1. SistaCafe
  2. เคล็ดลับทำผม ไม่ต้องง้อร้าน | แค่หวีเปลี่ยน ทรงผมก็เปลี่ยน

เวลาไปไดร์ผมที่ร้านเคยคิดกันมั้ยว่า เขาทำกันได้ยังไงถึงไดร์ผมออกมาได้ตรง และมีวอลลุ่มขนาดนี้  ขนาดเคยลองจำวิธีหวีมาทำที่บ้านมั่งแล้ว ทำไมไม่เหมือนล่ะ!?   ก็อาจจะจริงที่ว่าเขามืออาชีพมากกว่า แต่หากเราฝึกบ่อยๆ มันก็เชี่ยวชาญได้เหมือนกัน  แต่อันที่จริง ความพิเศษที่ทำให้ช่างทำผมทุกคนสามารถควบคุมเส้นผมให้ออกมาเป็นทรงได้อย่างใจนั่นก็คือ

" การเข้าใจในคุณสมบัติของอุปกรณ์ที่ใช้ "

มันก็เหมือนกับการที่เราทำอาหารแล้วรู้ว่า เกลือ น้ำตาล ซอสปรุงรสมีรสชาติเป็นยังไง เลยสามารถปรุงรสให้ออกมากลมกล่อมได้ดังใจชอบ   แล้วหากเราอยากจะมีผมทรงไหน ต้องการให้ผมออกมาเป็นยังไง

" หวี "

คือ

อุปกรณ์พื้นฐานสำคัญ

ที่

Hair stylist

เลือกใช้


หากเราอยากควบคุมเส้นผมได้ดังใจปรารถนา

แล้วล่ะก็ มาทำความรู้จักกับ

" คุณสมบัติของหวี "

แต่ละแบบกันเลยดีกว่านะ



8 ประเภทของหวี .... เลือกหวีแบบไหน ได้ผมแบบนั้น!

1. Paddle Brush

หวีแปรงชนิดนี้เรียกว่าเป็น

แปรงอเนกประสงค์เ

ลยก็ว่าได้




เพราะคุณสามารถจัดการปัญหาผมยุ่งๆ พันกันได้ด้วยหวีอันนี้  ไดร์ผมก็ได้ นวดศีรษะก็ได้ ทำให้ผมเรียบและดูมีวอลุ่มก็ได้






แถมยังไม่ดึงเส้นผม หรือไปข่วนหัวให้เจ็บอีกต่างหาก เพราะว่ามันจะมีหมุดกลมๆ จากไนลอนที่จะไม่ก่อให้เกิดการสถิตของเส้นผม และมีแผ่นบุกันกระแทกอยู่อีกด้วย

คุณสามารถใช้หวีแบบนี้ไดร์ผมได้ในเช้าที่รีบเร่ง ก่อนจะม้วน หรือจะดัดใดๆ ก็ได้ทั้งนั้น


2. Round Brush

หวีกลมแบบนี้สมควรจัดไว้เป็นหวีสามัญประจำบ้านไปได้เลย เพราะด้วยหวีแบบนี้มีขนแปรงที่อ่อนโยนเพียงพอที่จะช่วยเรื่องเส้นผมที่ยุ่งเหยิง แต่ก็แข็งแรงมากพอที่จะยืดผมให้ตรงได้  ถ้าดูโดยรวมของแปรงจะเห็นได้ว่ามีจำนวนขนแปรงอยู่ในระดับที่เพอร์เฟกต์ เหมาะเหม็งมากๆ สำหรับการซอกซอนเส้นผม ซึ่งเมื่อเราหวีด้วยแปรงแบบนี้  เส้นผมจะพันไปรอบๆ แปรง และเด้งตัวออกมาซึ่งจะทำให้ได้ผมที่โดดเด้ง มีวอลุ่ม และเงางามได้อย่างใจ


3. Metal Round Brush

แปรงชนิดนี้จะ

ให้ผลเหมือนที่ม้วนผมเมื่อโดนความร้อน

ฉะนั้นส่วนมากเราจะใช้แปรงแบบนี้แหละในการม้วนผม เวลาที่เรา


ต้องการให้

ปลายผมโค้งงอน หรือต้องการลอนหน่อยๆ โดยไม่ต้องใช้ที่ม้วนผม


ตรงแกนที่เป็นส่วนเว้าจะทำให้ลมจากไดร์สามารถเป่าผ่านทะลุไปได้  ซึ่งจะทำให้ผมโดนลมได้อย่างทั่วถึงและทำให้ผมแห้งได้อย่างรวดเร็ว

แต่เวลาใช้ต้องระมัดระวังหน่อย เพราะอาจจะไปข่วนโดนหนังศีรษะ หรือถ้าหากเราทำช้าเกินไปก็จะโดนความร้อนจากไดร์เป่าผม และแกนหวีได้


4. Metal Core Brush

แปรงหวีอันนี้คล้ายๆ กับการนำ

Round Brush

+

Metal Round Brush

เพราะมีขนแปรงทั้งแบบไนลอน และขนแบบหมูป่าอยู่ในอันเดียวกัน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถควบคุมเส้นผมได้ง่ายกว่าแปรง Metal core brush ทั่วๆ ไป   โดยขนหมูป่าจะช่วยเป็นตัวกันระหว่างหนังศีรษะกับแกนเหล็กของหวีไม่ให้ได้รับความร้อนมากเกินไป

