แวะมาทักทายสาวๆSistaCafeทุกคนในช่วงโควิดค่ะ (´。• ω •。`) ♡คิดแล้วก็เหนื่อยใจ กักตัวรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ร้านอาหารก็พากันปิดเป็นแถบๆ ตอนนี้อยากจะกินที่ร้านก็ต้องงดไปก่อน งานที่บริษัทก็ต้องหอบมาทำกันที่บ้านกันเป็นแถว เข้าสู่สถานะ Work From Home นั่งจมหน้าคอมกันอีกรอบ #เซ็งมากกก!!อ่านข่าวสถานการณ์บ้านเมืองแล้วก็เครียด งานก็ปวดหัว ใช้สมองหนัก อยากกินขนม! จึงไม่แปลกที่หลายคนกินจุบจิบมากขึ้นจนน้ำหนักพุ่งไปตามๆ กันผู้หญิงส่วนใหญ่กับขนมหวานเป็นของคู่กัน จะห้ามไม่ให้กินในช่วงที่เบื่อๆ เครียดๆ ก็คงใจร้ายเกินไป แต่ถ้าตามใจปากก็เสี่ยงอ้วนมีพุง เหนียงออก กระดุมปริอีก วันนี้เราเลยพาซิสมาหาทางสายกลาง ด้วยการทำ' 7 สูตรขนมหวานคีพหุ่น 'กินเองที่บ้าน แคลอรีไม่เยอะ เข้าครัวกันเพลินๆ ในช่วงเวิร์กฟรอมโฮม รับรองว่าทำไม่ยากอย่างที่คิด แต่ละสูตรบอกเลยว่าอร่อยฟิน! มีเมนูไหนบ้างไปดูกันค่า
1. อัฟโฟกาโต้ ( ไอติมวานิลลาราดกาแฟ )
สูตรแรก เหมาะกับสาวไทยเมืองร้อนอย่างเราๆ มาก' อัฟโฟกาโต้ ' หรือกาแฟดำราดไอติม แค่ต้มน้ำร้อน โดยใช้อัตราส่วนผงกาแฟ 1/4 ถ้วยต่อน้ำเปล่า 1 ถ้วย ก็จะได้เอสเพรสโซ่ที่เข้มข้นกำลังดี
ส่วนไอศกรีมจะใช้เป็นรสวานิลลายี่ห้อไหนก็ได้ตามชอบเลย ถ้าเลือกเป็นแบบเจลาโต้ ไขมันต่ำก็ยิ่งเซฟแคลอรี่ได้มากขึ้น
ได้รสหวานๆ ขมๆ ดับกระหายพอชื่นใจ ไม่อ้วน ทั้งคาเฟอีนจากกาแฟและความเย็นจากไอศกรีม ตื่นตัวพร้อมทำงานทันทีเลยค่ะ ^^
สารอาหาร : 140 แคลอรี, ไขมัน 7 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 16 กรัมส่วนผสม- ไอศกรีมวานิลลาหรือเจลาโต้ 2 ถ้วย- เอสเพรสโซ่ร้อน ( กาแฟดำเพียวร้อน ) 1 ถ้วย
วิธีทำ- ตักไอศกรีม 1 สกู๊ปลงไปในแก้ว เทกาแฟลงไป 1/4 ของแก้วนั้น เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟได้เลยค่า #ง่ายเหมือนจับวาง
2. คุกกี้ข้าวโอ๊ตโกโก้มะพร้าว
สาวๆ บางคนอ่านชื่อขนมแล้วย้อนกลับไปดูใหม่ว่า นี่บทความแนะนำขนมแคลอรีต่ำจริงเหรอ? คุกกี้เนี่ยนะ? ใช่ค่ะ คุกกี้นี่แหละ ถ้ากินแค่ชิ้นสองชิ้นแต่เป็นคุกกี้ที่ใช้สารอาหารดีๆ มีประโยชน์ ก็ไม่ต่างจากการกินอาหารดีๆ ให้ร่างกาย เพิ่มเติมคือฟินกับรสหวานมันของขนมอีกด้วย!
