สวัสดีค่ะสาวซิสต้าทุกคน!ในที่สุดเธอก็สามารถล่อลวง เอ๊ย! หว่านเสน่ห์หนุ่มน้อยที่เข้าตาจนเขายอมมาเดทกับเธอจนได้ เธอรีบกลับไปเตรียมหัวข้อสนทนามาพูดคุยเติมความหวาน มัดใจผู้ชายคนนี้รัวๆ เลยแต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเล่ารายละเอียดทุกอย่างในชีวิตของเธอจนหมดเปลือกขนาดนั้น เพราะเขาอาจสะพรึงแล้วตกใจหนีไปเสียก่อนน่ะสิ


เดทแรกเป็นเรื่องของความประทับใจ กฎหลักคือทำให้เขารู้สึกมีความสุข เห็นว่าเธอเป็นคน " ปกติ " และสามารถพึ่งพาได้สาวๆ บางคนอาจแย้งว่า" ทำไมฉันต้องแกล้งเป็นคนน่ารัก ทั้งที่ตัวตนออกจะลุยๆ เถื่อนๆ "ก็แหม ถ้าเขากลัวจนปิดใจไปแล้ว จะไม่มีโอกาสให้เขามารู้จักเธอจริงๆ จังๆ น่ะสิ

เราไม่ได้บอกให้เธอแปลงร่างเป็นคุณหนูไฮโซ เปลี่ยนกิริยามารยาทจนกลายเป็นคนละคนหรอกนะ! เธอยังสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ แต่เรื่องบางอย่างก็อย่าเพิ่งเล่าดีกว่า หรือถ้าพอโกหก เลี่ยงๆ ได้ก็ทำไปก่อน ไม่อย่างนั้นเธออาจถูกมองว่าเป็นยัยเพี้ยนก็ได้นะ


วันนี้เราจึงมีบทความ" 8 สิ่งที่ยังไม่ต้องเล่าในเดทแรก "เพื่อเก็บข้อมูลว่าหัวข้อไหนควรอุบไว้ก่อน รอให้สนิทกว่านี้ค่อยเปิดเผยรัวๆ เอ้า เลื่อนเมาส์ลงมาได้เลย


#1 แฟนเก่าโรคจิต

รูปภาพ:http://media.collegetimes.com/uploads/2014/06/50994518.jpg

หัวข้ออันตราย / ต้องห้ามมากที่สุดในการเดทคือ " แฟนเก่า " ( ในกรณีที่เคยมีแฟนมาก่อน ) ยิ่งถ้าจบแบบไม่สวยล่ะก็ พยายามเลี่ยงให้มากที่สุดจะดีกว่า แต่หากคุยไปคุยมาแล้วต้องวกกลับมาเรื่องนี้จริงๆ ก็ให้คุยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ปกติธรรมดา บอกแค่ว่า " อ๋อ เราไปกันไม่ได้น่ะ " ก็พอ

อย่าทำหน้าตื่นแล้วรีบโพล่งว่า " อ๋อ! แฟนเก่าของฉันน่ะเหรอ ช่วงเลิกกันใหม่ๆ เขาโทรหาฉันทุกคืนเลย โทรมาว่าไงรู้ไหม แกกล้ามากที่บังอาจเลิกกับฉัน ตายศพไม่สวยแน่" หรือ " เขาเคยกระโดดขวางหน้ารถไม่ให้ฉันขับหนีด้วย ดีนะที่ไม่ชน แต่ก็เข้าโรงพยาบาลไปหลายเดือน " หรือ " ครั้งล่าสุดที่เขาเห็นฉันอยู่กับแฟนใหม่ ผู้ชายคนนั้นรักษาตัวอยู่ ยังไม่ออกมาเลย " คู่เดทของเธอคงไม่อยากเป็นตัวตายตัวแทนแฟนใหม่คนนั้นแน่นอนค่ะ

อีกเหตุผลหนึ่งคือ บางคนจะแอบคิดไปว่า การที่เรามี " แฟนเก่า " แปลว่าเราต้องมีบางสิ่งที่ไม่ดี ผู้ชายจึงขอเลิก ดังนั้นพยายามอย่าเน้นเรื่องนี้มากดีกว่า


#2 ความชอบ / รสนิยมแปลกๆ ที่น่ากลัว

ไม่มีใครอยากรู้ว่าสาวสวยน่ารักตรงหน้าชอบแส้ กุญแจมือ น้ำตาเทียนตั้งแต่คุยกันในเดทแรกหรอกนะ! ผู้หญิงบางคนมีรสนิยมและความชอบแปลกๆ ที่ใครก็ไม่อาจเข้าถึง โดยเฉพาะสาวสาย " มโน " มีเพื่อนแท้เป็นหนังสือนิยายและเกมเรท 18+ สมองเพริดแพร้วไปด้วยจินตนาการแบบสุดขั้ว ( นึกถึงห้องแดงใน Fifty Shade of Grey แล้วจะเข้าใจ )

