สวัสดีค่ะสาวๆ ซิสต้าที่กำลังกันอยู่ ( ตามใจปากมากไปหน่อย ช่วยไม่ได้นี่น้า... )กฎข้อแรกของการไดเอทที่สาวๆ ทุกคนรู้ดีคือ ห้ามกินคุกกี้ บราวนี่ เค้ก หรือเอเวอรี่ติงจิงเกอเบลที่มีน้ำตาลผสมอยู่ ก็น้ำตาลน่ะ ตัวอ้วนเลยนี่นา T___Tใครอดได้ตลอดก็ดีไป แต่บางคนเมื่ออดนานๆ ก็โหยหาน้ำตาลจนตบะแตกซะงั้น สรุปอ้วนกว่าเดิม -.-

อันที่จริงแล้ว เธอไม่จำเป็นต้อง " ตัด " น้ำตาลออกไปจากชีวิตแบบ 100% เธอยังกินของหวานได้แต่ต้องรู้จักเทคนิคหลีกเลี่ยง เลือกชนิดอาหารนิดหน่อย หุ่นสาวอวบก็เป็นสาวผอมเพรียวได้ง่ายๆ

ผักผลไม้บางชนิดก็มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ แต่มันก็ยังมีประโยชน์อยู่ใช่ไหมล่ะ *-* การชิมเค้กคำเล็กๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหมือนเธอทำผิดระดับชาติ ในทางกลับกันยังทำให้เธอไม่ตบะแตกกลางคันอีกด้วย

ของหวานกับตัวเลขน้ำหนัก มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องแค่ 3 อย่าง ชนิดอาหาร, กินเมื่อไหร่, กินคู่กับอะไร ถ้าเธอกินถูกวิธี ( ควบคู่กับการออกกำลังกาย ) ยังไงก็สลิม!อ่านบทความ" 5 เคล็ดลับ กินน้ำตาลยังไงให้ผอม "แล้วเธอจะรู้ว่า การไดเอทไม่ได้ทรมานอย่างที่คิด เริ่มเลย <( ̄︶ ̄)>


1. กินน้ำตาล " ที่มาจากธรรมชาติ "

รูปภาพ:http://couponclippingcook.com/wp-content/uploads/2012/04/2-peel-banana.jpg

ขึ้นชื่อว่า " น้ำตาล " จะชนิดไหนก็เหมือนกัน คือเป็นน้ำตาล มีรสหวาน ( จะบอกทำไมเนี่ย -.-) แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันคือแหล่งที่มา นั่นคือน้ำตาลในข้าว ผักและผลไม้ หรือน้ำตาลสังเคราะห์จากกรรมวิธีทางโรงงาน ถ้าจะต้องกินน้ำตาลทั้งที ก็กินจากวัตถุดิบธรรมชาติดีกว่า

ผลไม้รสหวานที่เราขอแนะนำคือ " กล้วย " เพราะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ มีแคลอรี่ ไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ต่ำ ( ต่ำกว่าขนมหวานอย่างเค้กหรือโดนัทแน่นอน )


อันที่จริง กล้วย 1 ผลมีปริมาณน้ำตาลมากกว่าโดนัท 1 ชิ้นด้วยซ้ำ แต่กล้วยมีสารอาหารอย่างอื่นในขณะที่โดนัทมีแต่แป้งและน้ำตาลสังเคราะห์ เช่น ไฟเบอร์ โปรตีนและไขมันชนิดดีด้วยค่ะ

แทนที่จะสนใจแต่ " ปริมาณน้ำตาล " ว่าชนิดไหนหวานมาก หวานน้อย สนใจเรื่อง " คุณค่าทางอาหารโดยรวม " ของอาหารที่จะกินดีกว่า


2. กินน้ำตาลควบคู่กับ " ไฟเบอร์ โปรตีน และไขมันชนิดดี "

รูปภาพ:https://www.health.harvard.edu/media/content/images/bigstock-Food-fish-Unsaturated-Fats-52226848.jpg

หลักการกินอาหารเพื่อสุขภาพคือ กินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ควบคู่กับโปรตีน ไฟเบอร์และ

( หรือ ) ไขมันชนิดดี สารอาหารสามชนิดนี้จะช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาลในกระแสเลือด ซึ่งช่วยลดการแกว่งของน้ำตาลในเลือดและระดับพลังงานในร่างกาย อธิบายง่ายๆ คือเธอจะไม่รู้สึกเพลีย มือสั่น หรือหิวจัดอย่างไร้สาเหตุหลังกินอาหารมื้อหลักค่ะ

การกินน้ำตาลสังเคราะห์ในปริมาณสูงต่อเนื่อง เกิดภาวะน้ำตาลแกว่งบ่อยๆ จะเกิดโรคในระยะยาวแน่นอน! เช่น ผิวหนังอักเสบ บวม เป็นแผล, ภาวะต้านอินซูลิน และน้ำหนักขึ้น


ไฟเบอร์ โปรตีนและไขมันดีมีประโยชน์มากมาย นอกจากช่วยรักษาระดับพลังงานให้สมดุล ยังช่วยทำให้อิ่มท้องหลังกินขนมที่ " หวานเจี๊ยบ " อีกด้วย อาหารเหล่านี้จะช่วยได้มากเมื่อเกิดสถานการณ์ที่เธอต้องกินขนมหวาน

( เค้ก โดนัท บราวนี่ etc. ) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ไปงานเลี้ยงสังสรรค์หรือปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน เป็นต้น

