สวัสดีค่าสาวๆSistaCafeคิดว่าสาวๆ หลายๆ คนน่าจะยังอยู่ในวัยเรียนกันอยู่ เคยงงและสงสัยกันไหมว่าเราพยายามตั้งใจเรียนกันเท่าไร ยังไงงง้ ยังไง เกรดของเราก็ไม่ค่อยกระเตื้องขึ้นมาเลย วันนี้Nanananuiมีอีกเคล็ดลับดีๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยดึงเกรดให้เพื่อนๆ กัน นั่นก็คือ เจ้าสมุดเพิ่มเกรดนั่นเองงงงงง

งงกันใช่ไหมคะว่า เอ๊ะ! มันคืออะไรกันนะ เจ้าสมุดเพิ่มเกรด จริงๆ แล้วสมุดเพิ่มเกรดที่นุ้ยหมายถึงก็คือ Study Planner และเจ้าสมุดจดเลคเชอร์นั่นเองค่ะ

ซึ่งนุ้ยได้ไปเจอสมุด 2 อันนี้ สมุดทั้งสองมีชื่อน่ารักๆ คือStudy buddyและLecture bookค่ะ

รูปภาพ:

ตัว Study buddy ก็เป็นแพลนเนอร์ที่ feature คุ้นๆ เหมือนหลายๆ เล่มที่เราเคยมีกัน แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นค่ะ เพราะมีหลายๆ feature ที่เพิ่มความน่าสนใจให้กับแพลนเนอร์ตัวนี้ ธรรมดาแพลนเนอร์ที่เราใช้กันก็จะมี Monthly plan/Weekly plan กันใช่ไหมคะ แต่เจ้าแพลนเนอร์ Study buddy นี้เนี้ย เขามี feature ที่เอาใจเด็กๆ วัยเรียนอย่างพวกเราดีแท้ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็น

รูปภาพ:รูปภาพ:

Academic Goalที่เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายการเรียนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในส่วนนี้นุ้ยคิดว่ามีประโยชน์มากเลย คือถ้าเราตั้งเป้าหมายของเราเอาไว้ แล้วค่อยๆวางแผนแตกเป้าหมายเหล่านั้นออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ ให้เราทำให้สำเร็จไปทีละน้อยๆ สุดท้ายเราก็จะพิชิตเป้าหมายของเราได้โดยที่เรายังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ!

รูปภาพ:รูปภาพ:

Subject reviewที่ให้ได้ดูคร่าวๆ แต่ละวิชา และยังให้ตั้งเป้าหมายย่อยแยกของแต่ละวิชาได้ feature นี้มีประโยชน์ตรงที่เราสามารถประเมินตนเองในทุกๆ ครั้งที่เรียนได้ว่าตอนนี้ความเข้าใจและการฝึกฝนของเราเป็นกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว

รูปภาพ:รูปภาพ:

Monthly Plan และ Weekly Planที่มีการแยกสัดส่วนทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว ตัว Monthly plan หรือการวางแผนรายเดือนจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมตลอดทั้งเดือน แต่ละวันอาจจะเขียนแค่สิ่งที่ต้องทำหลักๆ แต่ในส่วนของรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ สามารถมาเขียนใน Weekly plan ที่จะเป็นการวางแผนรายวันให้เราได้เขียน

รูปภาพ:

Activity trackerที่ให้เราได้ดูว่าแต่ละเดือนเราได้ทำกิจกรรมอะไร ในความถี่เท่าไรบ้าง อันนี้นุ้ยชอบมากกกกนะ และคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลายๆ คน คือมันจะสามารถ track เราได้ทั้งในเรื่องการเรียนและกิจกรรมต่างๆ สมมติเราตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าเราจะต้องอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน หรือให้เราได้ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-4 วัน เราก็จะดูได้ว่า เราสามารถทำแบบที่ตั้งเอาไว้ได้จริงๆ ไหม

รูปภาพ:รูปภาพ:

Featureที่เกี่ยวกับการสอบทั้งหลาย ทั้งตารางสอบ และ Semester review ที่ไว้ให้ทบทวนตนเองในทุกๆ ครึ่งภาคเรียนว่าเรามีอะไรต้องพัฒนาอีกบ้าง มีอะไรที่ทำสำเร็จแล้วบ้าง


