ความฝันที่เคยวาดไว้ เป้าหมายที่เคยหวังไว้ ไม่ใช่แค่ความพยายามเท่านั้นที่จะพาเราไปถึงฝั่นฝันได้สำเร็จ สมาธิและสุขภาพจิตก็เป็นเรื่องสำคัญ หากเราหวั่นไหวหรือเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ หรือคนประเภทนี้ ชีวิตเราก็ก้าวหน้าได้ยาก
#1 เพื่อนขี้นินทา
ถึงแม้ว่าการเม้าท์กันจะเป็นเรื่องสนุกมากๆ ที่ทำให้เราได้รู้เห็นเรื่องชาวบ้านกันทั่ว แต่ถ้าเพื่อนคนไหนนิสัยขี้เม้าท์ชนิดว่านินทาคนอื่นได้ไม่มีชิ้นดี แม้กระทั่งคนใกล้ตัวก็เอามาเผาซะจนเจ้าตัวแทบไม่เหลือข้อดีไว้เลย เพื่อนประเภทนี้ ควรห่างๆ ไว้ อย่าให้พื้นที่และเวลาไปกับเขาให้มาก เพราะนอกจากจะให้พลังลบกับเราบ่อย ๆ สักวัน เราเองก็จะถูกเม้าท์ไปในทางเสีย ๆ หาย ๆ ได้ไม่ยาก
#2 เพื่อนจอมขอ
เป็นเรื่องเข้าใจกันได้ว่าคนเรามีฐานะไม่เท่ากันอยู่แล้ว การช่วยเหลือกันในยามตกทุกข์ได้ยาก เป็นเรื่องที่ดี แต่...อะไรที่มากเกินไป ย่อมส่งผลเสียมากตามไปด้วย ใครก็ตามที่ชอบมาขอเรา จ้างวานเรา ใช้เราให้ทำอะไรให้บ่อย ๆ ควรห่างกันไว้ ปล่อยให้เขาได้ช่วยเหลือตนเองบ้าง บางทีการใกล้ชิดกันเกินไป หรือเราเองไม่รู้จักปฏิเสธ นั่นก็ทำให้เขาไม่รู้จักโตเสียที แล้วเราต้องมาคอยรำคาญอยู่ร่ำไป
#3 การติดกับ comfort zone
ความรู้สึก' พอ 'กับ' ยังไม่พัฒนา 'มีเส้นบาง ๆ กั้นอยู่ หากความเป็นจริง เรายังต้องการพัฒนาตนเองให้ไกลกว่านี้ เช่น อยากได้เงินเดือนมากกว่านี้, อยากมีรูปร่างที่ดี ก็ควรพาตัวเองออกจากcomfort zone( จุดที่คิดว่าตนเองไม่ต้องการอะไร ทั้งที่ความจริงยังต้องการอีกมาก ) อย่าขี้เกียจ อย่าย่อท้อต่อความยากลำบาก' ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น '
#4 ให้โอกาสคนพร่ำเพรื่อ
การให้โอกาสคนจะเป็นเรื่องที่ดี ก็ต่อเมื่อคน ๆ นั้นทำให้เราเห็นว่าแต่ละครั้งที่เราให้โอกาส เขาพัฒนาตนเองไปมากแค่ไหน อย่าใจดีเกินเหตุกับคนที่กี่ครั้งก็ทำตัวเหมือนเดิม, ทำเราเสียใจ, พาไปเจอความล้มเหลวอยู่เรื่อย เราไม่ใช่ยอดมนุษย์นะที่จะมีพลังเท่าไหร่ก็ได้ ถนอมตัวเราเองไว้บ้าง
#5 อยู่กับคนขี้บ่น ขี้หงุดหงิด
เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เราที่จะต้องมีหงุดหงิดบ้าง บ่นบ้าง เพื่อระบายความทุกข์ในใจออกมา แต่ใครที่บ่นบ่อยมาก เจอหน้ากี่ครั้งก็บึ้งตึง ตำหนิคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยจนเป็นนิสัย คนประเภทนี้อย่าเข้าใกล้ดีกว่า เพราะพลังลบของเขาอาจส่งผลต่อจิตใจเราให้ลบตามไปด้วย เผลอ ๆ สักวัน เราเองนี่แหละที่จะทำตามเขาไปด้วย เพราะจิตใจและสมองเราซึบซับไปโดยอัตโนมัติ ( สมองคนเราจดจำและซึมซับสิ่งรอบตัวไวกว่าที่คิดนะจ๊ะ )
#6 คนที่มีข้ออ้างได้เสมอ
อย่าฝากความหวังไปกับคนที่ยังไงก็ไม่มีเวลาให้เรา อ้างนั่นอ้างนี่ได้เก่ง สละคิวให้กับคนที่พร้อมกว่านี้ หรือไม่ก็ไม่ต้องคาดหวังใคร ไม่ต้องรอใคร อะไรทำด้วยตัวเองได้ ก็ทำเลย!