ถ้าไม่มีแอปเปิ้ลซอส จะใช้น้ำผึ้ง เมเปิ้ลไซรัปหรือกล้วยแทนก็ได้ พระเอกของสูตรนี้คือ ' ข้าวโอ๊ต ' ที่สายไดเอทรู้กันดีว่าไฟเบอร์สูง อิ่มนาน ช่วยในระบบขับถ่าย รักษาระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มรสชาติอร่อยด้วยมะพร้าวและช็อกโกแลตชิ้นเล็ก กินสักชิ้นในช่วงบ่ายที่น้ำตาลตก บอกเลยว่าอิ่มจนไม่อยากกินอะไรเพิ่มเลย ไม่เชื่อต้องลอง
สารอาหาร : 146 แคลอรี, ไขมัน 9 กรัม, โซเดียม 111 มิลลิกรัม ( ทำคุกกี้ได้ 12 ชิ้น )ส่วนผสม- แป้งอเนกประสงค์ 3/4 ถ้วย- ผงโกโก้แบบไม่หวาน 1/4 ถ้วย- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา- เกลือ 1/2 ช้อนชา- เนยอุณหภูมิห้อง 5 ช้อนโต๊ะ- น้ำตาลทรายแดง 1/3 ถ้วย- ไข่ 1 ฟอง- แอปเปิ้ลซอสแบบไม่หวาน 1/4 ถ้วย- Vanilla Extract 1/2 ช้อนชา
- ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ- มะพร้าวขูดไม่หวาน 1/3 ถ้วย และช็อกโกแลตหวานน้อย 1/3 ถ้วย *ใส่หรือไม่ก็ได้วิธีทำ1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ปูแผ่นรองอบ ร่อนแป้ง ผงโกโก้ เบกกิ้งโซดาและเกลือในชามขนาดกลาง ใช้เครื่องผสมอาหารตีเนยในชามใบใหญ่จนได้เนื้อเนยเนียนนุ่มขึ้นฟู เติมน้ำตาลทรายแดง ตีต่อให้เข้ากัน2. ใส่ไข่ แอปเปิ้ลซอสและวานิลลา ใส่ส่วนผสมแป้งลงไป ตีต่อจนได้แป้งเป็นก้อนชื้นๆ ใส่ข้าวโอ๊ตและมะพร้าว กวนด้วยไม้สปาตูล่าจนผสมเข้ากันดี แป้งโดว์แข็งตัว เติมชิ้นช็อกโกแลต นวดเบาๆ จนช็อกโกแลตกลืนไปกับเนื้อแป้ง3. ใช้มือที่เปียกน้ำ ปั้นแป้งขนาด 1 ช้อนโต๊ะให้กลมเป้นลูกบอล วางบนแผ่นรองอบ ใช้ช้อนกดให้ก้อนแป้งแผ่ออกเป็นวงกลมแบนๆ ขนาด 2 นิ้ว ทำให้ครบทุกก้อน วางคุกกี้แต่ละก้อนห่างกันประมาณ 2 นิ้ว4. อบคุกกี้ประมาณ 12 นาทีจนกึ่งกลางคุกกี้เริ่มแข็ง ทิ้งไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ
3. บราวนี่ฟัดจ์ราสเบอร์รี
สูตรที่สามจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก
' บราวนี่ '
ขนมสุดฮิตของสาวๆ ในช่วงกักตัวรอบแรก เพราะทำง่าย อร่อย แม้จะใช้ส่วนผสมเยอะจนดูน่ารำคาญไปบ้าง แต่วิธีทำจริงๆ ไม่ได้ซับซ้อนมาก
ในสูตรนี้จะใช้ตัวเด่นๆ เป็นราสเบอร์รีแช่แข็งผสมกับรสเปรี้ยวของมะนาว เพื่อตัดรสหวานเลี่ยนอย่างเดียวของช็อกโกแลต ให้บราวนี่มีหลายรส กินแล้วไม่น่าเบื่อ และยังได้ประโยชน์จากผลไม้ และแป้งโฮลวีตอีกด้วย