ส่วนสมุด Lecture book ก็เก๋ๆไม่แพ้ Study buddy เลย เพราะว่านี่ไม่ใช่แค่สมุดจดเลคเชอร์ธรรมดาๆ ทั่วไปนะคะทุกค้นนนน เขาบอกว่าสมุดเลคเชอร์อันนี้ออกแบบมาตามแบบอย่างของ Cornell’s note ซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าจดแบบนี้ จะ จำ ได้ จริงๆ !! โห ฟังแบบนี้ก็อยากเห็นซะแล้วว่าหน้าตาของ Lecture book ที่เขาว่าดีนักดีหนา มันจะเป็นยังไง

รูปภาพ:https://scontent.fbkk1-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/20258426_2016394961965537_6957705926570653899_n.jpg?oh=24b3aea0020095ef94fc75dbfeef01ad&oe=5A26D4B2

อันนี้คือหน้าตาของCornell’s noteที่นุ้ยบอกนะคะ ดูดีๆ ก็คือการแบ่งสัดส่วนของหน้ากระดาษที่จดออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ Main idea / Note / Summary ซึ่งพอลองไปหาข้อมูลมา เขาบอกว่าให้เราจดเนื้อหาเวลาเราเรียน เหมือนเวลาเราจดทั่วๆ ไป ในด้านของ Note ( ส่วนที่ใหญ่ที่สุด ) โดยที่เราจะ List พวกประเด็นหลักๆ สำคัญๆ ต่างๆ มาเขียนใส่ไว้ในช่องของ Main idea ในด้านซ้ายมือ แต่ในส่วนของ Summary ค่อยมาทำการสรุปเนื้อหาที่เราเรียนนั้นๆ หลังจากจบ Class แล้ว โดยหากต่อไปเรามีเวลาในการทบทวนไม่มาก ก็คือสามารถอ่านแค่ summary และ main idea เพื่อเข้าใจโครงสร้างหลักๆ ของเนื้อหานั้นๆ นะคะ

รูปภาพ:https://scontent.fbkk1-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/20228936_2016394591965574_210898584325167726_n.jpg?oh=cac9330175bffa894b84560ca78e0697&oe=5A25F244

นอกจากนี้เขายังมีในส่วนของReview boxค่ะ คือเป็นช่องให้เราทบทวนเนื้อหานั้นๆ ตามช่วงเวลาต่างๆ เพื่อทำการให้สมองได้จดจำและเข้าใจเนื้อหานั้นอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าเราจดเอาไว้ แล้วเราค่อยมาอ่านทีเดียวก่อนสอนเลยเนี้ย มันมักจะจำกันไม่ได้เนอะ ( อันนี้เข้าใจสุดๆ อัจฉริยะข้ามคืนก็ไม่เคยช่วยให้คะแนนดีขึ้นเลย T____T )

อีกอย่างคือการทำMind mappingที่เราล้วนเคยทำกันมาตั้งแต่สมัยประถม เอาจริงๆ มันช่วยเราได้ไปจนเราอยู่มหาวิทยาลัยเลยนะคะ เพราะการทำ Mind map มันจะช่วยให้เราได้เห็นว่าอะไรเป็นประเด็นหลัก และมีอะไรที่เป็นส่วนประกอบและคำอธิบายบ้าง เหมาะกับการจดอะไรที่มีองค์ประกอบหลายๆ อัน หลายๆ ชั้นซ้อนๆ กัน มันจะทำให้มองภาพได้ชัดเจนมากขึ้นเนอะ

รูปภาพ:

ดีงามมมมากยังมีอีกหลายๆ ส่วนในเล่ม Lecture Book ที่น่าสนใจแต่ขอยกตัวอย่างให้เพื่อนๆ ได้ดูกันเพียงเท่านี้ ถ้าคนไหนอยากจะลองเอาไอเดียเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการเรียนของตัวเอง นุ้ยก็คิดว่ามันน่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ลองไปทำ แล้วกลับมาบอกกันหน่อยนะว่าคะแนนของทุกคนดีขึ้นจริงๆไหม เผื่อนุ้ยก็จะลองทำในเปิดเทอมใหม่นี้เหมือนกัน วันนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาถึงตรงนี้ คราวหลังถ้ามีอะไรดีๆ จะนำมาแบ่งปันสาวๆSistaCafeกันใหม่นะคะ

เกือบลืมมมมม ขอบคุณรูปภาพสวยๆๆ จาก Facebook :https://www.facebook.com/welovebookpacker/ด้วยนะค่า