กินเค้กชิ้นเล็กๆ พอรู้รส แล้วกินอาหารสามประเภทที่แนะนำไปให้อิ่มท้อง จะทำให้เธอยั้งปากตัวเองได้ ไม่กินเค้กรัวๆ อย่างไร้สติแน่นอนค่ะ


3. กินอาหารที่มีน้ำตาลสูง " ช่วงออกกำลังกาย "

รูปภาพ:http://g01.a.alicdn.com/kf/HTB1HrT8KpXXXXcaXpXXq6xXFXXXZ/Aerobics-Workout-clothes-yoga-clothing-vest-suit-new-Korean-yoga-clothes-Yoga-Top-Women-Yoga-Sportswear.jpg

แม้ว่าการออกกำลังกาย จะไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ทำให้เธอกินคัพเค้ก บราวนี่ ชานมไข่มุกรัวๆ โดยไม่บันยะบันยังได้ก็ตาม แต่การวิ่ง ปั่นจักรยานหรือยกเวทช่วยเผาผลาญน้ำตาลส่วนเกินในร่างกายได้ค่ะ

มีงานวิจัยค้นพบว่า การยกเวท ( weight-training ) หนึ่งเซ็ต มีผลต่อระดับน้ำตาบในเลือดหลังกินขนมหวานถึง 15% ต่อเนื่องยาวนานถึง 12 ชั่วโมงเลยล่ะ


อาหารที่มีน้ำตาลจากแป้งขัดสี เช่น ขนมปังขาว สปาเกตตี้และพาสต้า ยังช่วยทำให้มีแรงออกกำลังกายได้ดีขึ้นอีกด้วย เพราะช่วยเพิ่มพลังงาน วิ่งได้นานและอึดขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดีในการลดน้ำหนักใช่ไหมล่ะ ^_^


4. ไม่ดื่มกาแฟใส่น้ำตาล คู่กับขนมหวาน

รูปภาพ:http://s1.favim.com/orig/12/chocolate-coffee-donuts-drink-food-Favim.com-178373.jpg

สาวๆ คนไหนที่มีมื้อเช้าแบบมาตรฐานคือ กาแฟใส่น้ำตาลพูนถ้วยคู่กับขนมหวานที่น้ำตาลท่วมพอกันอย่างโดนัทหรือเค้ก หยุดพฤติกรรมนั้นด่วนจี๋ เพราะการกินแบบนั้นยิ่งทำให้เธออ้วนง่ายขึ้นไปอีก กินข้าวมื้อหลักไปเลยยังจะดีซะกว่า!

มีงานวิจัยเผยว่า คาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นค่ะ


นักวิจัยชาวแคนาดาค้นพบว่า คนที่ดื่มกาแฟปกติ 1-2 แก้วก่อนกินขนมหวาน 1 ชั่วโมง ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้นกว่าดื่มกาแฟไม่ใส่คาเฟอีนถึง 16% เลยล่ะค่ะ

นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่า คาเฟอีนทำให้เซลล์ในร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินน้อยลง ทำให้เกิดภาวะ " ต่อต้านอินซูลิน " ระยะสั้นได้


5. ปรุงรสอาหาร / เครื่องดื่มหวานๆ ด้วย " อบเชย "

รูปภาพ:http://farm3.static.flickr.com/2362/1891277327_a4dab1fb08.jpg

เมื่อเธอกินขนมหวานอย่างคุกกี้ , อาหารเช้าเพื่อสุขภาพอย่างข้าวโอ๊ตต้ม ลองโรย " อบเชย " เพิ่มรสลงไปด้วยสิ อบเชยช่วยทำให้เธอไม่โหยน้ำตาลจนตบะแตก อิ่มท้องนานด้วยนะ *_*


มีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารด้านอาหารบำบัดโรค ( Journal of Medicinal Food ) เปิดเผยว่า การกินอบเชยคู่กับอาหารชนิดใดก็ตาม ( รวมถึงขนมหวานด้วย ) ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้หลังจากไม่กินอะไรชั่วระยะเวลาหนึ่ง

ด้วยหลักการนี้ทำให้เธอลดน้ำหนักได้ เพราะทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลิน ในทางกลับกัน ถ้าร่างกายต่อต้านอินซูลิน เธอจะอ้วนขึ้นค่ะ


===================

เป็นอย่างไรบ้างกับ 5 เคล็ดลับการกินน้ำตาลให้ " ผอม " ที่เราเอามาฝากสาวซิสต้า ไม่ยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมล่ะ *_* ไม่จำเป็นต้องกินแต่อาหารจืดๆ หรือเผ็ด เปรี้ยวจนต้องลำบากใจเวลาเอาเข้าปากแต่ละที ทนทุกข์ทรมานเหมือนโลกจะแตกในอนาคตอันใกล้ แค่กินอย่างถูกวิธี เธอก็สามารถลิ้มรสหวานได้โดยไม่อ้วนขึ้น แต่ผอมลงด้วยซ้ำ

หากจะกินน้ำตาล จงเลือกจากแหล่งธรรมชาติ เช่น ในผักผลไม้อย่างกล้วยหรือแตงโม กินควบคู่กับไฟเบอร์ โปรตีนและไขมันดีเพื่อให้อิ่มท้อง ไม่โหย ไม่ตบะแตก ออกกำลังกายควบคู่เพื่อให้เกิดการเผาผลาญน้ำตาลส่วนเกินในร่างกาย ไม่ใส่น้ำตาลในกาแฟ และปรุงรสอาหารอร่อยๆ ด้วยอบเชย

ลองทำดู รับรองว่าหุ่นจะเพรียวสวยในเร็ววันแน่นอน แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าค่ะ ^____^

===================


บทความที่เกี่ยวข้อง