แทนที่จะกินช็อกโกแลตแท่งน้ำตาลสูงปรื๊ด กินบราวนี่ชิ้นนี้สัก 1-2 ชิ้นเป็นอันจบ เสร็จ พร้อมรอมื้อต่อไปได้เลย ทำครั้งนึงได้เยอะมาก กินยาวๆ ช่วง WFH ได้เป็นสัปดาห์ คุ้มกับการล้างภาชนะหลังทำเสร็จแน่นอน อิอิ
สารอาหาร : 230 แคลอรี, ไขมัน 11 กรัม, โซเดียม 100 มิลลิกรัม ( ทำบราวนี่ได้ 15 ชิ้น )ส่วนผสม- คุกกิ้งสเปรย์ ฉีดแผ่นรองอบ- ช็อกโกแลตแบบไม่หวาน 115 กรัม- เนย 2 ช้อนโต๊ะ- แป้งเพสตรี ( pastry ) โฮลวีท 1 ถ้วย- ผงโกโก้แบบไม่หวาน 1/4 ถ้วย- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- ไข่ขาว 4 ฟอง- ไข่ฟองใหญ่ 3 ฟอง- น้ำตาลทรายแดง 1 1/3 ถ้วย- แอปเปิ้ลซอสแบบไม่หวาน 3/4 ถ้วย
- Canola Oil 2 ช้อนโต๊ะ- Vanilla Extract 1 ช้อนชา- ช็อกโกแลตชิพชนิดหวานน้อย 1/2 ถ้วย
- ราสเบอร์รี่แช่แข็งสับหยาบ 1 1/2 ถ้วย- ช็อกโกแลตขูดฝอยและเปลือกมะนาวขูด *ใส่หรือไม่ก็ได้
วิธีทำ1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส สเปรย์น้ำมันที่ถาดรองอบขนาด 9x13 นิ้ว ผสมช็อกโกแลตและเนยในชามที่เข้าไมโครเวฟได้ นำไปเวฟด้วยไฟกลาง นำออกมาคนทุกๆ 30 วินาทีจนกว่าช็อกโกแลตจะละลาย เนื้อเนียนเข้ากัน
2. ในชามขนาดกลาง ใช้ที่ตีไข่ตีแป้ง ผงโกโก้และเกลือให้เข้ากัน ส่วนชามขนาดใหญ่ ตีไข่ขาว ไข่ฟองใหญ่และน้ำตาลทรายแดงให้เข้ากันจนเนื้อขึ้นฟู เติมแอปเปิ้ลซอส น้ำมันและวานิลลา ตีให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมช็อกโกแลต ตีต่อให้เข้ากันดี นำไปห่อในส่วนผสมแป้งจนเปียกหมาดๆ3. ผสมช็อกโกแลตชิพและราสเบอร์รี่ให้เข้ากัน ใช้กระดาษทาเนย เช็ดให้ทั่วถาดรองอบ ให้ถาดมีความมันๆ ขนมจะได้ไม่ติดถาด4. นำเข้าเตาอบ 20-25 นาที หรือจนกว่าใช้นิ้วแตะขนมส่วนบนแล้วเนื้อเด้งกลับ
5. วางพักบนตะแกรง ทิ้งไว้ให้เย็น โรยด้วยช็อกโกแลตขูดและเปลือกมะนาวขูด สามารถตัดได้ประมาณ 15 ชิ้น พร้อมเสิร์ฟได้เลย
4. คัพเค้กแครอท
เห็นชื่อขนมเป็น' คัพเค้กแครอท 'แต่รสชาติไม่ขมหรือเฝื่อนเหมือนกินแครอทสดแน่นอน ตรงกันข้าม ได้รสหอมหวานอร่อยจากน้ำตาล เมเปิ้ลไซรัปและแซมรสเปรี้ยวด้วยสับปะรดหั่นชิ้น สูตรนี้เราปรับให้เนื้อเบาลง กินง่ายและไม่อ้วน
เพราะเปลี่ยนจากเนื้อบัตเตอร์ครีมในสูตรปกติเป็นกรีกโยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำแทน ใช้แทนกันได้แต่แคลอรีต่ำกว่าเยอะ ได้ไขมันดีจากถั่ววอลนัทเป็นของแถม หวานกรุบกรอบแบบนี้ จะกินช่วงมื้อว่างหรือแพ็คไปกินข้างนอกก็เริ่ดสุดๆ
สารอาหาร : 237 แคลอรี, ไขมัน 15 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 23 กรัม, ไฟเบอร์ 1 กรัม, น้ำตาล 13 กรัม, โปรตีน 4 กรัม ( ทำคัพเค้กได้ 14 ชิ้น )