#7 คนเก่ง แต่ขี้หวง
เก่งแต่ขี้หวง เป็นจอมกั๊ก ถ้าไม่จำเป็น อย่าไปเสียเวลาง้อเขาให้มาก คนที่ไม่ยอมแบ่งปันอะไรเลย มักจะเป็นคนที่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด เจ๋งที่สุด อยากโดดเด่นที่สุดโดยไม่เห็นความสำคัญของมิตรภาพ ปล่อยให้เขาบินเดี่ยวไปอย่างนั้นแหละ ขืนพาเข้าทีมด้วยกัน ลำบากใจเปล่า ๆ ที่จะต้องโดนข่มอยู่เรื่อย
#8 คนที่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
คนที่ไม่รับฟังเรา วันยันค่ำ เราก็เป็นคนที่ผิดจนได้ อย่าเสียเวลากับคนประเภทน้ำเต็มแก้ว เพราะความคิดเห็นของเรา การกระทำของเราจะดูไร้ค่าเสมอ จนเราต้องกลับมาแอบร้องไห้คนเดียว ทั้ง ๆ ที่บางทีเราก็ทำถูกแล้ว
#9 คนที่ไม่มีสัจจะ ไม่ทำตามที่รับปากไว้
ไม่ควรคาดหวังหรือเสียเวลากับคนเลื่อนลอย ปลิ้นปล้อน เอาแน่เอานอนไม่ได้ เพราะหากเกิดอะไรขึ้น เขาจะเป็นคนแรก ๆ ที่เอาตัวรอดก่อนเสมอด้วยเล่ห์เหลี่ยมต่าง ๆ และเราจะเป็นคนที่รับทุกข์แทนคนอื่นเสมอ
#10 คนที่คอยสรรหาวิธีโจร
ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย หากเราจะใช้ทางลัดเพื่อถึงเป้าหมายได้ไวขึ้น แต่ทางลัดนั้นต้องไม่ใช่วิถีแบบผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม หรือเป็นทางที่อาจทำให้ใครต้องเดือดร้อนในภายหลังได้ เพื่อนคนไหนก็ตามที่คอยยุแหย่ให้เราทำอะไรที่เสี่ยงอยู่เสมอ คอยอยู่ห่าง ๆ ไว้ คุยกันได้ ทักทายกันได้ แต่อย่าคลุกคลีกันมาก เพราะเขาอาจพาเราซวยได้
#11 การหลับนอน
' การตื่นเช้า คือกำไรของชีวิต 'หากไม่ได้ทำงานกลางคืน หรือมีกิจวัตรในแต่ละวันที่เป็นเวลาไม่แน่นอน ควรหาเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม ตื่นเช้าสักตี 5 หรือ 6 โมงเช้า เพื่อสูดอากาศดี ๆ ออกกำลังกาย มองโลกในแง่มุมที่ไม่เคยมองมาก่อน
การนอนมากเกินไปอาจทำให้เรารู้สึกสบาย แต่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ทำให้เรารู้สึกโหยหาเวลานอน ติดนิสัยขี้เกียจ และทำให้เราตื่นมาแล้วรู้สึกว่าไม่มีเวลามากพอจะทำอะไรได้หมดตามที่คิดไว้ในหัว ... ถ้าอยากให้แต่ละวันทำกิจกรรมได้หลายอย่างตามเป้าหมายที่วางไว้ ก็แค่ตื่นให้เร็วขึ้นหน่อย แค่นั้นเอง
