สาวๆ ซิสต้าที่เริ่มน้ำหนักเกินลิมิตจนต้องไดเอทนั้น หลายคนหันไปหาวิธีผิดๆแทนที่จะยึดหลักกินอาหาร 3 มื้อให้ครบทั้งห้าหมู่ ออกกำลังกายให้เหมาะสม แต่กลับคิดว่าจะมีหุ่นดี เอวคอด หน้าท้องแบนราบให้เพื่อนต้องอิจฉาคือ

" ต้องกินให้น้อยๆ "

กินเหมือนแมวดม ตักข้าวเข้าปากสองคำแล้ววางช้อน โดยมีความเชื่อว่าถ้ากินน้อย กระเพาะก็ต้องเคยชิน แล้วหดเล็กลงสิ จริงไหม!!!

วันนี้เราจะมาดูกันว่า ทฤษฎี

" กินน้อย กระเพาะหด "

เป็นเรื่องจริงหรือไม่

มาค้นหาความจริงไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ


รูปภาพ:http://media.indiatimes.in/media/content/2014/Nov/i-hate-dieting_1416899517.gif

มาเริ่มที่ทฤษฎีซึ่งสาวๆ หลายคนยึดถือยิ่งกว่าสูตรเคมี

( ถ้าท่องตารางธาตุได้แบบนี้ก็คงได้เกรดสี่ไปนานแล้ว )

อย่างประโยคที่บอกว่า

" กินให้น้อย กระเพาะที่ขยายใหญ่จะหดลง เมื่อกระเพาะเล็กก็กินอาหารได้น้อย เมื่อกินน้อยก็ผอมลง! "


ทฤษฎีแบบนี้ทำให้สาวๆ มโน ( ไปเอง ) ว่า ความรู้สึกเป็นฝาแฝดชูชก มีหลุมดำในกระเพาะ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักทีจะหายไป

เธอจะอิ่มง่ายขึ้น หิวน้อยลงระหว่างมื้ออาหาร น้ำหนักลด

เรียกว่าทำตามฝันได้สำเร็จยิ่งกว่าประกวดโครงการตามล่าหาดาวดวงใหม่กันเลยทีเดียว!


รูปภาพ:https://media.giphy.com/media/kFwOfM2LxM1Z6/giphy.gif

ฟังดูดีใช่ไหมล่ะคะ ไม่ต้องผ่าตัดเย็บกระเพาะ ไม่ต้องเข้าคอร์สกระชับร่างกาย เผาผลาญไขมันให้เสียเงิน แค่กินให้น้อยลง น้อยลงเรื่อยๆแต่เดี๋ยว แล้วจุดสิ้นสุดมันจะอยู่ตรงไหนล่ะ!

มีงานวิจัยจากวารสารคลินิกโภชนาการอเมริกัน ( American Journal of Clinical Nutrition ) กล่าวถึงผู้ป่วยโรคอ้วนที่พยายาม" ลดขนาดกระเพาะตัวเอง "27% ในสี่สัปดาห์ด้วยการกินอาหารแค่วันละ 600 แคลอรี่ หรือครึ่งหนึ่งของพลังงานที่ผู้หญิงต้องการในช่วงไดเอท ( 1,200 แคลอรี่ )


1200 แคลอรี่ก็น้อยอยู่แล้ว ยังกินน้อยลงครึ่งหนึ่งอีก ร่างกายจะเป็นอย่างไรเนี่ย -_-


รูปภาพ:http://media.tumblr.com/tumblr_m69huosIg01r79k32.gif

ถ้าคิดในแง่ผลลัพธ์ว่า กระเพาะเล็กลงจริง อิ่มเร็วขึ้นจริง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหิวน้อยลงได้ตลอดทั้งวันหรอกนะ


คุณ James J. Lee แพทย์ระบบทางเดินอาหารกล่าวว่า

สารเคมีที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร ( รวมถึงเลปตินและเกรลิน ) จะเพิ่มขึ้นในร่างกายสาวๆ ที่ไดเอทแบบอดอาหาร

จึงสันนิษฐานได้ว่าทำให้กระเพาะเล็กลง แต่นั่นหมายความว่า เธออาจจะ

" หิวยิ่งขึ้นในกระเพาะที่หดตัวลง "

ก็เป็นได้!


รูปภาพ:http://www.much.com/wp-content/uploads/2014/11/tumblr_mbpkh8DKbe1ry10fwo1_500.gif

ผลลัพธ์ของการลดอาหารจนถึงเข้าขั้น " อด " แบบนี้ จะส่งผลกระทบกับร่างกายของเธออย่างร้ายแรงแน่นอน

แพทย์ท่านนี้ยังกล่าวต่อว่า


" มีสาวๆ ที่ไดเอทแบบอดอาหารเพียง 5 - 10% เท่านั้นที่จะสามารถควบคุมน้ำหนังให้คงที่ได้ในระยะยาว "


ส่วนใหญ่ที่พบคือ น้ำหนักจะเด้งกลับคืนมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรืออาจจะน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วยซ้ำไป!!!



รูปภาพ:http://media.giphy.com/media/s1oeXy4WEiSTC/giphy.gif

ท้ายที่สุด งานวิจัยในวารสารวิชาการ เกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร ( gastroenterology ) บ่งชี้ว่าขนาดกระเพาะของสาวที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน

" ไม่แตกต่าง "

กับขนาดกระเพาะของคนปกติทั่วไปค่ะ

" ขนาดของกระเพาะไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลดน้ำหนักครับ "

แพทย์ท่านนี้สรุปปิดท้าย


รูปภาพ:http://25.media.tumblr.com/tumblr_m7c4pkGsSq1ql5yr7o1_r1_400.gif

แล้วถ้าอยากผอมโดยไม่อยากอดอาหารให้เสียสุขภาพจิตล่ะ จะทำยังไงดี T T

แพทย์ท่านนี้มีคำแนะนำให้ว่า

" กินอาหารจำพวกไฟเบอร์และโปรตีน "

จะดีที่สุดค่ะ เพราะอาหารเหล่านี้เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเปปไทด์และฮอร์โมนที่ทำให้อิ่มนานขึ้น อิ่มท้องและทำให้ไม่

" สวาปาม "

กินมากเกินไปจนอ้วนกลม

เขายังกล่าวเสริมอีกว่า การกินน้อยๆ แต่แบ่งซอยออกเป็นหลายมื้อ นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยเป็นเวลา 7 ชั่วโมงทุกวัน ช่วยลดระดับสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการเกิดความหิวได้ค่ะ


===============================

จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่าการไดเอทแบบ " อดอาหาร " แม้จะทำให้กระเพาะหดเล็กลงจริง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หิวน้อยลงแต่อย่างใด! ในทางกลับกัน ยิ่งทำให้สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความหิวในร่างกายแปรปรวน ทำให้หิวบ่อยและกินเยอะอยู่ดี สรุปอ้วนกว่าเดิมอีก =_=

ชีวิตคนเราไม่ต้องตึง ทรมานตัวเองถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ! เดินทางสายกลาง ไม่ตึงและหย่อนจนเกินไป ลดของหวาน มัน ทอด กินอาหารที่มีประโยชน์อย่างผักผลไม้และโปรตีนชนิดไม่ติดมัน ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นประจำ แม้หุ่นจะไม่ผอมเพรียวสวยในทันที แต่หากมีวินัยไปตลอดรอดฝั่ง รับรองว่าเธอจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอนค่ะ

สาวซิสต้าสู้ๆ นะคะ!

===============================

บทความที่เกี่ยวข้อง