ถ้าเธอเริ่มพูดถึงคำว่า " จริงๆ เราชอบความเจ็บปวดน่ะ เนี่ย ที่บ้านก็มีแส้อยู่ด้ามนึง พรีออเดอร์มา กลัวคนหาว่าเป็นโรคจิต... " เธอคิดว่าเจ้าหนุ่มข้างหน้าจะทำสีหน้าอย่างไร แน่นอนว่าเขาจะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเธอทันที จากสาวหวานแบ๊วๆ เป็นสาว Sadism ที่ต้องถอยหนีให้ไกล ผู้ชายบางคนก็ไม่เข้าใจคำว่าล้อเล่น เพราะเขายังไม่รู้จักเธอดีพอไงล่ะ

สงบปากสงบคำ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้จนกว่าจะสนิทจนถึงขั้นร่วมหอลงโรง ถ้าเขาบังเอิญถามขึ้นมาจริงๆ ก็บอกแค่ " ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก เราไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้ "

รูปภาพ:http://www.japantrends.com/japan-trends/wp-content/uploads/2014/08/shag-omotesando-fashion-fetish-space-tokyo-2.jpg

#3 ลักษณะของครอบครัว / นิสัยคนที่บ้าน

รูปภาพ:http://acdn.architizer.com/media/1385568608488Simpson-Thanksgiving-Dinner.gif

เพิ่งเจอหน้าผู้ชาย อย่าเพิ่งสาธยายเล่าประวัติครอบครัว ดราม่าชีวิตตั้งแต่เกิดจนโต ครอบครัวยากจนปากกัดตีนถีบ ต้องสู้รบกับคนโน้นคนนี้จนกว่าจะตั้งตัวได้ และอีกหลายเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาจนหนุ่มๆ ต้องเบะปากมองบนเลยนะคะ! นี่ไม่ใช่รายการวงเวียนชีวิต อย่าทำลายบรรยากาศหวานๆ ด้วยเรื่องเศร้า เผลอๆ เขาจะรำคาญจนตีตัวออกห่างเลยด้วยซ้ำในทางกลับกัน ถ้าครอบครัวไม่มีปัญหาเรื่องความยากจน ก็อย่าเล่าเรื่องปัญหาภายในครอบครัว นิสัยแปลกๆ ของคนในบ้าน เช่น ชอบตะโกน เตะข้าวของอย่างไม่มีเหตุผล เพราะจะยิ่งทำให้เขากลัวและอยากไปให้พ้นๆ จากเดทนี้เสียทีถ้าเขาถามว่า " ที่บ้านเธอเป็นประมาณไหนเหรอ " ให้ตอบว่า " ก็เหมือนครอบครัวทั่วไปแหละ " ด้วยสีหน้ายิ้มๆ อย่าเพิ่งขยายรายละเอียด เขาจะได้ไม่ต้องถามต่อให้เจอคำตอบน่าสะพรึงไงล่ะ


#4 งานอดิเรก / ของสะสมแปลกๆ

รูปภาพ:https://beetlesinthebush.files.wordpress.com/2008/12/068ce-p1020466_2.jpg

เราเชื่อว่าทุกคนย่อมต้องมีของสะสมแปลกๆ ในวัยเด็กกันทั้งนั้น ( หรือบางคนก็สะสมมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันเลย ) เช่น ตัวแมลงสตาฟฟ์แข็งเก็บใส่กรอบไว้เป็นคอลเลคชั่น, ถุงขนมหรือกล่องนมลายแปลกๆ ตามเทศกาลที่กินแล้ว, ตุ๊กตาซอมบี้หน้าเฟะๆ เรียงรายเป็นตู้, เส้นผมมนุษย์จากทุกสถานที่เวลาไปเที่ยว และอื่นๆ อีกมากมายเท่าที่จะคิดได้ จำไว้ว่า อย่าเพิ่งเล่าให้เขาฟัง!

