้น

4. นำเข้าเตาอบ 9-11 นาทีจนกว่าคุกกี้จะมีขอบเป็นสีเหลืองทอง แต่ตรงกลางยังมีความนุ่มๆ หยุ่นๆ ปล่อยให้เย็นบนตะแกรง 5 นาที แล้วย้ายจากตะแกรงไปภาชนะเก็บคุกกี้ เก็บเข้าตู้เย็น พร้อมกินได้เลย

4. เค้กฟักทอง สูตรคีโต (Pumpkin Bars)

ฟักทอง ถือเป็นวัตถุดิบยอดฮิตที่ชาวลดความอ้วนชอบกิน เพราะรสชาติอร่อย แถมแคลอรี่ต่ำสุดๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เมื่อนำมาทำขนมสูตรคีโตอย่าง ' เค้กฟักทอง ( pumpkin bars ) ' เราจะใช้เป็นฟักทองบดในกระป๋องแทน ไม่มีสารกันบูดและสารกันเสีย และยังมีไส้หอมๆ จากสมุนไพรอย่างอบเชย ลูกจันทน์เทศ กานพลูและขิง มีสัมผัสครีมมี่หอมมัน ตัดกับรสเผ็ดนิดๆ ของเครื่องเทศ และยังมีความกรุบกรอบจากแป้งครัสต์ที่ทำจากอัลมอนด์กับเนยอีกด้วย ได้ลองทำกินเอง แล้วจะติดใจ!

ส่วนผสม ( ทำได้ 20 ที่ )แป้งครัสต์เนยจืดละลาย 6 ช้อนโต๊ะแป้งอัลมอนด์ลวก 2 ถ้วย ( 240 กรัม )สารให้ความหวานตามชอบ 1/4 ถ้วย ( 48 กรัม )เกลือทะเลละเอียด 1/4 ช้อนชาไส้เค้กฟักทองเนื้อฟักทองบดกระป๋องปริมาณ 425 กรัม 1 กระป๋องไข่ขนาดใหญ่ตีให้เข้ากัน 2 ฟองซาว์ครีม 1/2 ถ้วยVanilla Extract 1 ช้อนชาสารให้ความหวาน 1/2 ถ้วยอบเชย 1 ช้อนชาขิงผง 1/2 ช้อนชาลูกจันทน์เทศป่น 1/4 ช้อนชากานพลูบดหยิบมือเกลือทะเลละเอียด 1/4 ช้อนชาวิธีทำ1. อุ่นเตาอบให้อยู่ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมถาดอบประมาณ 9 นิ้วพร้อมปูกระดาษรองอบให้เรียบร้อย2. ทำแป้งครัสต์ ด้วยการกวนส่วนผสมครัสต์ทุกอย่างให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน กดให้แบนเรียบเสมอกันบนถาดอบ อบ 15-20 นาที จนกว่าจะขนมจะมีขอบเป็นสีเหลืองทอง เซ็ตตัวกันดี หยิบถาดออกมาวางบนตะแกรงให้เนื้อครัสต์เย็นประมาณ 10 นาที ลดอุณหภูมิเตาอบลงมาที่ประมาณ 160 องศาเซลเซียส3. ทำไส้เค้กฟักทอง ด้วยการใช้ที่ตีไข่กวนผสมไส้ทุกอย่างในชามขนาดใหญ่ ระวังส่วนผสมเป็นก้อน แล้วเทไส้ลงไปบนแป้งครัสต์ เกลี่ยให้เรียบเนียนเสมอกัน4. อบ 45-50 นาที จนกว่าขอบจะเซ็ตตัวดี และส่วนกลางยังมีไส้เยื้มๆ อยู่นิดหน่อย ปล่อยให้เย็นบนตะแกรง แล้วนำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมงถึงข้ามคืน ตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ พร้อมเสิร์ฟ

5. คุกกี้โดแบบไม่อบ สูตรคีโต (Cookie Dough No-Bake)

