12 สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ ถ้ามีแฟนเป็น ' กู้ภัย '

จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จาก' ถ้ำหลวง 'สาว ๆ บางคนอาจเหล่บ้างว่ามีเจ้าหน้าที่คนไหนหล่อ ๆ ในไซต์งานบ้างนะ ดูแล้วเพลิน เจริญตา เจริญใจ อยากเป็นแฟนสักครั้ง

แต่ความเป็นจริงนั้นย่อมไม่เหมือนความฝันเสมอไป และนี่คือสิ่งที่ต้องปรับตัว ทำความเข้าใจ ถ้าได้เป็นแฟนกับ' เจ้าหน้าที่กู้ภัย 'จริง ๆ

#1 เวลามีให้กันไม่แน่นอน

ยิ่งถ้าเขาเป็นจิตอาสา ชนิดที่ว่าใครมาขอให้ไปเมื่อไหร่ก็ไปได้หมด ไม่เกี่ยงงาน ข้อนี้ต้องทำใจไว้เลย ว่าเราอาจไม่ใช่ที่ 1 เสมอไป งานด่วนมาเมื่อไหร่ เขาต้องเลือกงานก่อนเสมอ อย่าน้อยใจไปถ้าเขาจะมีเวลาให้เราน้อย หรือหาเวลาแน่นอนไม่ได้เลย เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามีเวลาให้ จงรักษาให้คุ้ม อย่าสูญเปล่าไปกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง Quality Time เป็นเรื่องสำคัญมาก

#2 เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ชายเนื้อหอมสักเท่าไหร่

แต่ละครั้งที่ไปทำงาน ต้องกลับด้วยกลิ่นและคราบสารพัดแบบ ถ้ามีโมเมนต์น่ารัก ๆ ซักชุดให้, ซื้อน้ำหอมให้, ซัก-รีดชุดทำงานให้เขาแบบหอม ๆ จะเป็นเรื่องที่เขาชื่นใจมากเลยค่ะ

#3 การที่เขาสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ไม่ได้แปลว่าเขารักเพื่อนมากกว่าเรา

สังคมการทำงานของเขาต้องประสานงานกับหลายฝ่ายหลายคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าเขาจะต้องสังสรรค์กันบ่อย ( เว้นเสียแต่เขาเป็นคนรักสันโดษมาก ๆ ) มันอาจดูเป็นเรื่องน่ารำคาญ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า เขาก็ต้องการปรับทุกข์ พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพือนเขา ถ้าเราไม่พอใจอาจลองไปร่วมวงกับเขาสักครั้ง หรือขอร้องให้เพลา ๆ ลงหน่อย เพื่อสุขภาพและเวลาที่มีให้กันเป็นหลัก ( ค่อย ๆ คุยแบบหาจุดกลางต่อกันนะคะ อย่าหักดิบมากเกินไป )

#4 เรื่องลี้ลับ ของขลัง เป็นเรื่องธรรมดา

การทำงานของเขาต้องเข้าไปพัวพันกับศพและวิญญาณเป็นเรื่องปกติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเขาจะมีเครื่องรางของขลังอะไรเต็มไปหมด หรือมีปรากฎการณ์แปลก ๆ ให้เราเห็นบ้าง อย่าตระหนกตกใจไป ยึดมั่นเอาไว้ว่า เราทำดี ทำเพื่อสังคม อย่างไรเสียความดีก็ต้องคุ้มครองเรา ไม่ทำร้ายเรา ถ้าไม่สบายใจจริง ๆ อาจชวนกันไปทำบุญในวันต่อมาก็ได้

#5 พูดจาโผงผาง ฟังเหมือนไม่เพราะ

การพูดจาโผงผาง เสียงดัง เหมือนชวนทะเลาะ บางทีเขาไม่ได้ตั้งใจ อาจติดนิสัยจากการทำงานที่ต้องใช้เสียงประสานงานอยู่เรื่อย

#6 อยู่ดี ๆ ก็อาจมีคนมาเอาเรื่องถึงบ้าน

การทำงานกู้ภัย เป็นงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับชีวิตคน สำคัญพอ ๆ กับบุคลากรการแพทย์ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันดีคืนดีอาจมีคนมาหาเรื่องถึงบ้านด้วยความเข้าใจผิด หรือแค่อยากจะมีเรื่องเฉย ๆ ไม่ใช่แค่แฟนที่ต้องระวังตัว เราเองก็ต้องระวังด้วย อย่าประมาท รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี

#7 ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของแฟนค่อนข้างเสี่ยง

เขาอาจไม่ใช่คนที่เพอร์เฟ็กต์สักเท่าไหร่ เพราะไลฟ์สไตล์การทำงานของเขาอาจติดมาถึงไลฟ์สไตล์ส่วนตัวด้วย เช่น ขับรถเร็ว ( ติดนิสัยจากการทำงานแข่งกับเวลา ), นอนกรน ( นอนไม่เป็นเวลา ร่างกายอ่อนล้าจากการทำงาน ), หุ่นหมี ๆ ( ทานข้าวไม่ตรงเวลา ไม่เลือกทาน )ถ้าเราอยากให้เขาเปลี่ยนตัวเองโดยหวังจะให้เขาอยู่กับเราไปนาน ๆ มีสุขภาพดี ๆ ก็ช่วยประคองเขาไปทีละนิด เช่น เตือนให้เขาขับช้าลงหน่อย ไม่ต้องรีบก็ได้ เพราะนี่คือเวลาส่วนตัว, พาไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ, เลือกอาหารแนวสุขภาพให้เขาทานเป็นนิสัย, ชวนกันออกกำลังกายในเวลาว่าง พูดกับเขาดี ๆ เพื่อให้เห็นเจตนาดีของเรา เดี๋ยวเขาก็ยอมทำตามที่เราขอเอง

#8 อย่ามองที่เม็ดเงินหรือสินน้ำใจ

อย่าชวนทะเลาะด้วยความคิดที่่ว่า " ทำไปทำไม เสี่ยงชีวิต เจ็บตัว เจ็บใจ เงินก็ได้น้อย " เขาอาจสุขใจที่ได้ช่วยเหลือสังคม ได้ทำดีเพื่อคนอื่น ในเมื่อมันก็เป็นเรื่องดี ๆ เราก็ควรสนับสนุนเขาไม่ใช่หรือ?

#9 เราต้องเป็นที่พักใจพักกายที่สบายที่สุด

งานเขาเหนื่อยมามากพอแล้ว พยายามอย่าทำให้เขาเหนื่อยใจเพิ่ม ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป ทำอะไรที่เอาใจเขาบ้าง คอยรับฟังเขาเสมอเวลาที่เขาทุกข์จากที่ทำงาน เขาจะได้มีพลังพร้อมสู้กับความยากลำบากต่อไปโดยที่ไม่ต้องห่วงกังวลในตัวเรา

#10 ชีวิตต้องไม่ประมาทเสมอ

การออกไปทำงานของแฟนเรา เท่ากับว่าเขาก้าวเท้าออกไปเจออะไรไม่รู้ คาดเดาไม่ได้เลย จะเจอโชคดีหรือร้ายเพียงใดก็ไม่รู้ ( แต่ส่วนมาก เป็นไปในทางเสี่ยงชีวิตมากกว่า ) ดังนั้น การเป็นแฟนกับเขา อย่าประมาทชีวิตเด็ดขาด อะไรที่บั่นทอนต่อกัน ลดได้ก็ลดลงหน่อย เพราะเราไม่มีทางรู้อนาคตได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุดได้ เพื่อที่จะไม่มานั่งเสียดายและเสียใจทีหลังหากเกิดเรื่องร้ายกะทันหัน

#11 อย่าทนในสิ่งที่เกินจะฝืนได้

เพราะมีเวลาคุยกันน้อย เพราะเวลาส่วนใหญ่ของเขาต้องทำเพื่อคนอื่นก่อน ฉะนั้น เรื่องไหนที่ไม่พอใจ ไม่ชอบ คุยกันตรง ๆ เคลียร์กันดี ๆ อย่าใช้วิธีเงียบ อดทนในสิ่งที่ไม่ควรอดทนจนสะสมเป็นปัญหาที่ทะเลาะกันบ่อยขึ้น และแรงขึ้น

#12 ระยะเวลาจะเป็นสิ่งคัดกรองเองว่า คุ้มหรือไม่ที่เอาชีวิตมาเสี่ยงกับคน ๆ นี้

ตลอดเวลาที่คบกันอุปสรรคจากงานที่เขาทำจะมาบั่นทอนเยอะมาก ถ้าโดยรวมแล้วเขามีนิสัยน่ารักกับเรา ให้เกียรติเรา ให้เกียรติคนรอบตัวเรา นอกจากงานก็ไม่เพิ่มความเสี่ยงให้กับชีวิต ( พูดง่าย ๆ ว่าไม่ไปหาเรื่องเข้าบ้านมาอีก ) ก็ถือว่ายังเป็นผู้ชายที่พอจะไปกับเราได้นาน ๆแต่ถ้าเขาทำให้ชีวิตเราแย่ลงเยอะ ทบทวนให้ดีว่าจะทนต่อไปหรือไม่ เพราะเขาก็คือผู้ชายคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เพอร์เฟ็กต์อะไร บางทีเราอาจคาดหวังมากเกินไป หรือไม่ก็ความคิดไม่ตรงกัน

ความรักสวยงามจริงไหม? คำถามนี้ต้องพิสูจน์ด้วยโลกความจริงเท่านั้นค่ะ แต่อาจไม่สวยงามหรือดูง่ายเหมือนนิยายหรือนิทานที่เรารู้ตอนจบ ชีวิตจริงเราเจออุปสรรคได้ทุกวัน และอนาคตนั้นก็ไม่สามารถเดาได้ว่าจะเจออะไร ความรักมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ อย่าประมาทค่ะ