ถ้าเป็นของสะสมน่ารักๆ อย่างตุ๊กตาสัตว์ กระปุกออมสิน ฟิกเกอร์ ผ้าเช็ดหน้าก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ถ้าผู้ชายได้ยินว่าเธอสะสม " เศษเล็บของตัวเองตั้งแต่เด็กจนโต " คิดว่าเขาจะยิ้มด้วยความดีใจไหมล่ะ จะมองว่าเธอเป็นยัยเพี้ยนและอยากวิ่งหนีให้ไกลเสียมากกว่า

ผู้ชายบางคนกลัวในสิ่งแปลกๆ เช่น กลัวตุ๊กตา ถ้าเธอรีบเล่าไปแล้วว่า " เรามีตุ๊กตาอยู่เต็มตู้ที่บ้านเลย อยากไปดูไหม " เขาคงทำหน้าสะพรึง หวาดกลัวเหมือนเธอจะงับหัวเขายังไงยังงั้น! ถ้าเขาถามก็ทำเงียบๆ หรือตอบสิ่งที่ดูปกติไป ถ้านึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะอ้างอะไร เราแนะนำว่า " สะสมเงิน " ค่ะ

#5 โพล่งบอกไปตรงๆ ว่า " ฉันตกหลุมรักนายตั้งแต่แรกพบ "

รูปภาพ:http://ak-hdl.buzzfed.com/static/2013-11/enhanced/webdr05/4/21/anigif_enhanced-buzz-24658-1383618685-17.gif

" นายรู้ไหมว่า ฉันตกหลุมรักนายตั้งแต่แรกพบเลยนะ " อย่าเพิ่งพูดคำนี้ต่อหน้าหนุ่มที่เพิ่งรู้จักเด็ดขาด! ผู้หญิงออกตัวแรงอาจเป็นสเปคของผู้ชายหลายคน แต่ถ้าเรายังไม่รู้นิสัยของคนตรงหน้า ทำตัวปกติ นิ่งๆ เรียบร้อย play safe ไว้ก่อนดีกว่า!

นึกถึงหน้าผู้ชายที่ซีดขาว สตั๊นด้วยคำพูดรัวๆ ของเธอว่า " ทำไมนายถึงหล่อได้ขนาดนี้นะ ปากนิดจมูกหน่อย นึกว่าพระเอกหลุดออกมาจากนิยาย เห็นนายครั้งแรกหัวใจฉันแทบจะหยุดเต้น หยุดหายใจ โอ๊ย อายจัง " ( ไม่ต้องอายแล้วล่ะแม่คุณ มาเต็มซะขนาดนี้ ) ถ้าหนุ่มคนนี้เป็นคนตลก อารมณ์ดีก็แล้วไป แต่ถ้าเขาเกิดกลัวจนชิ่งหนีไปก่อนล่ะก็ เสียดายได้อีกนะจ๊ะ

อย่าทำตัวเหมือนคนโรคจิตที่จ้องจะกลืนกินผู้ชายอยู่ตลอดเวลา จะหน้าแดงด้วยความเขินอายบ้างก็ได้ แต่จงแสดงออกทางสีหน้า ไม่ใช่คำพูด! กรณีที่แย่ที่สุดคือเขาอาจมองว่าเธอ " ง่าย " ซึ่งไม่โอเคแน่นอน


#6 พูดถึงอนาคตของตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า

รูปภาพ:http://media0.giphy.com/media/GyX3MNPQIBjGM/giphy.gif

เพิ่งจะเจอหน้ากันแค่ไม่กี่นาที ยัยนี่ก็พร่ำเพ้อเรื่องอนาคตที่มีร่วมกัน ( ใครไปตกลงกับเธอไม่ทราบ!? ) ซะแล้ว นั่งบนเก้าอี้ก้นยังไม่ทันร้อน แม่เจ้าประคุณก็เริ่มพูดถึงธีมสีงานแต่งงาน จะชวนแขกมากี่คน จะเสิร์ฟอาหารบุฟเฟ่ต์หรือโต๊ะจีน ฮันนีมูนที่เมืองไทยหรือต่างประเทศ แต่งกี่ปีจะมีลูก ลูกชายลูกสาวกี่คน แล้วเราจะมีความสุขตลอดไป ตื่นค่ะ! ( ดีดนิ้วแบบเมนเทอร์ลูกเกด )

ผู้ชายที่อารมณ์ดี ไม่คิดเยอะก็คงหัวเราะขำๆ ไป แต่ถ้าเจอคนซีเรียส เขาจะรู้สึกกดดันและสับสนกับความเพ้อเจ้อของเธอ และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่า " ฉันไม่คบยัยต๊องนี่หรอก "

ถ้าเขาเป็นฝ่ายเริ่มหัวข้อนี้ขึ้นมาเอง ก็แค่พูดว่า " อนาคตเหรอ ยังไม่ได้คิดไกลขนาดนั้นหรอก แค่มีบ้าน มีรถ มีงานดีๆ ทำก็พอแล้วล่ะ อ้อ! ถ้ามีคนอยู่เคียงข้างกันด้วยก็ดีนะ " ตอบได้เยี่ยมมาก! เพราะนั่นคือสิ่งที่ใกล้ความจริงที่สุด ไม่เพ้อเจ้อ และมีทางเป็นจริงได้จากมุมมองของคนถามค่ะ


