บทนำ

รถยนต์แอสตันมาร์ตินแล่นไปตามถนนซึ่งลาดยางอย่างดี มันเป็นถนนเส้นตรงตลอดสาย วิ่งจากย่านการค้าในเมืองไปจนถึงแหล่งพัฒนาที่อยู่อาศัย มีหมู่บ้านใหม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และเมื่อขับต่อไปไกลเรื่อย ๆ ก็กลายเป็นเรือกสวน มีชาวสวนปลูกต้นไม้ดอกไม้ขายส่งเป็นระยะตลอดทาง

ธีธัชนึกถึงบ้านหลังเล็ก ล้อมรอบด้วยไม้ดอกนานาพรรณอันเป็นกิจการเล็ก ๆ ของครอบครัวเจ้าหล่อน เขาเคยมาบ้านอดีตคนรักแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น สมัยที่เธอบอกว่ามีแหล่งเลือกซื้อดอกไม้สำหรับจัดสวนหน้าบ้านของเขา ก่อนจะเฉลยว่าสวนเล็ก ๆ นั้นคือบ้านของเธอเอง ทว่าแม้เวลาผ่านไปธีธัชกลับจำบ้านของอดีตคนรักได้ไม่ลืม

เสียงโทรศัพท์ร้องดังขึ้นขัดจังหวะรำลึกความหลัง ชายหนุ่มกดปุ่มรับสายบนพวงมาลัยอย่างคาดเดาได้ว่าใครคือคนโทร. เข้ามา

" คร้าบ " เขาเอ่ยเสียงยานคาง

" เป็นไง แฟนเธอว่าไงบ้าง " เสียงเข้มทว่าเป็นเสียงของผู้หญิงดังมาตามสาย

ธีธัชกลอกตาอ่อนใจ ปุ้มปุ้ยคือผู้จัดการส่วนตัวของเขา และเป็นคนต้นคิดให้เขาต้องเดินทางมาที่นี่นั่นเอง

" แฟนเฟินอะไรพี่ ก็พี่ให้ผมเลิกกับเขาเอง "

" อย่ามาทำเสียงอย่างนี้นะธีร์ นายนั่นแหละทำอะไรไว้ในอดีตถึงต้องคอยมาตามแก้ข่าวอย่างนี้ไง ฉันไม่ได้มีแค่นายคนเดียวนะที่ต้องดูแล "

" งั้นพี่ก็ไปดูคนอื่นเถอะ ได้เรื่องว่าไงผมก็โทร. ไปรายงานเองล่ะน่า "

ดาราหนุ่มกดตัดสายทันทีที่จบประโยคนั้น ก่อนจะสบถอย่างหัวเสียลับหลังผู้จัดการสาวหล่อที่นับวันก็ยิ่งเผยธาตุแท้ออกมา นับแต่เขามีข่าวฉาวว่าซุกลูกเมีย ซ้ำเรตติ้งละครเรื่องล่าสุดก็ต่ำกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา

จริงๆ ข่าวนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีมูลเสียทีเดียว ชั่วแต่ว่ามันเป็นความลับที่เขาปกปิดมานาน ผู้เดียวที่รู้เห็นก็คือปุ้มปุ้ย ผู้ ' จัดการ ' ทุกเรื่องของตน

ธีธัชต้องแบกหน้ากลับมาหาผู้หญิงที่ตนเคยทอดทิ้งไป และลูก...ลูกของเขาซึ่งคงอยู่ในวัยน่ารัก ป่านนี้ยัยหนูจะอายุกี่ขวบนะ หนึ่งหรือสองขวบก็ไม่แน่ใจ คงต้องดูในบัญชีว่าเขาโอนเงินค่าเลี้ยงดูไปให้แกแล้วกี่เดือน

ธีธัชไม่เคยตำหนิตนเองว่าบกพร่องในหน้าที่พ่อ สมัยนี้มีเด็กที่พ่อแม่แยกทางกันถมไป และเขาก็คิดว่าอดีตคนรักอย่างมัทรีคงเข้าใจในความจำเป็นเช่นกัน

..................


ดอกไม้สีสันสดใสในกระถางน้อยใหญ่ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ด้านหน้าตัวบ้านสองชั้นสีเขียวอ่อน นอกจากบ้านที่คุ้นตาแล้ว รถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ซึ่งจอดอยู่บนพื้นดินลูกรังข้างตัวบ้านก็คุ้นเคยในความทรงจำเขาดี

ธีธัชจอดรถของตนยังไหล่ทาง เขาหยุดยืนลังเลนิดหนึ่งขณะก้มมองรองเท้าผ้าใบรุ่นหายากสลับกับพื้นดินชื้นแฉะ ในที่สุดก็ตัดใจก้าวต่อไป

