สวัสดีค่ะสาวๆSistaCafeทุกคน

ได้ฤกษ์งามยามดีเขียนบทความท่องเที่ยวแล้ว หลังจากเราแอบหนีไปเที่ยวที่กาญจนบุรีมา อยากจะบอกว่าสนุกมากๆ จนกลายเป็นหลงรักจังหวัดเข้าอย่างจัง และขอบอกเลยว่า ทริปนี้ไม่มีแค่ไปเที่ยวน้ำตก นอนล่องแพเฉยๆ แน่นอนค่ะ

เพราะทั้ง 3 วัน 2 คืนที่เราได้อยู่กาญจนบุรี เราได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวในสถานที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรีหลายๆ ที่ เรียนรู้เรื่องราวและวัฒนธรรมชาวบ้านและชาวมอญที่อาศัยอยู่ที่กาญจนบุรี และได้ไปเล่น

tree top Adventure

และได้ไปพักที่พักในเครือของ

Serenata Group

ทั้งสอง 2 คืน ซึ่งที่พักของเราดีมากกกกก

( อยากรู้ว่าจะดีแค่ไหนต้องตามมาดูค่ะ )

การไปกาญฯ ของเรารอบนี้ถือว่าคุ้มมาก อยากจะอยู่ต่ออีกสักอาทิตย์ยาวๆ ไปเลย อ่ะ มาเข้าบทความของเราดีกว่าค่ะ สาวๆ พร้อมที่จะไปกาญฯ กับเราหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว ลุยกันเลย


ไป 'กาญฯ' ยังไงดี ?

รูปภาพ:

' จากกรุงเทพไปยังกาญจนบุรีมีระยะทางเพียง 129 กิโลเมตร ไม่ไกลจากกรุงเทพเลย มาได้ง่ายมากๆ ใช้เวลาการเดินทางแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นเองค่ะ และวิธีที่เราจะเดินทางไปยังกาญจนบุรีก็อยู่หลายวิธีเลยค่ะ ซึ่งก็อาจจะขึ้นอยู่กับความสะดวกและระยะเวลาของแต่ละคนด้วย '

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังกาญจนบุรี มี 4 วิธีง่ายๆ ด้วยกัน คือ

1. รถยนตร์ส่วนตัว

การเดินทางไปกาญจนบุรีโดยรถยนตร์ส่วนตัว มีสองเส้นทางด้วยกัน คือ เส้นทางกรุงเทพฯ - พุทธมณฑล - นครปฐม - กาญจนบุรี ซึ่งเส้นนี้จะเป็นเส้นที่สั้นที่สุดค่ะ อีกเส้นทางหนึ่งคือ เส้นทางกรุงเทพฯ - บางบัวทอง - บางเลน - กำแพงแสน - กาญจนบุรี ซึ่งเส้นนี้จะมีระยะทางที่ยาวกว่าแต่จะเป็นเส้นเลี่ยงเมือง และหนีรถติดได้ดีค่ะ

2. รถโดยสารขนส่งมวลชน

การใช้บริการรถโดยสารอย่างรถทัวร์ไปจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนใหญ่จะสามารถขึ้นจากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เพราะมีรถออกบ่อย และได้ระยะทางที่สั้น แต่หากผู้ที่ไม่สะดวกไปยังสายใต้ใหม่ ก็สามารถรถขึ้นรถทัวร์ได้ที่หมอชิตเพื่อไปยังกาญจนบุรีได้เช่นกันค่ะ

3. รถตู้

การเดินทางด้วยรถตู้ ถือเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ราคาของรถตู้อาจจะต่างจากรถทัวร์อยู่นิดหน่อย การให้บริการรถตู้มีอยู่หลายจุดด้วยกัน ซึ่งแต่ละคิวอาจใช้เส้นทางไม่เหมือนกัน แต่ที่นิยมใช้บริการกันมากก็จะมีที่ สนามหลวง หมอชิต ปิ่นเกล้า และสายใต้ค่ะ