แปรงชนิดนี้จึงจัดว่ามีประโยชน์แบบมัลติหลากหลายด้านมากในบรรดาRound Brushด้วยกัน

แถมยังทำให้ผมตรงดูนุ่มสลวยได้อีกด้วยนะ



5. Porcupine Brush

แค่ได้ยินชื่อว่าแปรงขนเม่นก็อย่าเพิ่งตกใจจินตนาการกันไปก่อนล่ะว่า ตัวเองต้องเอาขนเม่นมาแปรงผมเรอะเนี่ย  เปล่าเลยจ้า ใจเย็นๆ เพราะชื่อ

Porcupine

เนี่ยมันเป็นชื่อเรียกเพื่อสื่อถึง

ขนหลายๆ แบบที่มาอยู่รวมกันเป็นเซ็ตๆ คล้ายขนเม่น

โดยจริงๆ แล้วแปรงชนิดนี้จะผสมผสานไปด้วยขนหลายแบบซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงขนหมูป่าและไนลอนไว้ด้วยกัน   ยังไงก็ตามแปรงแบบนี้จัดว่านุ่มนวลพอสมควร แต่ก็สามารถจับติดเส้นผมได้ดี อีกทั้งยังถูกออกแบบมาให้ควบคุมเส้นผมได้ดีมาก

สามารถซอกซอนเส้นผมไปสู่หนังศีรษะได้แม้แต่คนผมหนาก็ตาม

6. Smoothing Brush

แปรงชนิดนี้จะเป็นคล้ายๆ

Paddle Brush

แต่จะมีลักษณะกลมกว่า และตรงขนแปรงจะมีขนหมูป่า และไนลอน คล้ายแบบ

Porcupine

หรือจะมีอีกแบบที่เป็นขนแปรงอย่างเดียว ไม่มีไนลอน ซึ่งแปรงประเภทนี้จะจับเส้นผมได้ง่าย

จึงเหมาะแก่การทำให้ผมเนียนเรียบไม่ยุ่งเหยิง

และเหมาะสำหรับการทำทรงผมประเภท

Updo

หรือประเภทที่ต้องมีการเกล้าผมเป็นอย่างมาก



7. Vent Brush

เห็นได้ชัดๆ ว่าหวีชนิดนี้ จะเน้นระยะห่างและมีช่องว่างอยู่เป็นจำนวนมาก  ซึ่งถูกสร้างมาเพื่อให้เหมาะแก่การทำให้ผมเรียบลื่น และเ

หมาะสำหรับการไดร์เป่าผม

ทำให้ผมแห้งเร็ว เพราะมีช่องว่างของตัวหวี และเส้นขนไนลอนที่มีระยะห่างในการซอกซอนผมแบบกว้าง

อีกทั้งด้วยหัวไนลอนแบบกลมยังช่วยป้องกันการข่วนหนังศีรษะ แถมยังนวดหนังศีรษะได้ด้วยอีกต่างหากนะ

8. Teasing Brush

Teasing Brush

เป็นหวีที่มีฟังก์ชันพิเศษในการ

ช่วยเพิ่มสไตล์เฉพาะให้กับทรงผม

ด้วยลักษณะของหวีที่มีความแคบ ทำให้เราสามารถแปรงผมเฉพาะจุดได้ และขนแปรงที่มีลักษณะเป็นขนแข็งแบบนี้ทำให้จับเส้นผมได้ง่าย

จึงเหมาะแก่การที่ทำให้ผมเรียบลื่นก็ได้  และสร้างวอลลุ่มให้ผมดูหนาขึ้นได้

ดังนั้นแปรงตัวนี้จะมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า

Backcombing Hair Brush

เนื่องจากจะถูกนำไปใช้ในการช่วยให้ผมบริเวณโคนดูหนาพองตัวมากขึ้น ด้วยการนำหวีนี้ไปแปรงตรงช่อผมด้านหลังแล้วจะทำให้ผมดูมีวอลลุ่มดูหนาขึ้นมาได้ทันที หากสาวๆ คนไหนชอบการทำผมแบบนี้ ควรจะมีหวีชนิดนี้เอาไว้ครอบครองก็จะดีมากเลยนะจ๊ะ




หากใครไปร้านทำผมบ่อยๆ ก็จะเห็นได้ว่าช่างทำผมจะมีหวีเยอะแยะเต็มไปหมดซึ่งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า เขาเอาไว้ใช้อะไรกันบ้าง  แต่หากสาวๆ ได้อ่านบทความอันนี้เสร็จแล้ว ก็จะเห็นได้ว่านี่คือ

ชนิดของหวีหลักๆ ที่เราควรรู้ไว้ในการจัดแต่งทรงผม

หากต้องการจัดทรงผมให้ได้ด้วยตัวเองแบบมืออาชีพและมีผมที่สวยงามได้ทุกวันแล้วล่ะก็นะ  เรื่องแค่นี้ผู้หญิงอย่างเราทำได้อยู่แล้วเนอะ  แต่การที่จะซื้อหวีมาให้ครบทุกแบบอาจจะต้องใช้งบเยอะ ซึ่งบางทีเราอาจจะไม่มีเวลาใช้ทั้งหมด

ก็ขอให้เลือกหวีบางชนิดที่คิดว่าจะมีประโยชน์สมควร เหมาะกับเราในทุกวันมาใช้สักอันสองอันก็ได้นะ



......แต่ถ้าหากว่าใครงบพอและใจรักล่ะก็ 8 อันนี้ จัดไปเลยจ้าาา (´∇ノ`*)ノ


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1