สาวๆ ซิสต้าที่เริ่มน้ำหนักเกินลิมิตจนต้องไดเอทนั้น หลายคนหันไปหาวิธีผิดๆแทนที่จะยึดหลักกินอาหาร 3 มื้อให้ครบทั้งห้าหมู่ ออกกำลังกายให้เหมาะสม แต่กลับคิดว่าจะมีหุ่นดี เอวคอด หน้าท้องแบนราบให้เพื่อนต้องอิจฉาคือ
" ต้องกินให้น้อยๆ "
กินเหมือนแมวดม ตักข้าวเข้าปากสองคำแล้ววางช้อน โดยมีความเชื่อว่าถ้ากินน้อย กระเพาะก็ต้องเคยชิน แล้วหดเล็กลงสิ จริงไหม!!!
วันนี้เราจะมาดูกันว่า ทฤษฎี
" กินน้อย กระเพาะหด "
เป็นเรื่องจริงหรือไม่
มาค้นหาความจริงไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ
มาเริ่มที่ทฤษฎีซึ่งสาวๆ หลายคนยึดถือยิ่งกว่าสูตรเคมี
( ถ้าท่องตารางธาตุได้แบบนี้ก็คงได้เกรดสี่ไปนานแล้ว )
อย่างประโยคที่บอกว่า
" กินให้น้อย กระเพาะที่ขยายใหญ่จะหดลง เมื่อกระเพาะเล็กก็กินอาหารได้น้อย เมื่อกินน้อยก็ผอมลง! "
ทฤษฎีแบบนี้ทำให้สาวๆ มโน ( ไปเอง ) ว่า ความรู้สึกเป็นฝาแฝดชูชก มีหลุมดำในกระเพาะ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักทีจะหายไป
เธอจะอิ่มง่ายขึ้น หิวน้อยลงระหว่างมื้ออาหาร น้ำหนักลด
เรียกว่าทำตามฝันได้สำเร็จยิ่งกว่าประกวดโครงการตามล่าหาดาวดวงใหม่กันเลยทีเดียว!
ฟังดูดีใช่ไหมล่ะคะ ไม่ต้องผ่าตัดเย็บกระเพาะ ไม่ต้องเข้าคอร์สกระชับร่างกาย เผาผลาญไขมันให้เสียเงิน แค่กินให้น้อยลง น้อยลงเรื่อยๆแต่เดี๋ยว แล้วจุดสิ้นสุดมันจะอยู่ตรงไหนล่ะ!
มีงานวิจัยจากวารสารคลินิกโภชนาการอเมริกัน ( American Journal of Clinical Nutrition ) กล่าวถึงผู้ป่วยโรคอ้วนที่พยายาม" ลดขนาดกระเพาะตัวเอง "27% ในสี่สัปดาห์ด้วยการกินอาหารแค่วันละ 600 แคลอรี่ หรือครึ่งหนึ่งของพลังงานที่ผู้หญิงต้องการในช่วงไดเอท ( 1,200 แคลอรี่ )
1200 แคลอรี่ก็น้อยอยู่แล้ว ยังกินน้อยลงครึ่งหนึ่งอีก ร่างกายจะเป็นอย่างไรเนี่ย -_-
ถ้าคิดในแง่ผลลัพธ์ว่า กระเพาะเล็กลงจริง อิ่มเร็วขึ้นจริง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหิวน้อยลงได้ตลอดทั้งวันหรอกนะ
คุณ James J. Lee แพทย์ระบบทางเดินอาหารกล่าวว่า
สารเคมีที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ( รวมถึงเลปตินและเกรลิน ) จะเพิ่มขึ้นในร่างกายสาวๆ ที่ไดเอทแบบอดอาหาร
จึงสันนิษฐานได้ว่าทำให้กระเพาะเล็กลง แต่นั่นหมายความว่า เธออาจจะ
" หิวยิ่งขึ้นในกระเพาะที่หดตัวลง "
ก็เป็นได้!
ผลลัพธ์ของการลดอาหารจนถึงเข้าขั้น " อด " แบบนี้ จะส่งผลกระทบกับร่างกายของเธออย่างร้ายแรงแน่นอน
แพทย์ท่านนี้ยังกล่าวต่อว่า
" มีสาวๆ ที่ไดเอทแบบอดอาหารเพียง 5 - 10% เท่านั้นที่จะสามารถควบคุมน้ำหนังให้คงที่ได้ในระยะยาว "
ส่วนใหญ่ที่พบคือ น้ำหนักจะเด้งกลับคืนมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรืออาจจะน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วยซ้ำไป!!!
ท้ายที่สุด งานวิจัยในวารสารวิชาการ เกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร ( gastroenterology ) บ่งชี้ว่าขนาดกระเพาะของสาวที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
" ไม่แตกต่าง "
กับขนาดกระเพาะของคนปกติทั่วไปค่ะ
" ขนาดของกระเพาะไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักครับ "
แพทย์ท่านนี้สรุปปิดท้าย
แล้วถ้าอยากผอมโดยไม่อยากอดอาหารให้เสียสุขภาพจิตล่ะ จะทำยังไงดี T T
แพทย์ท่านนี้มีคำแนะนำให้ว่า
" กินอาหารจำพวกไฟเบอร์และโปรตีน "
จะดีที่สุดค่ะ เพราะอาหารเหล่านี้เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเปปไทด์และฮอร์โมนที่ทำให้อิ่มนานขึ้น อิ่มท้องและทำให้ไม่
" สวาปาม "
กินมากเกินไปจนอ้วนกลม
เขายังกล่าวเสริมอีกว่า การกินน้อยๆ แต่แบ่งซอยออกเป็นหลายมื้อ นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยเป็นเวลา 7 ชั่วโมงทุกวัน ช่วยลดระดับสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการเกิดความหิวได้ค่ะ
===============================
จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าการไดเอทแบบ " อดอาหาร " แม้จะทำให้กระเพาะหดเล็กลงจริง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หิวน้อยลงแต่อย่างใด! ในทางกลับกัน ยิ่งทำให้สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความหิวในร่างกายแปรปรวน ทำให้หิวบ่อยและกินเยอะอยู่ดี สรุปอ้วนกว่าเดิมอีก =_=
ชีวิตคนเราไม่ต้องตึง ทรมานตัวเองถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ! เดินทางสายกลาง ไม่ตึงและหย่อนจนเกินไป ลดของหวาน มัน ทอด กินอาหารที่มีประโยชน์อย่างผักผลไม้และโปรตีนชนิดไม่ติดมัน ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ แม้หุ่นจะไม่ผอมเพรียวสวยในทันที แต่หากมีวินัยไปตลอดรอดฝั่ง รับรองว่าเธอจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอนค่ะ
สาวซิสต้าสู้ๆ นะคะ!
===============================
Cr. Does the Size of Your Actual Stomach Shrink When You Eat Less? [ Womenshealthmag ]
http://www.womenshealthmag.com/weight-loss/can-eating-less-make-your-stomach-shrink
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมยิ่งลดยิ่งอ้วนอ่ะ!! แบบนี้พี่เครียดนะ
https://sistacafe.com/summaries/950
5 เหตุผล ทำไมฉันถึง ลดน้ำหนัก ไม่ได้สักที !?
https://sistacafe.com/summaries/2403
5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการ 'ลดน้ำหนัก'
https://sistacafe.com/summaries/307