ส่วนผสม( คัพเค้ก )- แป้งอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
- แป้งโฮลวีท 3/4 ถ้วย- ผงฟู 1 ช้อนชา / เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา / อบเชย 1 ช้อนชา
- ผงลูกจันทน์เทศ 1/4 ช้อนชา / ผงขิง 1/4 ช้อนชา / เกลือ 1/4 ช้อนชา- น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย / น้ำตาล 1/4 ถ้วย / เมเปิ้ลไซรัป 1/4 ถ้วย- ไข่ 2 ฟอง / สับปะรดหั่นชิ้น 1/2 ถ้วย ( และน้ำสับปะรดด้วย )- Vanilla Extract 1/4 ช้อนชา / แครอทขูดฝอย 1 1/2 ถ้วย- วอลนัทสับหยาบ 1/2 ถ้วย ( ไว้ตกแต่งหน้าคัพเค้ก )
( ฟรอสติ้งครีมชีส )- ครีมชีสอุณหภูมิห้อง 230 กรัม- กรีกโยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ 1/4 ถ้วย- เมเปิ้ลไซรัป 1/4 ถ้วย- Vanilla Extract 1 ช้อนชา
วิธีทำ1. อุ่นเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส ร่อนแป้งอเนกประสงค์ แป้งโฮลวีท ผงฟู เบกกิ้งโซดา อบเชย ผงลูกจันทน์เทศ ผงขิงและเกลือให้เข้ากัน พักไว้2. ตีน้ำมัน น้ำตาล เมเปิ้ลไซรัป ไข่ สับปะรดหั่นชิ้นและ Vanilla Extract ให้เข้ากันในชามใหญ่ โรยส่วนผสมแห้งลงไป ตีต่อจนเข้ากันดี
3. นำแครอทขูดและวอลนัท 1/2 ถ้วยใส่ลงไป ห่อในส่วนผสมแป้ง4. วางถ้วยอบ 14 ใบบนถาดอบมัฟฟินทั้ง 2 ถาด ตักส่วนผสมคัพเค้ก 3 สกู๊ปใส่ถ้วยอบแต่ละใบ อบ 25 นาทีหรือใช้ไม้จิ้มฟันแล้วเนื้อขนมไม่ติดออกมา5. เตรียมฟรอสติ้ง ตีครีมชีส กรีกโยเกิร์ต เมเปิ้ลไซรัปและ Vanilla Extract ให้เข้ากันไม่เป็นก้อน ตี 2 นาทีแล้วนำไปเข้าตู้เย็น รอให้คัพเค้กเย็นเต็มที่ นำฟรอสติ้งตักใส่ถุงบีบ บีบบนเนื้อขนมให้สวยงามตามชอบ ตกแต่งด้วยวอลนัท
5. สมูทตี้หวานเย็นแบบแท่ง
สูตรนี้สาวซิสน่าจะคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เป็นเด็กน้อย อย่าง ' หวานเย็นแบบแท่ง ' ที่เคยกินตามหน้าโรงเรียน ภาพจำของเราๆ คือน้ำหวานที่ใส่ในพิมพ์แท่งกลมๆ แล้วดึงออกมาเป็นไอติมเกล็ดน้ำแข็งใช่ไหมคะ
แต่ในบทความนี้เราจะเพิ่มความไฮโซเข้าไปหน่อย ด้วยการไม่ใช้น้ำหวาน ( ที่มีแต่น้ำตาล ) เป็นสมูทตี้ผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพกว่าเข้าไปแทน มีส่วนผสมของนมอัลมอนด์เพิ่มโปรตีน และโยเกิร์ตที่ช่วยต่อระบบขับถ่าย ทำง่ายแค่ปั่นๆ แล้วใส่พิมพ์แช่เย็น ใครขี้เกียจเข้าครัวอบขนมวุ่นวาย อันนี้แหละตอบโจทย์!