ขนมหวานชนิดหนึ่งที่มีกระแสในหมู่คนไทยพอสมควรก็คือ ' cookie dough ' หรือแป้งคุกกี้สดที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆ โดยที่ยังไม่นำไปอบ ซึ่งในสูตรแบบคีโตนี้ก็สามารถทำได้โดยยังคงรสชาติหวานมันเหมือนสูตรปกติ แถมทำง่ายสุดๆ แต่ส่วนผสมอาจต้องใช้เวลาเตรียมสักนิด เช่น แป้งอัลมอนด์ ช็อกโกแลตชิพแบบไม่มีน้ำตาล น้ำเชื่อมเมเปิ้ลคีโต แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน กินแล้วนุ่มเนียน ละลายในปาก จะเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมเลยล่ะ

ส่วนผสม ( ทำคุกกี้ได้ 22 ลูก )เนยจืดละลาย 3 ช้อนโต๊ะเนยถั่วอัลมอนด์ชนิดไม่หวาน เนื้อเนียน 1/4 ถ้วยแป้งอัลมอนด์ลวก 1 1/4 ถ้วย ( 150 กรัม )เกลือทะเลละเอียด 1/4 ช้อนชาน้ำเชื่อมเมเปิ้ลคีโต 1/4 ถ้วยสารให้ความหวานตามชอบ 1 ช้อนโต๊ะVanilla Extract 2 ช้อนชาช็อกโกแลตชิพไม่ใส่น้ำตาล 1/4 ถ้วยวิธีทำ1. ผสมเนย เนยถั่ว แป้งอัลมอนด์ เกลือ น้ำเชื่อมเมเปิ้ล สารให้ความหวาน และ vanila extract ลงไปในชามขนาดใหญ่ คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน เติมช็อกโกแลตชิพ คนให้เข้ากันอีกครั้ง2. แบ่งแป้งเป็นส่วนๆ ทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางตามชอบ ม้วนแต่ละส่วนเป็นก้อนกลมๆ ( แบ่งให้ได้ 22 ลูก ) แล้วนำไปใส่ในถุงซิปเปอร์ แช่ตู้เย็นให้แป้งเซ็ตตัวดี แล้วใส่มีดตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม หรือจะกินเป็นก้อนกลมๆ เลยก็ได้3. พร้อมเสิร์ฟได้เลย ส่วนผสมจะอยู่ในตู้เย็นได้นานสุด 5 วันค่ะ

6. คุกกี้ข้าวโอ๊ต สูตรคีโต

ถ้าพูดถึงอาหารที่สายเฮลตี้ ลดความอ้วนไม่ว่าวิธีไหนต้องพูดถึงเป็นอันดับแรกๆ คงต้องมีชื่อ ' ข้าวโอ๊ต ' ติดโผแน่นอน เพราะทั้งแคลอรี่ต่ำ กากใยสูง อิ่มนาน น่าเสียดายที่สำหรับคนกินคีโต ข้าวโอ๊ตเป็นแป้งอย่างหนึ่ง ในสูตรคุกกี้ข้าวโอ๊ตนี้จึงจะไม่ใช้ข้าวโอ๊ตของจริง แต่จะเป็นส่วนผสมอื่นๆ ที่ให้สัมผัสคล้ายกันแทน นั่นคือเมล็ดแฟล็กซ์, มะพร้าวขูดไม่หวาน และเมล็ด hemp ผสมกับแป้งอัลมอนด์และแป้งมะพร้าว ให้สัมผัสนุ่ม เคี้ยวหนึบ มีไขมันดี กินแล้วเฮลตี้ มีกรดอะมิโนสูง อิ่มนานสำหรับสายคีโต เกริ่นมาขนาดนี้ต้องลองทำดูสักครั้งแล้วล่ะ!