4. รถไฟไทย

รถไฟจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดกาญจนบุรี เป็นรถไฟสายสั้นๆ หากไปวันธรรมดา หากต้องขึ้นรถไฟไปกาญจนบุรี ต้องไปขึ้นที่สถานีธนบุรี ซึ่งอยู่ด้านหลังโรงพยาบาลศิริราช แถวตลาดศาลาน้ำร้อน หรือหากขึ้นเป็นรถไฟขบวนพิเศษ อาจจะต้องไปขึ้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพงค่ะ

DAY 1 : NEXT STOP ! K A N C H A N A B U R I

รูปภาพ:รูปภาพ:

ถึงกาญฯ แล้ววว !!!!

เราได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอน 7 โมงเช้า และถึงกาญจนบุรีประมาณ 9 โมงนิดๆ ซึ่งเราจะไปแวะพิกัดแรกของเราก่อนนั้นก็คือ

' วัดพระแท่นดงรัง '

ซึ่งในวัดนี้มีพระแท่นที่เป็นตำนาน ที่แต่งเล่าต่อๆ กันมาว่า พระแท่นศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นพระแท่นที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ชาวพุทธจึงถือว่าพระแท่นนี้เป็นปูชนียสถานจำลองเครื่องหมายเหตุการณ์ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า จึงเป็นสถานที่ศักดิ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวพุทธได้มาสักการะบูชา ซึ่งภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์พระแท่นดงรัง ที่เก็บรวมรวมข้อมูลสำคัญๆ ไว้ให้ผู้ไปเยี่ยมชมได้ศึกษาประวัติศาตร์อีกด้วยค่ะ

และที่สำคัญของวัดนี้คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็เคยเสด็จวัดนี้ถึง 2 ครั้งด้วยกันค่ะ ครั้งแรกทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าและเททองหล่อพระประธาน และครั้งที่สองเสด็จมาเพื่อทรงรับเครื่องบินสำหรับใช้ทำฝนเทียมค่ะ

พิกัดแรกสมบรูณ์แล้วว เรามาต่อกันพิกัดต่อมาของเรากันเลย นั้นก็คือ Home Phutoey Resort กาญจนบุรีกันเลยค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:

Home Phutoey Resort

เป็นรีสอร์ทในเครือของ

Serenata

ซึ่งในโฮมพุเตยที่เราได้มาแวะทานข้าว ชื่นชมกับธรรมชาติ แต่ที่

Home Phutoey

ไม่ได้มีเพียงแต่น้ำตกหรือธรรมชาติที่สวยงามให้เราได้ไปดูเพียงเท่านั้น แต่ยังได้มีพิพิธภัณฑ์ให้เราได้ศึกษาประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย พิพิธภัณฑ์แรกก็คือ


' พิพิธภัณฑ์ เอ็ดเวิร์ด เวรี่ ดันลอป '


อนุสรณ์รำลึกทหารเชลยศึกชาวออสเตรเลีย ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์นั้นเก็บรวบรวมสิ่งของส่วนตัวของเอ็ดเวิร์ด เวรี่ ดันลอป

ที่หายากและข้อมูลเกี่ยวกับทางรถไฟสายมรณะไว้ให้เข้าไปศึกษาด้วย

' แกลเลอรี่ของแจ๊ค ชอลเกอร์ '

ที่เป็นแกลเลอรี่จัดโชว์ภาพวาดและภาพสีน้ำ ของแจ๊ค ชอลเกอร์ ที่ได้วาดเอาไว้เมื่อตอนที่เขาเป็นทหารเชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในจัดแสดงผลงานมากมายถือว่าเป็นผลงานทางประวัติศาสตร์ที่สะเทือนใจมากๆ เลยทีเดียวค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

ได้ชมพิพิธภัณฑ์กันเรียบร้อย ได้ความรู้ประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกเข้าไปอีกเพียบ และอาหารที่กินไปก็ได้ย่อยไปบ้าง เราเลยมาต่อกันที่อีก 1 กิจกรรมสุดมันส์ที่