สารอาหาร : อยู่ที่ประมาณแท่งละ 100-150 แคลอรี
ส่วนผสม
- ผลไม้สดหรือแช่แข็ง เช่น ราสเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี สับปะรด ส้ม กล้วย 2 ถ้วย
- นมอัลมอนด์ชนิดไม่หวาน 1 กล่อง
- กรีกโยเกิร์ต 1 ถ้วย
- น้ำแข็งก้อน 1-2 ถ้วย
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในเครื่องปั่น กะๆ เอาได้ไม่ต้องเป๊ะ ชอบเนื้อครีมมี่หน่อยก็ใส่กรีกโยเกิร์ตเยอะ อยากกินผลไม้เข้มข้นก็ใส่เนื้อผลไม้เยอะหน่อย ปั่นจนเนื้อเนียนเข้ากัน
2. เทใส่พิมพ์ไอติม ถ้าไม่มีก็เทใส่ถ้วยพลาสติก ถาดน้ำแข็งหรือถ้วยกระดาษชิ้นเล็กๆ ได้เช่นกัน แช่แข็ง 3-4 ชั่วโมงในช่องฟรีซจนไอติมแข็งตัว
3. นำออกจากช่องฟรีซ นำไปวางในชามใส่น้ำอุ่น 10-15 วินาที ให้ไอติมหลุดจากพิมพ์ออกมาได้ง่าย เท่านี้ก็สนุกกับใช้ช้อนตักกินได้เลย
6. ไอติมกล้วยมะพร้าว
สูตรนี้แค่เห็นชื่อ' กล้วยกับกะทิ 'ก็การันตีความหวาน สัมผัสหอมมัน เนื้อครีมมี่แสนอร่อยได้แล้ว เพิ่มความหนุบหนับด้วยไซรัปอินทผลัมที่กวนจนข้นเหนียวเหมือนคาราเมล เนื้อนุ่มเนียนของกล้วยที่ปั่นเข้ากับกะทิอย่างลงตัว และสัมผัสกรุบกรอบจากถั่วอัลมอนด์สไลซ์
อร่อยฟิน ดีต่อระบบขับถ่าย ขอเตือนว่าด้วยความหวานค่อนข้างเยอะและไขมันจากน้ำมันมะพร้าว กินแค่ถ้วยเล็กๆ พอหายอยากก็เพียงพอ ถ้ากินเพลินเกินพิกัดความอ้วนมาเยือนแน่นอนค่า
*สูตรนี้ให้พลังงานประมาณ ชิ้นละ 250-300 แคลอรี ( ทำได้ 4 ชิ้น )
ส่วนผสม
- กล้วยขนาดกลาง 4 ผล
- น้ำมันมะพร้าว 3 ช้อนโต๊ะ
- ไซรัปอินทผลัม 6 ช้อนโต๊ะ
- กะทิสูตรปกติ ( full-fat ) 385 กรัม
- อัลมอนด์หั่นสไลซ์ 3/4 ถ้วย
วิธีทำ
1. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ปูกระดาษรองอบที่ถาด ปอกเปลือกกล้วย วางบนถาดอบ หยดน้ำมันมะพร้าวและไซรัปอินทผลัม 3 ช้อนโต๊ะลงไป นำกล้วยไปย่าง 15-20 นาที
2. นำกล้วยที่ย่างแล้วใส่ในเครื่องปั่น เติมกะทิลงไป ปั่นจนเนื้อเข้ากันดี เทใส่ชาม แช่ตู้เย็นทิ้งไว้ข้ามคืนอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
3. นำอัลมอนด์วางบนกระทะ หยดไซรัปอีก 3 ช้อนโต๊ะลงไป ตั้งไฟอ่อน คนเป็นระยะประมาณ 5 นาทีจนอัลมอนด์เกรียมนิดๆ และชุ่มไซรัป
4. เทราดซอสไซรัปอัลมอนด์ที่ข้นเหนียวเหมือนคาราเมลลงในส่วนผสมข้อ 2 พร้อมกินได้ทันที
7. พุดดิ้งช็อกโกแลตไร้ไข่ ใส่เกลือทะเลและน้ำมันมะกอก
สูตรสุดท้าย ใครๆ ก็คงคุ้นชินกับขนม ' พุดดิ้ง ' ที่ทำง่ายในเวลารวดเร็ว ในสูตรนี้เราใช้ส่วนผสมหลักเป็นช็อกโกแลตชนิดหวานน้อย จึงไม่หวานจนเลี่ยน
แต่ยังได้สารต้านอนุมูลอิสระ ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงสมอง ผสานรสชาติกับไขมันดีจากน้ำมันมะกอก และรสเค็มกรุบกริบจากเกลือ รสชาติจะคล้ายๆ กับกินมันฝรั่งทอดหรือแครกเกอร์โรยเกลือ แต่คุณประโยชน์ดีกว่ากันเยอะ!
