1. SistaCafe
  2. 6 น้ำตาลธรรมชาติ ยิ่งกิน ยิ่งป่วย ยิ่งอ้วน!

"แก้วนี้ / จานนี้ใส่น้ำตาลหรือเปล่าคะ!? "

น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตของสาวๆ ที่กำลังไดเอทแทบทุกคน

ก็แหม... ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าน้ำตาลกับความอ้วนเป็นของคู่กัน ถ้ากินเยอะก็กลายเป็นหมูอู๊ดๆ พอดี


ผู้หญิงหุ่นบางร่างน้อยจึงเห็น ' น้ำตาล ' เป็นศัตรูตัวฉกาจของการลดน้ำหนัก เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง โดยเฉพาะสารเคมีอย่าง ' สารให้ความหวาน ( sweeteners ) ' ยิ่งต้องหนีให้ไกลเลยล่ะ



หากเธอกินน้ำตาลเชิงเดี่ยว ( น้ำตาลขาวแบบขัดสี ) ในปริมาณมากๆ จะส่งผลกระทบกับระบบเผาผลาญได้ ทำให้คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง ความต้านทานต่ออินซูลินการสะสมไขมันในตับและช่องท้อง เป็นโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจหรือแม้แต่มะเร็ง!



แม้จะมีสารให้ความหวานที่มีสารตั้งต้นเป็น ' น้ำตาลธรรมชาติ ' มากมายในท้องตลาด แต่กินมากๆ ก็เกิดโรคได้เช่นกัน เผลอๆ จะอันตรายกว่าน้ำตาลทรายขาวปกติเสียอีก


และนี่คือบทความ' สารให้ความหวานธรรมชาติ 6 ชนิดที่อันตรายสุดๆ 'ให้เธอได้รู้และรับมือ ควบคุมปริมาณเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ย!


1. น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ( Agave Nectar )

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F7678%2F64eec35d-a738-4dee-9e1c-aba1026e0da5.jpeg?v=20240306101445&ratio=0.670

Agave nectar หรือน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติยอดฮิต มักนำมาใช้แทนน้ำตาลปกติเพราะมีค่าดัชนีน้ำตาล GI ( glycemic index ) ต่ำ


อย่างไรก็ตาม...น้ำหวานชนิดนี้มี ' ฟรุกโตส ' สูงมาก หากกินเยอะเกินไปจะเกิดภาวะดื้ออินซูลินในระยะยาว ทำให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดพุ่งสูงเรื้อรัง ไม่ลดต่ำเท่าภาวะปกติง่ายๆ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อเนื่องอาจทำให้เกิดโรคได้ค่ะ


น้ำตาลปกติมีฟรุกโตส 50% แต่น้ำหวานจากเกสรดอกไม้มีมากถึง 70-90% เลยทีเดียว โดยรวมแล้ว กินน้ำตาลทรายขาวปกติยังปลอดภัยกว่าค่ะ


2. น้ำตาลอ้อย ( แบบไม่ขัดสี / ออร์แกนิก )

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F7678%2Fe9c069d5-0293-4e43-9771-5e15353e20d4.jpeg?v=20240306101446&ratio=0.667

" น้ำตาลอ้อย " เป็นสารให้ความหวานธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่เรามักเห็นเป็นส่วนประกอบของ ' อาหารเพื่อสุขภาพ ' หลากหลายชนิด แม้จะเป็นแบบออร์แกนิกไม่ขัดสี แต่น้ำตาลก็คือน้ำตาลอยู่ดี


กระบวนการผลิตน้ำตาลอ้อยอาจต่างจากน้ำตาลปกติอยู่บ้าง แต่องค์ประกอบทางเคมีนั้นเหมือนกันเด๊ะ ที่สำคัญ ร่างกายก็แยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำตาลสองชนิดนี้ไม่ได้ด้วยสิ


ในระบบย่อย ร่างกายจะแยกน้ำตาลออกเป็นกลูโคสและฟรุกโตส ดังนั้นจึงส่งผลต่อระบบเผาผลาญเหมือนกันทุกอย่าง กินเยอะก็อ้วนได้เหมือนกันนั่นเอง


3. น้ำอ้อยระเหย ( Evaporated Cane Juice )

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F7678%2F320830f0-b028-4316-9a81-59b29a2a237c.jpeg?v=20240306101446&ratio=0.750

อาจจะไม่คุ้นชื่อนัก แต่น้ำตาลอ้อยระเหย ( evaporated cane juice ) มักเจอในส่วนประกอบของอาหารสำเร็จรูปทั้งหลายแหล่ ดูมีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะคำว่า ' น้ำอ้อย ' ใช่ไหมคะ แต่ที่จริงก็ไม่ต่างจากน้ำตาลปกติหรอกนะ

บริษัทผู้ผลิตอาหารต่างๆ ตั้งใจหลอกลูกค้าด้วยการใส่คำว่า ' ระเหย ' ( evaporated ) ทำให้เราคิดว่ามีนำตาลแค่นิดเดียว ทั้งที่จริงเป็นปริมาณมหาศาล เมื่อสารให้ความหวานชนิดนี้ไปถึงลำไส้และตับ ร่างกายก็แยกประเภทไม่ได้แล้ว รู้แค่ว่าเป็น ' น้ำตาล ' เท่านั้นเองค่ะ