ส่วนผสม ( ทำคุกกี้ได้ 26 ชิ้น )แป้งอัลมอนด์ลวก 1 ถ้วย ( 112 กรัม )แป้งมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ( 14 กรัม )เมล็ดแฟล็กซ์ 1 ช้อนดต๊ะ ( 7 กรัม )เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชาอบเชย 2 ช้อนชาเกลือทะเลละเอียด 1/4 ช้อนชาเนยจืด วางที่อุณหภูมิห้อง 4 ช้อนโต๊ะสารให้ความหวาน 1/3 ถ้วย ( 64 กรัม )ไข่ขนาดใหญ่ วางที่อุณหภูมิห้อง 1 ฟองVanilla Extract 1 ช้อนชามะพร้าวขูดแบบไม่หวาน 1/2 ถ้วย ( 40 กรัม )เมล็ด hemp 1/4 ถ้วย ( 40 กรัม )วิธีทำ1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเศียส เตรียมถาดอบขนาดใหญ่ 2 ถาด ปูกระดาษรองอบให้เรียบร้อย2. ผสมแป้งอัลมอนด์ แป้งมะพร้าว เมล็ดแฟล็กซ์ เบกกิ้งโซดา อบเชยและเกลือรสมกันในชามเล็ก กวนให้เข้ากัน3. ตีเนยและสารให้ความหวานเข้ากันในชามใหญ่ด้วยเครื่องผสมอาหารประมาณ 2 นาที จนกระทั่งได้เนยที่ตีขึ้นฟูตั้งยอด ขูดข้างชามแล้วตีให้เข้ากันอีกครั้ง ผสมไข่กับวานิลลาเข้าไป ขูดข้างชามแล้วตีให้เข้ากันอีกครั้ง เติมส่วนผสมแป้งลงไป ตีต่อด้วยความเร็วต่ำจนกระทั่งเป็นเนื้อเดียวกัน โรยด้วยมะพร้าวขูดและเมล็ด hemp นำแป้งไปแช่ตู้เย้นให้เซ็ตตัว 1 ชั่วโมง4. ใช้ช้อนโต๊ะตักส่วนผสม 1-2 สกู๊ปต่อคุกกี้ 1 ชิ้น แบ่งเป็นส่วนๆ แล้วปั้นเป็นก้อนกลม วางบนกระดาษรองอบ วางคุกกี้ให้ห่างกันประมาณ 1 นิ้ว ใช้ฝ่ามือกดให้แบนเบาๆ นำไปอบ 8-10 นาที จนกว่าขอบคุกกี้จะมีสีเหลืองทอง พลิกด้านคุกกี้แล้วอบต่อจนสุกทั้งสองด้าน นำไปวางผึ่งลมให้เย็น 5 นาทีบนตะแกรง แล้วนำเก็บใส่ภาชนะ พร้อมกินได้ทันที

7. เมอแรงก์ไข่ขาว สูตรคีโต ( Meringues )

ขนมอย่างสุดท้ายที่เชื่อว่าสาวๆ หลายคนชอบกินอย่าง ' เมอแรงก์ ' แต่เมื่อกินคีโตก็ต้องงดอย่างเด็ดขาดเพราะมีส่วนผสมหลักอย่างน้ำตาล แต่ที่จริงมีสูตรที่สามารถทำเมอแรงก์ได้ โดยใช้สารให้ความหวานอื่นๆ แทน เพื่อไม่ให้ไปกระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือดให้พุ่งสูงปรื๊ด หลุดคีโตซิสโดยไม่จำเป็น แต่ยังได้รสหวานฟินๆ ไม่แพ้กัน ให้สัมผัสเบา ละลายในปาก กรอบนอกนุ่มใน ถ้าอยากอร่อยกับขนมสุดฮิตสัญชาติฝรั่งเศสนี้ แบบที่แพลนลดน้ำหนักไม่สะดุด ก็มาทำสูตรนี้ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

