เซย์ไฮสาวซิสต้าสายไดเอททุกคนค่ะ!เธอหลายคนที่วนเวียนอยู่ในวงการนี้มานาน( ควรดีใจไหมที่ไม่หลุดพ้นความอ้วนสักที )คงรู้ดีว่า การจะลดน้ำหนักแค่ให้" ตัวเลขบนตาชั่งลดลง "นั้นง่ายนิดเดียวแค่อดข้าวและออกกำลังกายหนักก็ลดแล้วที่แน่ๆ คือง่ายกว่ารักษาน้ำหนักนั้นให้คงที่พูดเลยว่า การทำให้น้ำหนักคงที่นั้นยากที่สุดแล้ว -.-

เมื่อถึงช่วงที่ไซส์กางเกงไม่สามารถเล็กไปได้กว่านี้แล้ว ไม่มีใครสนใจความผอมของเธออีก มีแนวโน้มสูงมากที่เธอจะกลับไปหาของที่เคยกิน เค้ก คุกกี้ ยัดเข้าไปสิ!สรุปกลับมาอ้วนกว่าเดิม ;_;ร้องไห้หนักมากจริงๆ


วันนี้เราขอเสนอบทความที่" แฉ "พฤติกรรมหลังลดน้ำหนักสำเร็จที่ทำให้ตัวเลขน้ำหนักนั้นเด้งคืนกลับมาอีกรอบ หรือที่เรียกว่าโยโย่เอฟเฟกต์นั่นเอง TTอ่านกันได้เลย


1. ไม่กล้าชั่งน้ำหนัก

รูปภาพ:http://www.lyndsaycabildo.com/wp-content/uploads/2009/08/weight-loss-bloggers.jpg

สาวๆ หลายคนมีนิสัยที่แปลกอยู่อย่างหนึ่ง เมื่อผอมลงแล้วก็เริ่มหวาดระแวง วิตกกังวล ไม่ยอมรับความจริง เก็บซ่อนตาชั่งน้ำหนักไว้ลึกสุดใจ บางคนก็โยนใส่หีบแล้วล็อกกุญแจแน่นหนา สาเหตุก็ไม่มีอะไรมาก กลัวชั่งแล้วจะช็อคที่น้ำหนักขึ้นไงล่ะ

ถ้าเธอยังไม่สนใจชั่งน้ำหนัก ปล่อยเลยตามเลยต่อไปเรื่อยๆ ไม่คอยติดตาม เก็บสถิติตัวเลขน้ำหนักของตัวเอง ร่างกายที่เปลี่ยนไปหลังไดเอท น้ำหนักที่เคยน้อยกระจุ๋มกระจิ๋มอาจพุ่งสูงจนเกินควบคุมก่อนเธอจะตั้งตัวติด รู้ตัวอีกทีก็ต้องกลับมาไดเอทอีกรอบ และอาจไดเอทยากกว่าครั้งที่แล้วด้วย.

รูปภาพ:http://www.2createabody.com/images/slim_belly.jpg

เมื่อรู้ดังนั้นแล้ว ไขกุญแจหีบที่ล็อกตาชั่งไว้ เอาออกมาชั่ง เผชิญหน้ากับความจริงซะ! คอยตรวจตรารูปร่างตัวเองอยู่เรื่อยๆ เช่น มีสกินนี่ยีนส์ตัวเก่งเก็บไว้ที่เอวกับสะโพกพอดีกับตอนผอม นำมาใส่บ่อยๆ ถ้าเริ่มคับนั่นหมายถึงต้องไดเอทแล้ว แต่ถ้าอยากได้เป็นตัวเลขแน่นอนก็ต้องใช้สายวัดพันรอบเอวค่ะ


อีกวิธีหนึ่งที่สาวๆ นิยมใช้คือ ถ่ายรูป " เซลฟี่ " ( ถ่ายรูปตัวเอง ) เป็นระยะๆ เพื่อเช็คว่าเริ่มมีไขมันส่วนเกิน หน้าบาน เหนียงออกหรือยัง จะได้แก้ไขอย่างทันท่วงทีนะคะ ^^


2. กินมากเกินไป

รูปภาพ:https://1y2u3hx8yml32svgcf0087imj-wpengine.netdna-ssl.com/wp-content/uploads/2015/03/Dollarphotoclub_69886955-960x637.jpg

สาวๆ หลายคนใช้สูตรไดเอทที่แสนจะทรมาน บางสูตรดื่มนมกล่องเดียวต่อวัน บางสูตรกินแต่ผัก หญ้า อาหารให้พลังงานอย่างเนื้อ นม ไข่ แทบไม่ได้แตะ เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งร่างกายจึงโหยหาอาหารหมู่ที่ขาดไปจนเกิดอาการ " ตบะแตก "


จากที่หักห้ามใจได้ เริ่มได้กลิ่นหอมของขนม คุกกี้ เค้ก ข้าวผัด สเต็ก ลอยกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง คราวนี้ล่ะ เอาช้างมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ ใครไม่เคยเจอไม่มีทางรู้ว่า อาการนี้มันน่ากลัวกว่าที่คิด! ( คนเขียนเคยโหยของหวานขนาดที่ว่า กินคุกกี้ช็อกโกแลตชิพชิ้นโต ดื่มนมช็อกโกแลตตาม แล้วกินไอศกรีมต่ออีกสองแท่ง วันนั้นไม่อยากจะนึกถึงแคลอรี่ส่วนเกินเลยล่ะค่ะ )