รั้วเหล็กซึ่งขึงด้วยลวดเปิดไว้ให้ลูกค้าเข้ามาเลือกชมไม้ดอกไม้ประดับ ทว่าน่าแปลกที่ไม่มีใครออกมาต้อนรับ เป็นครั้งแรกที่เขานึกตำหนิอดีตคนรักในใจ เธอควรระมัดระวังมากกว่านี้เมื่อบ้านมีแต่ผู้หญิงอาศัยอยู่

ธีธัชก้าวตามทางเล็กที่เว้นไว้ระหว่างแปลงดอกไม้มาถึงตัวบ้าน เขาตบสันมือลงบนโอ่งดินใบใหญ่ขณะครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดีหากไม่ได้พบเธอวันนี้

" มัท! มัทรี อยู่ไหม " ชายหนุ่มเอ่ยเรียกพลางหมุนลูกบิดประตูที่ติดล็อก" ค่า สักครู่นะคะ " เสียงตอบรับดังมาจากชั้นบน

เขาก้าวถอยพลางแหงนมองขึ้นไปเพื่อหาที่มาของเสียงนั้น แล้วก็ต้องนิ่วหน้าประหลาดใจเมื่อหัวใจตนกลับมาเต้นแรง นี่เขากำลังตื่นเต้นที่จะได้เจออดีตคนรักหรือแม่ของลูกน่ะหรือ อาจเพราะเวลาที่ผ่านไปทำให้จินตนาการถึงเจ้าหล่อนในรูปแบบต่างๆ นานา

" มาแล้วค่ะๆ " เสียงใสร้องบอกมาก่อนตัว

ธีธัชก้าวถอยไปจากหน้าประตูเล็กน้อย แต่ไม่ไกลเกินกว่าเอื้อมแขนไปแทรกไว้ได้ทันหากเจ้าของบ้านตัดสินใจปิดประตูใส่ตน

ลมวูบหนึ่งพัดมาเมื่อประตูถูกดึงเปิด แล้วเขาก็สังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหญิงสาวชัดกว่าสิ่งใด ก่อนมันจะค่อยเลือนหายไป กลายเป็นความว่างเปล่าในดวงตาเธอ

มัทรีไม่ได้ดึงประตูปิดอย่างที่เขาคิด ธีธัชโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เขาก้าวไปใกล้และแทรกกายผ่านเธอเข้าไป ได้ยินเสียงประตูถูกงับปิดขณะตนกวาดตาสำรวจสภาพความเป็นอยู่ข้างใน

ชั้นล่างของตัวบ้านปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาว เป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องครัวในพื้นที่เดียวกัน ดูสภาพเดิม ๆ มากกว่าจะเป็นบ้านของมัณฑนากรฝีมือดี เมื่อมองสำรวจจนพอใจ ชายหนุ่มจึงหันมามองเห็นเจ้าหล่อนกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

" บ้านเงียบจัง คุณแม่มัทล่ะ แล้วลูก... ""มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ" เธอถามอย่างสุภาพก่อนที่เขาจะพูดจบกลับเป็นชายหนุ่มที่เก้อไปเสียเอง เขายืนคว้างกลางบ้าน มือไม้เกะกะไปหมด" ก็...ก็ไม่เชิง ผมมีเรื่องอยากปรึกษามัทน่ะ "

มัทรีสูดหายใจลึก เธอพยักหน้าก่อนผละไปนำน้ำเย็นมารับรองแขก แล้วยังเปิดพัดลมอีกตัวเมื่อสังเกตเห็นเสื้อแขนยาวที่เขาสวมใส่ชื้นเหงื่อ

" มัทดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ "

นั่นเป็นประโยคแรกที่ธีธัชเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายชื่นชมเช่นที่เคยพึงใจความงามของเธอในวันวาน คุณแม่ลูกหนึ่งในวันนี้ยังคงผอมบาง ใบหน้าไร้เครื่องสำอางอ่อนเยาว์กว่าวัย เธอไม่ใช่คนสวยจัด แต่สวยพิศ อีกทั้งความแคล่วคล่องยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้แก่เธอ

ทว่ามัทรีไม่ได้หลงใหลไปกับคำพูดนั้น เธอไม่ต่อความยาวสาวความยืดด้วยการบอกว่าเขาเองก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เวลากว่าสองปีคงไม่ทำให้อะไรเปลี่ยนไปนักหรอก ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว..." พอดีมีนัดตอนบ่ายน่ะค่ะ ลูกค้าจะมาขนต้นไม้ "" แล้ว... " ชายหนุ่มย้อนถามด้วยความงุนงง

" คุณคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามาที่นี่หรอกมั้ง "

ธีธัชงันไปอึดใจ เขาดูไม่ออกว่าเธอประชดหรือพูดเพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขา หากนั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับมันคือความจริง

" พี่ เอ่อ ผมฝันถึงลูกน่ะ แล้ววันนี้ผมไม่มีงาน ก็เลยอยากมาเยี่ยมมาเล่นกับแก "

หญิงสาวสูดหายใจลึกอย่างพยายามสะกดอารมณ์ เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่านั่นคือความต้องการแท้จริงของเขา

" นั่นยังไม่ตรงประเด็นไม่ใช่หรือคะ "" มัท " ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง

มัทรีเป็นคนฉลาด เก่งและฉลาด แต่มันน่าหงุดหงิดใจไม่น้อยที่เธอทำเหมือนรู้ทันเขาอยู่ร่ำไป คิดว่าเธอฝืนใจคนเดียวหรือไง เขาเองก็ฝืนใจ ทั้งละอายที่ต้องมาขอความร่วมมือจากเธอ

" ขอผมพบลูกก่อนได้ไหม แล้วเราค่อยพูดจากัน "" แต่จะเสียเวลาทั้งคุณและฉัน "" ผมเป็นพ่อของแกนะ เอาเถอะ ผมยอมรับว่าพูดคำนี้ช้าไป แต่ผมก็ส่งเสียแกมาตลอด ผมไม่มีสิทธิ์พบแกหรือมัท พี่ผิดขนาดนั้นเลยเหรอ " เขาลืมตัว แทนตัวเองด้วยสรรพนามที่เคยใช้ในอดีตในท้ายที่สุด

มัทรีเบือนหน้าไปทางอื่นพร้อมกับฝืนกลั้นน้ำตา ไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียวหรอก ถ้าเธอจะโทษเขา เธอโทษตัวเองด้วยเช่นกัน

" แกอยู่ที่นี่หรือเปล่า ทำไมไม่ค่อยมีของเล่นเด็กเลย หรือมัทฝากใครเลี้ยง เป็นคนที่ไว้ใจได้แน่หรือ "" เปล่าค่ะ อยู่นี่แหละ อยู่ข้างบน " เธอตอบ หางเสียงสั่นเครือ

กระนั้นร่างระหงก็ลุกยืนโดยมีแขกไม่ได้รับเชิญลุกตาม เธอเป็นฝ่ายก้าวนำจึงทันได้แอบปาดน้ำตา

" มัทให้ลูกอยู่ข้างบนบ่อยหรือ ต้องระวังบันไดให้ดีล่ะ "เธอไม่ได้ตอบ แล้วธีธัชก็พลอยนึกละอายที่ตนบังอาจให้คำแนะนำคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอ

บันไดขึ้นมาสุดยังทางเดินแคบ ๆ บนชั้นสองของบ้าน มีประตูห้องสามห้องบนนั้น ที่สุดระเบียงทางเดินมีประตูบานหนึ่งเปิดไว้ เขาชะงักย่างก้าวเมื่อมัทรีเดินนำไปทางนั้น ชายหนุ่มถูมือชื้นเหงื่อเข้าด้วยกันด้วยความตื่นเต้นที่ไม่เคยพานพบมานาน ไม่มีครั้งใดจะเทียบเท่า

" มัทบอกลูกหรือเปล่าว่าผมเป็นพ่อของแก " เขาเอ่ยถามขึ้น

หญิงสาวชะงักหันมาเช่นกัน เธอผงกศีรษะตอบเขา

" บอกค่ะ แต่ไม่รู้แกจะจำคุณได้ไหม "

ธีธัชพยักหน้าพึงพอใจพร้อมรอยยิ้ม ไม่เป็นไร นับแต่นี้ต่อไปเขาเชื่อว่าตนมีโอกาสสร้างความทรงจำร่วมกับลูกขึ้นมา เป็นความทรงจำที่พ่อลูกเท่านั้นจะร่วมแบ่งปันแก่กันได้

นักแสดงหนุ่มก้าวตามอดีตคนรักเข้าไปในห้องซึ่งไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศยังคงอ้อยอิ่งราวกับเพิ่งปิดไปไม่นาน เสียงกุ๊งกิ๊งจากโมบายนอกหน้าต่างดึงสายตาเขาไป ก่อนธีธัชจะหันมองเตียงเด็กเต็มตาพร้อมกับผงะถอยไปก้าวหนึ่ง

"ไม่จริง..."

..............................................................................................

สวัสดีค่า

ขอเอานิยายทำมือมาประเดิมอัพที่นี่ ฝากตัวด้วยนะคะ

แพรวจะลงให้อ่าน 70% มาติดตามชีวิตรักลับๆ ของซุปตาร์กันค่า

หรือถ้าอยากอ่านเรื่องราวจนจบ "โซ่พิสุทธิ์" วางแผงแล้วที่ร้านนายอินทร์นะคะ

สอบถามพนักงานได้ หรือจะสั่งซื้อทางเว็บก็ได้ค่ะ