ส่วนผสม ( ทำคุกกี้ได้ 42 ชิ้น )ไข่ขาวจากไข่ขนาดใหญ่ 4 ฟอง *วางที่อุณหภูมิห้องน้ำมะนาว หรือครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชาสารให้ความหวานตามชอบ 1/4 ถ้วย ( 48 กรัม )เกลือทะเลละเอียด 1/8 ช้อนชาVanilla Extract 1/2 ช้อนชาวิธีทำ1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียส เตรียมถาดอบขนาดใหญ่ 2 ถาดพร้อมกระดาษรองอบ2. เทไข่ขาวลงไปในชามแห้งที่สะอาด ใช้เครื่องปั่นส่วนผสมอาหารตีด้วยความเร็วต่ำ แล้วค่อยๆ ปรับเป็นความเร็วปานกลางจนกว่าไข่ขาวจะตั้งยอด เติมน้ำมะนาว แล้วตีต่อ ปรับเป็นความเร็วปานกลางกึ่งสูง ( medium-high ) จนไข่ขาวเป็นมันวาวใส ร่อนสารให้ความหวานบนตะแกรง ตีต่อจนกว่าส่วนผสมจะตั้งยอดขึ้นฟู ตบท้ายด้วยใส่เกลือและวานิลลา3. ย้ายส่วนผสมไปที่ถุงบีบ หรือใช้ถุงซิปล็อกธรรมดาแล้วตัดปลายถุงให้เป็นปลายแหลมเพื่อบีบเป็นขนมเมอแรงก์ บีบให้มีขนาดประมาณ 1 1/2 นิ้วบนกระดาษรองอบ ( หรือใช้ช้อนตัก 2 ช้อนเพื่อทำเมอแรงก์ 1 ชิ้น ) อบ 25-30 นาทีจนกว่าขนมจะเซ็ตตัว หรือขอบขนมเริ่มเป็นสีน้ำตาล4. ปิดเตา เซาะขนมออกให้ขนมไม่ติดกระดาษด้วยช้อนไม้ ปล่อยให้เย็นในเตาอบเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ลอกกระดาษอบออก พร้อมเสิร์ฟ สามารถเก็บไว้ในภาชนะที่ฝาผิดสนิทในอุณหภูมิห้องได้ค่ะ


---------------------------


มีวัตถุดิบมากมายที่นำมาขนมแบบคีโตได้มากมายในท้องตลาด แคลอรี่ต่ำ รสหวานแต่ไม่กระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ว่าจะแป้งอัลมอนด์ น้ำตาลอิริท สารให้ความหวานเช่น อินูลิน สตีเวีย ( หญ้าหวาน ) หรือหล่อฮังก๊วย สาวๆ ที่ติดขนมจึงไม่ต้องกลัวจะจิตใจห่อเหี่ยว กินแต่เนื้อ ผักกับไขมันทั้งวัน เธอสามารถแบ่งสัดส่วนมากินขนมแบบโฮมเมดที่เธอทำเอง กะส่วนผสมเองได้ อร่อยฟินแบบไม่ต้องกลัวจะมีสารแปลกปลอมมาทำให้เธอมีปัญหากับระบบในร่างกายด้วย แถมรสชาติก็แทบไม่ต่างกับขนมใส่น้ำตาลปกติเลย



ใครที่ไม่ค่อยได้ทำครัวอาจจะรู้สึกยุ่งยากหน่อย แต่ที่จริงไม่ว่าจะลดความอ้วนด้วยวิธีไหน การลงมือทำของที่ตัวเองกินเอง ย่อมไปสู่น้ำหนักเป้าหมายได้ง่ายกว่า เพราะเรากะแคลอรี่และสารอาหารได้ชัดเจน ต่างกับกินข้างนอกที่เราไม่รู้ว่าใส่ตามที่บอกจริงไหม มีแคลอรี่ตรงตามฉลากหรือเปล่า ดังนั้นหัดทำเองให้เก่งไว้ยังไงก็ดีกว่า สุดท้ายนี้ขอให้มีความสุขกับขนมอร่อยๆ ทั้ง 7 อย่างนี้นะคะ ชาวคีโตทุกคน วันนี้เราลาไปก่อน บ๊ายบาย ٩(◕‿◕)۶


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้