ถ้าลองมองย้อนไปเมื่อสิบ ยี่สิบปีก่อน

สำหรับคนที่มีค่าสายตาปกติ มองเห็นทุกอย่างชัดแจ๋ว น่าจะคิดว่าอาการภาพเบลอนั้นเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากตัวเรามากนัก

และคิดว่าโชคดีมากๆ ที่ไม่ต้องพึ่งแว่น พึ่งอะไรให้ลำบาก แต่ใครจะไปรู้ว่า จู่ๆ วันหนึ่งจะสายตาเบลอ เจอยังงี้ก็ตกใจสิจ๊ะ!


ถึงแม้ว่าหลายปีก่อน คนที่มีค่าสายตาปกติจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องสายตาอะไรเลย แต่สมัยนี้ไม่ใช่ยังงั้นแล้ว

ปัจจุบันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นสาเหตุทำให้สายตาเริ่มเสื่อมสภาพลงได้ เพราะเราใช้ชีวิตอยู่ตรงหน้าจอมากกว่าที่ผ่านมาเยอะมากขึ้น

บางคนดูจอคอมพิวเตอร์เสร็จ ก็ไปต่อที่จอมือถือ เรียกได้ว่าจ้องหน้าจอกันทั้งวันเลยทีเดียว

เหมือนเทคโนโลยีเปลี่ยนความเชื่อทุกอย่างไปโดยอัตโนมัติเลย


สำหรับใครที่รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้มองอะไรไม่ค่อยชัดเหมือนเดิม

บางครั้งแค่มองไปที่ไกลๆ แค่ไม่ถึง 5 เมตรก็เริ่มรู้สึกว่าเบลอๆ แล้ว

ทั้งที่ค่าสายตาก็ไม่ได้สั้น ไม่ได้ยาวเกินปกติ ยังอ่านอะไรได้อยู่ แต่ภาพมันค่อนข้างเบลอๆ มัวๆ

ไม่ชัดแจ๋วเหมือนปกติ อาการเหล่านี้มีหลายสาเหตุ ลองไปดู

6 สาเหตุโลกเบลอ เพราะสายตาเธอต่างหากที่ไม่ชัดเจน!


6 สาเหตุโลกเบลอ ที่ทำให้สายตาเธอชักจะไม่ชัดเจน!


1. สายตาเรียกหาแว่นตา

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/38/be/39/38be39f8b6b7d8b236a49c7215b0bfee.jpg

สาเหตุที่ทำให้สายตาเริ่มเบลอ อย่างแรกเลยก็มีเหตุผลจากตาเราจริงๆ นี่แหละ

ถ้าสายตาเริ่มไม่ปกติอาจจะมาจากการเปลี่ยนแปลงของสายตา

ถ้าค่าความโค้งของสายตาเปลี่ยน ก็อาจจะทำให้เรตินาไม่สามารถโฟกัสแสงได้ดีเหมือนปกติ

เพราะปกติแล้วจะเมื่อเรตินารับแสงก็จะเปลี่ยนแสงเป็นสัญญาณส่งไปสู่สมอง แต่ถ้าหากขั้นตอนนี้เกิดการเออร์เรอ ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้

ปัญหาจากค่าความโค้งของสายตาเปลี่ยน ก็จะนำไปสู่อาการสายตาสั้น สายตายาว หรืออาการตาพร่า

โดยปัญหาในเรื่องการหักเหของแสงนั้น

สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้แว่นสายตา หรือคอนแทกเลนส์ที่ช่วยแก้ไขเรื่องค่าสายตาที่เปลี่ยนแปลงไป


2. สาเหตุจากอาการเบาหวาน

รูปภาพ:http://soha.flipboard.vcmedia.vn/thumb_w/640/flipboard/2/20170914165337649/large15053837434862092303546crop1505383762731cp.jpg

อาการเบาหวานก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการตาพร่า ตามัวได้เช่นกัน

เนื่องจากเบาหวานนั้นจัดเป็นโรคเรื้อรัง ที่อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงมากขึ้น

ถ้าคุณมีโรคเบาหวานอยู่ และไม่ควบคุมเรื่องนี้ให้ดี โรคนี้ก็สามารถทำลายประสาท และหลอดเลือดในร่างกายของคุณได้

และถ้าอาการที่ว่านั้นเกิดขึ้นกับชั้นของดวงตาที่บอบบาง และเซนส์ซิทีฟ อย่างเรตินาล่ะก็ เลือดอาจจะรั่วไหลออกจากหลอดเลือด และทำลายเนื้อเยื่อดวงตา

ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการตาเริ่มแย่ไปด้วยได้เช่นกัน

ใครที่มีอาการเบาหวานอยู่ ควรดูแลสุขภาพ ควบคุมอาการให้ดี และหมั่นปรึกษาแพทย์บ่อยๆ เพื่อจะได้มั่นใจว่าดวงตาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายจากอาการเบาหวาน


3. ต้อกระจก

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/36/55/5f/36555f27cde5225aa13abe2b8709659e.jpg

โรคทางตาอย่างต้อกระจกนั้น สามารถพบเจอได้บ่อยมากกับกระบวนการเร่งอายุ

จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่ผู้ที่มีอายุมากๆ บางคนอาจจะมีอาการต้อกระจกร่วมด้วย แต่จริงๆ แล้ว

อาการต้อกระจกก็สามารถเกิดขึ้นได้ ในผู้ที่ไม่ค่อยดูแลสุขภาพ อย่างการสูบบุหรี่, ใช้เสตียรอยด์ หรือแม้แต่การทำรังสีบำบัด

เพราะสิ่งเหล่านี้อาจ

เป็นเหตุให้โปรตีนของดวงตา สร้างก้อนม่านทึบๆ ซึ่งจะบั่นทอนวิสัยทัศน์เป็นอย่างมาก


4. ไมเกรนมาเยือนแล้ว

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/1b/ed/2e/1bed2e24ff8a0882a06b185f20c17564.jpg

พูดถึงไมเกรน ใครที่มีอาการไมเกรนจะรู้ดี ว่าแค่ช่วงที่เครียด ๆ แล้วเกิดอาการไมเกรนขึ้นมา ก็

ทรมานหัว ทรมานร่างกายจะแย่อยู่แล้ว บางคนปวดหนักมากๆ จนอ้วก ก็ทรมานท้องไส้ก็มี แต่นอกไปกว่านี้ ไมเกรนไม่ได้มีผลแค่ทำให้เราปวดหัวอย่างเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ

โรคทางประสาทอย่างไมเกรน

ที่แค่ได้ยินชื่อก็ไมเกรนจะขึ้นอยู่แล้วเนี่ย

ไม่ได้ส่งผลแค่อาการปวดหัวอย่างเดียว แต่ทว่าส่งผลไปทั้งร่างกายเลย ไม่ว่าจะเป็นอาการวิงเวียน, ไวต่อแสง, คอแข็ง

( ที่ทำให้เกิดอาการตึงปวดนะ ไม่ใช่เป็นไมเกรนแล้วจะดื่มแอลกอฮอล์ได้อึด )

และอาการตาพร่ามัว ด้วยเช่นกัน

พอรู้แบบนี้แล้วขอตะโกนหน่อย "

เจ้าไมเกรน แกทำให้ชั้นดูแย่!

"


5. ต้อหินก็เป็นไปได้

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/5e/8e/95/5e8e95be8433e0e8da334f10261458bd.jpg

อาการที่เกิดจากความดันของตาเพิ่มสูงมากขึ้น หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ " โรคต้อหิน "

เป็นโรคที่จะค่อยๆ แสดงอาการออกมา

และบางทีก็ส่งผลต่อประสาทตา ซึ่งจะเป็นผลให้ตาของคุณพร่าแบบสุดๆ

ไปเลย หากใครมีอาการตาพร่า และสงสัยว่าอาจเป็นต้อหิน

ควรไปปรึกษาจักษุแพทย์เท่านั้น เพื่อรับยาตามใบสั่งแพทย์ และทำเลเซอร์ หรือการผ่าตัดเพื่อแก้ไขโรคต้อหิน


6. จอประสาทตาเสื่อมก็มีส่วน

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/5d/04/2f/5d042f117191569ce0a0326719d5fe8b.jpg

จอประสาทตา ถือเป็นศูนย์กลางของเรตินา ซึ่งปกติแล้วจะช่วยทำให้เรามองเห็นทุกอย่าง

ได้เป็นปกติ

แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ จอประสาทตาก็สามารถถูกทำร้ายได้ ด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ไม่ดีต่อสายตา

ซึ่งผลที่ตามมาคือ

คุณจะเริ่มมองทุกอย่างได้แย่ลง ไม่ว่าจะตาพร่า, ปรับสายตาในที่มืด หรือแม้แต่หน้าตาคนก็อาจจะมองได้ยาก

ควรถนอมสายตากันให้มากๆ นะ


เชื่อเลยว่าหลายๆ คน ในยุคนี้จะต้องเคยประสบกับอาการตาพร่ากันบ่อยๆ แน่

โดยเฉพาะหลังจากมองจอนานๆ

ซึ่งขอให้ทุกคนอย่าชะล่าใจ ควรจะดูแลตาของเราทุกคู่ให้ดีที่สุด ยิ่งเวลาผ่านไป และเราใช้สายตาแบบหักโหม ถึงสายตาจะดีแค่ไหน ก็แย่ลงได้เช่นกัน และอาจก่อให้เกิดโรคทางตาได้หลายอย่างเลย

ใครที่มีอาการตาพร่าบ่อยๆ ค

วรไปพบจักษุแพทย์เพื่อทำการตรวจหาความผิดปกติกันด้วยนะจ๊ะ