สารอาหาร : 310 แคลอรี, ไขมัน 19 กรัม, น้ำตาล 29 กรัม ( ทำได้ 4 ถ้วย )
ส่วนผสม
- น้ำตาล 1/4 ถ้วย
- น้ำเชื่อมข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
- นมไขมันต่ำ 2 ถ้วย
- เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ
- ช็อกโกแลตชนิดขมหรือหวานน้อยหั่นสับละเอียด 115 กรัม ( หรือจะใช้ช็อกโกแลตชิพแบบขม 2/3 ถ้วยก็ได้ )
- Vanilla Extract 1 ช้อนชา- เกลือเล็กน้อย- น้ำมันมะกอกและเกลือทะเล ไว้โรยหน้าพุดดิ้งตามต้องการ
วิธีทำ1. ผสมน้ำตาลและน้ำเชื่อมข้าวโพดในกระทะขนาดกลาง ใช้ไฟอ่อน ค่อยๆ เติมนมลงไป ใช้ที่ตีไข่ตีจนเนื้อเข้ากัน เทใส่หม้อตุ๋น
2. ตีเนย ช็อกโกแลต วานิลลาและเกลือให้เข้ากัน ปิดไฟเตา คนต่อจนช็อกโกแลตหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน3. เทส่วนผสมพุดดิ้งในแก้วใบเล็ก 4 ใบ แช่ตู้เย็นให้แข็งตัวอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
4. ก่อนเสิร์ฟ หยดน้ำมันมะกอกและเกลือที่หน้าพุดดิ้งเล็กน้อย หรือจะโรยผงช็อกโกแลตตกแต่งด้วยก็ได้เช่นกันค่ะ
----------------------------------------
อ่านจบก็รู้สึกน้ำลายสอแล้ว มีแต่เมนูอร่อยๆ ทั้งนั้น! ทั้ง 7 สูตรนี้ไม่มีอันไหนเกิน 400 แคลอรีเลย กินชิ้นสองชิ้นในช่วงบ่ายได้ชิลล์ๆ ไม่อ้วน ส่วนผสมหลักก็ทำจากวัตถุดิบที่มีประโยชน์ อย่างผลไม้ โยเกิร์ต ดาร์กช็อกโกแลต ข้าวโอ๊ต นอกจากจะได้คุณค่าจากอาหารชนิดนั้นๆ แล้ว ยังทำให้อิ่มนาน ไม่หิวจุกจิกเหมือนกินขนมถุง หรือของเค็มๆ มันๆ ตามที่ขายกันทั่วไปอีกด้วยค่ะขนมบางสูตรอาจจะส่วนผสมเยอะ ดูยุ่งยาก แต่เรามองว่าทำทีนึงก็ได้เป็นสิบชิ้น อยู่ได้หลายวัน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ เทียบกับร้านขนมที่ขายเมนูแนวนี้ชิ้นละร้อยสองร้อยบาท ทำเอง กินเองยาวๆ น่าจะประหยัดกว่ามาก เลือกเมนูที่ชอบแล้วลองลุยกันได้เลย เผลอๆ ทำอร่อย ไปได้ดี อาจได้อาชีพเสริมในช่วงโควิดนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ =w= วันนี้ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้านะคะ บ๊ายบาย
Cr. 27 Desserts That Won't Make You Fat [eatthis.com]
https://www.eatthis.com/desserts-that-wont-make-you-fat/