#12 การสังสรรค์
การสังสรรค์ทำให้เราพบสังคมกว้างขึ้น เปิดโลกทัศน์ได้กว้างขึ้น แต่หากมากเกินไปก็เป็นการสิ้นเปลืองเงินและเสียสุขภาพโดยใช่เหตุ หากไม่ใช่การสังสรรค์เพื่อคุยธุรกิจ, คอร์สพัฒนาตนเอง, หรือคอร์สเพิ่มพูนทักษะอะไรก็ตาม อย่าเปลืองเงิน เปลืองเวลาออกไปเลย
#13 การกดดันตัวเองให้เป็นคนด้อย
' อย่าบอกว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ทำ 'อย่าเพิ่งตื่นตระหนก กดดันตัวเอง จนกลายเป็นสะกดจิตตัวเองว่า' ทำไม่ได้ 'ถามใจตัวเองให้ดีว่าพอจะสู้ได้ไหม? มีโอกาสได้ลองหรือยัง? การตื่นตระหนกไปก่อนอาจทำให้เราพลาดโอกาสดี ๆ ที่จะพัฒนาตัวเองนะ
#14 นั่งอ่านคอมเม้นท์แย่ ๆ, เรื่องซุบซิบนินทา
ตื่นขึ้นมาก็รีบคว้ามือถือกดดูเฟสบุ๊กว่ามีข่าวฉาวอะไร? ใครนินทาใคร? มีเรื่องอะไรให้เผือก? เป็นการใช้เวลาที่เพลินดี แต่...ไม่ได้ประโยชน์อะไร! เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันก็แค่เรื่องสนุกปากชั่วครั้งชั่วคราว เลื่อนผ่าน ๆ ตาได้ และควรใช้เวลาไปกับการอ่าน content ที่มีสาระดี ๆ, บทสัมภาษณ์ดี ๆ, ความรู้ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน แบบนี้โอเคกว่าเยอะ ได้ทั้งความรู้และแรงบันดาลใจดี ๆ ด้วยนะ
#15 เถียง/แก้ข่าวแบบไม่รู้จักหยุด
ไม่จำเป็นต้องไล่อธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจว่าเราเป็นคนแบบไหน เพราะบางคนก็ยึดมั่นในความคิดตนเองมาก ชนิดที่ว่าต่อให้มีข้อมูลใหม่ ก็ยังจะปักใจเชื่อแบบเดิมเช่นนั้น เพราะฉะนั้น ควรปล่อยไป มันเป็นเรื่องที่ยิ่งพูดก็ยิ่งเหนื่อย เสียเวลาเปล่า ๆ' การที่เราหยุดก่อน ไม่ได้แปลว่าเราแพ้ 'ใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเขา ตัวเรารู้ตัวดีก็พอแล้ว
ทุกคนมีเวลาในแต่ละวัน 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่เวลานั้นจะมีค่ามากหรือน้อย ก็ขึ้นกับว่าเราใช้ไปกับอะไรบ้าง หากต้องการชีวิตที่มีคุณภาพ เราก็ต้องรู้จักวางแผนที่จะใช้เวลาไปกับคนคุณภาพ สิ่งที่มีคุณภาพ อย่าเสียเวลากับสิ่งที่บั่นทอนจิตใจ หรือคนที่มีพลังงานลบ เราไม่จำเป็นต้องเก็บทุกคนหรือทุกสิ่งไว้ในใจ ตัดออกบ้างก็ได้ คัดออกบ้างก็ดีนะ