#7 ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว

รูปภาพ:http://i.huffpost.com/gen/1326714/images/o-MOM-DAUGHTER-facebook.jpg

ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ไม่ว่าเธอจะมีปัญหากับที่บ้าน ห่างเหินสุดขีดขนาดไม่คุยกันมาเป็นปีๆ แล้ว หรือตัวติดกันตลอดเหมือนเป็นลูกแหง่ ก็อย่าเพิ่งพูดให้คู่เดทฟังจนหมดเปลือก รอให้สนิทกันกว่านี้ก่อนจะดีกว่า

ถ้าเธอไม่สนิทกับพ่อแม่ บอกแค่ว่า " อ๋อ ก็คุยกันบ้าง " ดีกว่าบอกว่า " แม่มีพ่อใหม่ หนีออกจากบ้านไปเป็นปีแล้วล่ะ " ( ถ้าตอบอย่างหลัง บรรยากาศมาคุครอบงำแน่นอน )

หรือถ้าเธอไม่ค่อยมีเพื่อน ตัวติดกับพ่อแม่ได้อีก ก็อาจจะถูกมองว่าเป็นลูกแหง่ไม่ยอมโต ก็บอกแค่ว่า " สนิทแหละ ก็คุยกันทุกวัน " ก็พอแล้ว

จำไว้ว่าครั้งแรกของทุกอย่าง จงเดินทางสายกลาง ไม่ตึงไม่ล้นจนเกินไปค่ะ


#8 บอกว่าตัวเอง " ทำงานบ้านไม่เป็น "

รูปภาพ:http://cleanmypremises.ca/wp-content/uploads/2015/02/House-Cleaning-Toronto-Laundry-Cleaning.jpg

ถึงโลกในยุคสมัยนี้จะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน แต่ยังไงผู้ชายก็มองว่าสาวๆ ควรมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนอยู่บ้าง นิดหน่อยก็ยังดี! อย่างน้อยเธอก็ควรจะล้างจาน เอาผ้าเข้าเครื่อง ตากผ้า รดน้ำต้นไม้ กวาดบ้านถูบ้านได้เอง ทำอาหารเมนูง่ายๆ ได้บ้าง ไม่ใช่จ้างแม่บ้านตลอดเวลา

ถ้าเขาถามแล้วเธอตอบไปตรงๆ ว่า " ต้มไข่ยังทำเปลือกแตกเลย ", " ผ้าเหรอ ส่งซักตลอดแหละ ใครจะอยากทำเอง เหนื่อยจะตาย " เขาจะเริ่มหาทางปลีกตัวออกห่าง เพราะหากต้องแต่งงานกันไป คงเหมือนรับเธอมาเป็นภาระอีกคนน่ะสิ ทำงานบ้านยังไม่เป็น จะเลี้ยงลูกไหวได้ยังไง

ถ้าเธอโตจนพอทำงานบ้านได้แล้ว แต่ยังซักผ้าไม่เป็นก็ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้วนะคะ! ถึงเธอจะเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย แต่ก็ควรทำงานหลักๆ ให้เป็น ถ้าเธอมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ เธอก็ต้องหัดทำเองอยู่ดี เพราะเขาเรียกว่า " ความรับผิดชอบ " ค่ะ

========================

คำว่า " เดทแรก " ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเพิ่งทำความรู้จักกันเป็นครั้งแรก! ดังนั้นจงอย่าเพิ่งเผยตัวตนกากๆ เกรียนๆ หรือแปลกประหลาดให้คู่เดทต้องตะลึงจะดีกว่า ผู้ชายหลายคนที่พร้อมจะยอมรับตัวตนของคนรักได้ แต่นั่นก็ต่อเมื่อเขาตกหลุมรักเธอไปแล้ว ซึ่งการตกหลุมรักก็ต้องมาจาก First impression และการเผยด้านดีของเธอออกมาก่อนอยู่ดี

เก็บความชอบ รสนิยมส่วนตัว หรือความสัมพันธ์ในครอบครัวที่แปลกประหลาดเอาไว้ก่อน คุยแต่เรื่องในแง่ดี เผยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความน่ารักที่มีในตัวเข้าไว้ หว่านเสน่ห์ใส่ไว้ก่อน แล้วค่อยๆ เผยตัวตนจริงในเดทครั้งต่อไป ถ้าเข้ากันไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยปรับสถานะเป็นเพื่อนก็ยังไม่สายค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้สาวซิสต้าทุกคนสมหวังในรักนะคะ ^^

========================


บทความที่เกี่ยวข้อง