Home Phutoey Resort

ต้อนรับเราอยู่ นั่นก็คือ

Tree Top Adventure

ส่วนตัวเราชอบอันนี้มากๆ นะ ซึ่งตอนเราเห็นคิดว่าจะไม่เล่นเพราะมันดูน่ากลัวนิดๆ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเล่น และอยากจะเลยบอกว่าเราตัดสินใจไม่ผิด เพราะสนุกมากๆ ปืนป่ายขึ้นไปดูวิวธรรมชาติ อากาศเย็นๆ ซึ่งอุปกรณ์ก็ปลอดภัยมากๆ หายห่วง ถ้าได้มาบอกเลยว่าห้ามพลาดกิจกรรมนี้เลยค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:

หลังจากเราเล่น

Tree Top


Adventure

กันมาเหนื่อยๆ ก็ได้เวลาเช็คอินเข้าที่พักสุดอลังการท่ามกลางธรรมชาติของเรากันแล้ว ที่พักคืนแรกของเรานั้นเป็นที่พักแบบซาฟารีแคมป์ อยากรู้กันหรือยังว่า ที่พักของเราที่จะไปพักนั้นจะเป็นแบบไหน มาดูกันเลยดีกว่า


รูปภาพ:

Hintok River Camp

อีกหนึ่งที่พักในเครือของ


Seranata


ที่อออกแบบไว้ในสไตล์ของซาฟารีแคมป์กับบรรยากาศริมน้ำ บรรยากาศภายในรีสอร์ทดูเป็นส่วนตัวเหมาะกับการมาพักอย่างกับครอบครัว หรือมากับแฟนโรแมนติกไปอีกแบบ งั้นเรามามาดูห้องพักของที่นี่กันเลยดีกว่าค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน หลังจากกินมื้อเย็นบุฟเฟ่ต์จัดหนักจัดเต็มไปกับบรรยากาศกองไฟที่ลานอาหารเย็น รวมถึงวันนี้เราก็ลุยทำกิจกรรมมาทั้งวันเลย คืนแรกก็เลยสลบยาวทั้งคืน รู้ตัวอีกที่ก็อาหารเช้าแล้ว รู้สึกเหมือนเพิ่งได้กินไปเมื่อกี้เอง 555 ตื่นมาก็กินอีก แต่เราไม่ท้อถอย กินเข้าไปเพิ่มพลังก่อนเริ่มกิจกรรมในวันที่สองของเราค่ะ

DAY 2 : HELLFIRE PASS & BAAN MON

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

ทำบุญเสร็จแล้ว ภารกิจต่อไปของเรานั่นก็คือ ไปชม

พิพิธภัณฑ์เขาช่องขาด

พิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำที่ชาวบ้านให้ฉายาความเลวร้ายนี้ว่า

' ช่องหุบเหวไฟนรก '

ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าชาวบ้านทหารเชลยศึกต้องทำการขุดหินด้วยด้วยแรงตัวเองโดยไม่มีเครื่องจักรกลช่วยใดๆ เพื่อเปิดช่องเขาให้เป็นเส้นทางเดินรถไฟ และสถานที่ก็นี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำของภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง

The Railway Man

ที่เกิดจากเรื่องจริงของเชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

การที่ได้เข้าชมพิพิธภัณฑ์เขาช่องขาด ทำให้เราได้เห็นว่าเข้าช่องขาดเป็นอีกสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษา และทำให้เรารำลึกถึงเรื่องราวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และรับรู้ได้ถึงความเลวร้ายของสงครามที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอีกด้วย

หลังจากชมพิพิธภัณฑ์แล้ว เราก็ต้องเดินทางกลับมายังพักที่

Hintok River Camp

เพื่อกลับมาเก็บของและเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังที่พักที่เราจะไปพักกันในคืนที่ 2 ค่ะ


รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

ที่พักนี้เป็นที่พักในเครือของ

Serenata

ที่มีคอนเซ็ปต์โดนเด่นคือ ให้เรามาอยู่กับธรรมชาติอย่างแท้จริง คือจะไม่มีการใช้ไฟฟ้า และยังมีการรักษาทรัพยากรธรรมชาติโดยทำการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียทุกห้องพัก จนที่พักแพลอยน้ำแห่งนี้ติดอันดับ


1 ใน 4

แพลอยน้ำที่ดีที่สุดในโลกจากหนังสือพิมพ์

Daily Telegraph

ด้วยค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

เก็บของของตัวเองเข้าห้องพักเป็นที่เรียบร้อย ก็มาต่อกันด้วยการเดินเท้าไปชม

หมู่บ้านมอญ

เพื่อไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวมอญท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งชนกลุ่มน้อยจากประเทศพม่า ซึ่งเมื่อเราเข้าไปแล้วเราจะเห็นได้ถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวมอญที่พวกเขารักและภูมิใจในชนชาติมอญของพวกเขามาก ซึ่งยังมีโรงเรียนสอนภาษามอญทุกวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อให้เด็กๆ ชาวมอญรุ่นปัจจุบันได้ศึกษาภาษามอญ เพื่อให้ไม่ลืมความเป็นมอญของตัวเองอีกด้วยค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

DAY 3 : SLOW MORNING & LAWA CAVE

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ไปดูช้างอาบน้ำและได้ให้อาหารช้างแล้ว ได้ใช้ชีวิตแบบ

Slow morning

และกลับไปพักผ่อนที่ห้องพัก และเก็บของเตรียมตัวเพื่อจะยังพิกัดต่อไปของเรากันค่ะ

ซึ่งสถานที่เราจะไปพิกัดต่อไปนั่นก็คือ

' ถ้ำละว้า '

ซึ่งการไปถ้ำละว้านั้นเราจะต้องนั่งเรือไปยัง

เดอะ โฟลท เฮ้าส์ ริเวอร์แคว

ก่อนและปั่นจักรยานเพื่อไปยังถ้ำละว้า

รูปภาพ:

ถ้ำละว้า

เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และเข้าไปชมถ้ำหินที่ยังมีชีวิต หรือถ้ำเป็นที่ถูกพบอันดับต้นๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งภายในมีหินงอกหินย้อยอันสวยงามตระการตา


รูปภาพ:รูปภาพ:

ถึงเวลาอาหารเที่ยงก่อนกลับกรุงเทพฯ กันแล้ว ซึ่งเรามารับประทานอาหารกลางวันกันที่

River Kwai Resotel Resort

ค่ะ รีสอร์ทในเครือของ

Serenata

ซึ่งเป็นในสไตล์ของ

Home Stay

เหมาะสำหรับครอบครัวมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติริมแม่น้ำแคว

รูปภาพ:รูปภาพ:

การมากาญจนบุรีของเราครั้งนี้ ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่เราเคยมาเที่ยวมากาญฯ มาก อาจเพราะครั้งก่อนๆ เราไม่ได้ซึมซับกับบรรยากาศธรรมชาติขนาดนี้ ไม่ได้มาดูวิถีชีวิตของชาวบ้านท้องถิ่นอย่างจริงจัง ไม่ได้ไปศึกษาประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้น เป็นอารมณ์แบบมาเที่ยวแบบแค่เปลี่ยนที่นอนแล้วก็กลับ

' ซึ่งครั้งนี้ได้ลองมาเป็นการเที่ยวกาญฯ แบบใช้เวลาให้คุ้ม และเราก็รู้สึกว่ากาญจนบุรีของเราครั้งนี้ถือว่าคุ้มมากๆ ได้อะไรเยอะแยะไปหมด ทั้งได้เพื่อนใหม่ ได้พักผ่อน ได้ความรู้ ได้ลุย ได้อยู่กับธรรมชาติ มารอบนี้เรามาถึงกาญจนบุรีเต็มตัวแล้วนะ '

แล้วไว้เราจะกลับไปอีกนะ ' กาญจนบุรี  '

รูปภาพ:


บทความที่เกี่ยวข้อง