4. น้ำตาลทรายแดงไม่ขัดสี ( brown sugar )

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F7678%2Feffb359c-3661-4515-8421-73102b37eb2a.jpeg?v=20240306101446&ratio=0.692

ในกระบวนการผลิต ' น้ำตาล ' จะมีน้ำตาลสองส่วน คือน้ำตาลปกติ ( สีขาว ) ที่ใช้ได้จริงและกากน้ำตาล ( สีน้ำตาล ) แยกออกมาเตรียมนำไปทิ้ง แต่บางครั้งเมื่อนำไปสกัดและเข้ากระบวนการทางโรงงาน อาจมีการผสมกากน้ำตาลเข้าไปเพิ่ม ทำให้น้ำตาลมีสีน้ำตาล เรียกว่า ' น้ำตาลทรายแดง ' นั่นเองค่ะ



กากน้ำตาลมีความเป็นน้ำตาล 50% และมีแร่ธาตุปนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าพูดกันตรงๆ คือน้ำตาลทรายแดงคือ น้ำตาลปกติที่นำมาผสมกับกากน้ำตาลที่อันตรายน้อยกว่าเท่านั้น แต่ข้อดีคือ แร่ธาตุในกากนั้นไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพแต่อย่างใด


เพราะน้ำตาลชนิดนี้มีน้ำตาลทรายขาวปนอยู่ครึ่งต่อครึ่ง หากกินเยอะก็ส่งผลร้ายได้เช่นกัน ต้องควบคุมปริมาณในการกินให้ดีค่ะ ^^


5. น้ำตาลมะพร้าว

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F7678%2F4e4d4a09-6abe-4b5d-a493-e85c42e4bd31.jpeg?v=20240306101446&ratio=0.695

น้ำตาลมะพร้าวมีที่มาจากการลำเลียงของน้ำหวานในต้นมะพร้าว กระบวนการผลิตก็ง่ายๆ เป็นธรรมชาติ แค่สกัดน้ำหวานแล้วปล่อยให้น้ำมะพร้าวระเหยเป็นไอ มีส่วนประกอบของไฟเบอร์และแร่ธาตุ มีค่าดัชนีน้ำตาล ( GI ) ต่ำกว่าน้ำตาลปกติ


แต่เสียใจด้วย...น้ำตาลมะพร้าวมีฟรุกโตสสูงมาก โดยรวมแล้วประมาณ 35-40% น้อยกว่าน้ำตาลปกติแค่นิดหน่อยเท่านั้น แม้จะอันตรายน้อยกว่าน้ำตาลขาว แต่ก็อันตรายอยู่ดี อย่ากินเยอะดีที่สุดค่ะ


6. น้ำผึ้ง

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F7678%2Fe2fab5a3-4e18-4382-b744-834c8b82faab.jpeg?v=20240306101446&ratio=0.648

น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานที่สาวๆ ยอมรับมากที่สุด เพราะมาจากธรรมชาติ ( ผึ้งผลิตจากน้ำหวานเกสรดอกไม้ ) มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุ แต่อัตราส่วนของน้ำตาลก็ยังมีเยอะมากถึง 80% เลยล่ะค่ะ


งานวิจัยหลายแห่งเปรียบเทียบ ' น้ำผึ้ง ' กับ ' น้ำตาลปกติ ' และพบว่าน้ำผึ้งมีผลข้างเคียงต่อระบบเผาผลาญน้อยกว่า อันตรายน้อยกว่าคล้ายน้ำตาลมะพร้าวนั่นแหละ


ถ้าเธอสุขภาพปกติดี กินน้ำผึ้งในปริมาณที่เหมาะสมก็ไม่เกิดปัญหาอะไร เพราะมีประโยชน์กว่าน้ำตาลขาวและคอร์นไซรัปแน่นอน แต่ถ้ากินเยอะก็อ้วน ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักแต่อย่างใดค่ะ


==========================



ถึงแม้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ 6 ชนิดนี้จะมีส่วนประกอบพื้นฐานจาก ' น้ำตาลขัดสี ' บางชนิดก็มีอันตรายน้อยกว่า มีประโยชน์กว่า แต่หากกินเยอะก็ทำให้เกิดโรค ส่งผลต่อความอ้วนและระบบเผาผลาญได้เช่นกัน



หากเธอสุขภาพปกติ กินขนมหวานบ้างในปริมาณที่เหมาะสม เป็นกำลังใจให้ชีวิตก็ไม่ผิดอะไร แต่อย่ากินเพลิน กินรัวๆ จนระดับน้ำตาลในเลือดสูงปรื๊ด นอกจากจะป่วยง่าย จะมีไขมันสะสมเป็นห่วงยางตามต้นแขน ต้นขา หน้าท้องด้วยน่ะสิ



จัดความสมดุลให้ชีวิตได้ แล้วสาวๆ ซิสต้าจะมีความสุขกับของหวานโดยไม่ต้องทรมานค่ะ ^^



==========================




บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้