รูปภาพ:http://24.media.tumblr.com/c3fd173cb3c6f9a8efe75fc362551099/tumblr_mzlepamQwN1t0twwxo1_r2_500.gif

ถ้าเธอเป็นสาวคนหนึ่งที่่ต้อง " อด " อาหารและขนมที่อยากกิน ความรู้สึกโหยย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือ อย่างดขนมประเภทใดประเภทหนึ่งไปเลยในช่วงไดเอท กินได้แต่ต้องจำกัดปริมาณ ( เอาแค่พอหายอยาก ) จะช่วยระงับอาการตบะแตกได้ค่ะ

หลักสำคัญคือ จำไว้ให้มั่นว่า ร่างกายก็เหมือนถังน้ำมันที่มีขีดจำกัด ถ้าเธอกินอาหารที่มีแคลอรี่เกินกว่าที่แนะนำในชีวิตประจำวันติดต่อกันเป็นเวลานาน ถังนี้ก็จะขยายตัวออก และอาจเกิดความเสียหายกับถัง ( ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ) ค่ะ


3. ไม่เข้าฟิตเนส ( ไม่ออกกำลังกาย )

รูปภาพ:https://1y2u3hx8yml32svgcf0087imj-wpengine.netdna-ssl.com/wp-content/uploads/2015/03/Dollarphotoclub_69886955-960x637.jpg

สาวๆ หลายคนใช้สูตรไดเอทด้วยการ " ออกกำลังกายหนักๆ " ต้องหอบร่างไปวิ่ง ไปปั่นจักรยานที่ฟิตเนส เหงื่อไหลไคลย้อย ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะทรมาน ;_; เมื่อเริ่มผอมจึงเข็ด ไม่ไปออกกำลังกายอีกเลย โดดได้โดด ไม่อยากเหนื่อยแล้ว ใช้วิธีอดอาหารเอาแทนแล้วกัน ( เสียดายค่าสมัครสมาชิกฟิตเนสแทนจริงๆ )

เราขอเตือนว่า ถ้าเธอทำแบบนี้ต่อไป ร่างกายที่เคยฟิตแอนด์เฟิร์มจะเริ่มย้วยด้วยไขมันนิ่มๆ เพราะร่างกายของเราจะทำแค่สองอย่าง ไม่สร้างก็สลายกล้ามเนื้อ ถ้าเธอยังกินน้อยแต่ไม่ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อที่เคยมีจะสลายหายหมด ดังนั้นจัดกระเป๋า ชุดเล่นกีฬาแล้วไปฟิตเนสกันเถอะ!


รูปภาพ:http://media1.onsugar.com/files/2014/01/10/913/n/1922729/4af2d0e56cc7e2bc_42-51110732.jpg.xxxlarge_2x.jpg

ข้อดีของการออกกำลังกายเป็นประจำคือ จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้คงที่ สุขภาพแข็งแรงขึ้น ไม่หิวบ่อย ลืมอาการตบะแตกไปได้เลย


4. กินอาหารประเภท " ไขมัน " มากเกินไป

รูปภาพ:http://honestcooking.com/wp-content/uploads/2012/01/Cranberry-Almond-Salad6.jpg

คำว่า " ไขมัน " ในที่นี้แบ่งออกได้สองชนิด คือไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ถ้าเธอกินไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณที่เหมาะสม นั่นเป็นเรื่องดี! อาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ( ชนิดดี ) คือผลไม้จำพวกอโวคาโด ถั่วอัลมอนด์ น้ำมันปลา หรือไขมันจากปลาแซลมอน ปลาทูน่าค่ะ

ในทางกลับกัน ถ้าเธอกินขนมเค้ก คุกกี้ นม เนยที่มีส่วนผสมของไขมันอิ่มตัวมากจนเกินไป นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ เพราะอาหารเหล่านี้มีแคลอรี่สูงมาก เอวเผละกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว


รูปภาพ:http://honestcooking.com/wp-content/uploads/2012/01/Cranberry-Almond-Salad6.jpg

วิธีแก้ไขปัญหาก็ไม่ยาก เรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง " ไขมันดี " และ " ไขมันเลว " หลีกเลี่ยงไขมันอิ่มตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ต้องกินไขมันไม่อิ่มตัวบ้าง เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื่น ไม่หยาบกร้าน  เพราะไขมันก็เป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุง ให้ความอบอุ่นกับร่างกายเช่นกันค่ะ

หลักสำคัญคือ กินอาหารครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม เท่านั้นก็โอเคแล้วล่ะ

==============================

เป็นอย่างไรบ้างกับ 4 พฤติกรรมหลังไดเอทที่อาจทำให้เกิด " โยโย่เอฟเฟกต์ " ข้อไหนตรงกับเธอบ้างเอ่ย =w= ถ้ารู้ตัวว่าเริ่มมาผิดทางก็ยังไม่สายที่จะกลับตัว มารักสุขภาพอย่างถูกต้องอีกครั้ง

ร่างกายที่เคยอ้วนมาก่อน ย่อมจะต้องหาทางดิ้นรนกลับไปสู่จุดเดิม รูปร่างเดิมๆ ยิ่งถ้าเธอกลับไปใช้พฤติกรรมเดิมก่อนผอม ความอ้วนจะกลับมาในเวลาอันรวดเร็วแน่นอน ดังนั้นต้องเข้มแข็ง กินผักและผลไม้ต่อไปนะคะ สตรอง!

เป็นกำลังใจให้สาวซิสต้าหุ่นสวยสุขภาพดีตลอดไปค่ะ ^___^

==============================


บทความที่เกี่ยวข้อง