ได้ยินเสียงกรี๊ดอะไรแว่วๆ เสียงของสาวซิสต้าหน้าเครื่องชั่งเซเว่นนี่เอง กินขนมไม่บันยะบันยังก็เป็นแบบนี้แหละร่างกายไม่เคยโกหก กินแป้ง กินน้ำตาลเข้าไปรัวๆ ก็ส่งผลให้แก้ม หน้าท้อง แขน ขา ของเธอพองเป็นบอลลูนแต่ไม่น่าจะลอยไปไหนเพราะติดพุง ʅ(´◔౪◔)ʃ สาวๆ อย่าเพิ่งมองตาเขียวใส่สิวันนี้เรามีอะไรดีๆ มานำเสนอ(พูดเหมือนโฆษณาขายตรงเลยนะยะ!)
สาเหตุหนึ่งที่กินขนมกันรัวๆ จนฟันผุไปหลายซี่ นั่นเพราะเธอมีอาการ “อยาก” ของหวาน หรือพูดให้ชัดคือเธอ “ติด” น้ำตาลนั่นเอง!ขนมห่อเดียวไม่เคยพอ เคี้ยวกรุบกรอบเสร็จก็ต้องต่อด้วยน้ำอัดลมหวานจี๊ดสุดซ่า รู้ไหมว่าการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวโดยไม่เสริมโปรตีนหรือไขมันดีเลย ทำให้เธอหิวเร็ว กระตุ้นพลังงานให้ร่างกายได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้นอีกไม่กี่นาทีเธอก็จะโหย และอยากกินขนมหวานมากขึ้นอีกถ้าไม่รีบลดปริมาณขนมที่กิน อาจจะสายเกินแก้ไปแล้วก็เป็นได้
วันนี้เราจึงมีวิธี“หยุดยั้งอาการอยากขนมหวาน”มาฝาก เพราะเราอยากให้สาวซิสต้าหุ่นดีกันถ้วนหน้า เย้! พร้อมแล้วก็เลื่อนลงมาดูกันเลย ლ(^ω^ლ)
หยุดอาการ "โหยน้ำตาล" : เห็นผลทันที
1. กินไปเถอะ แต่กินแค่นิดหน่อยก็พอ!
ข้อนี้สำหรับสาวๆ ที่ยังทำใจไม่ได้! เธอยังกินขนมได้อยู่ แต่ลดปริมาณลงสักหน่อย
เ
คยเห็นขนมถุงรวมมิตรชิ้นเล็กชิ้นน้อย หรือคุกกี้ที่แบ่งเป็นห่อเล็กๆ ขายตามห้างสรรพสินค้าไหม
เวลากินก็แบ่งกินทีละถุงเล็กๆ ถุงเดียวพอ การกินน้อยทำให้เธอรู้สึกดี แถมยังไม่รู้สึกผิดอีกด้วย
"กินแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า!" ปริมาณที่แนะนำคือ
อย่าให้ขนมกินเล่นของเธอมีพลังงานเกิน 150 แคลอรี่ต่อถุงค่ะ
2. กินขนมหวานกับอาหารเพื่อสุขภาพ!
ถ้าเธอรู้สึกว่า การละเลียดกินขนมถุงจิ๋วๆ แบบนั้นไม่สะเทือนกระเพาะของเธอหรอก ลองทำตามข้อนี้ดู
ลดส่วนขนม แล้วกินร่วมกับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแทน
ไม่หงุดหงิดโมโหหิวและกินได้มากขึ้นอีกด้วย
เช่น
ถ้าเธอเป็นสาวกช็อกโกแลต ลองละลายเป็นซอสแล้วจุ่มกินกับกล้วยดูสิ!
กล้วยเป็นผลไม้ที่ช่วยระบายท้อง และมีวิตามินมากมาย รสก็หวานถูกใจวัยรุ่นอีกต่างหาก
หรือ
ผสมถั่วอัลมอนด์กับดาร์คช็อกโกแลต
ก็ไม่เลว
ไม่ต้องทรมานกับการโหยของหวาน แล้วยังได้ของแถมคือสารอาหารดีๆ โอ๊ย มีแต่ได้กับได้!
3. หักดิบไปเลย!
ข้อนี้สำหรับสาวๆ สายโหด! เรื่องบางอย่างก็ต้องหักดิบไปเลยถึงจะอยู่รอด "งด" น้ำตาลทุกชนิดไปเลยเป็นเวลา48-72 ชั่วโมง (ประมาณ 2-3 วัน)ถ้าเธอทนได้ อาการอยากของหวานจะลดลงอย่างมากสาวๆ หลายคนเข้าใจผิดว่าถึงตอนนั้นเธอคงอยากกินขนมแทบขาดใจ แต่ผิดถนัด! เธอจะแทบไม่อยากกินขนมอีกเลย
คนส่วนใหญ่จะยอมแพ้ในวันแรกนี่แหละถ้าเธอกล้าและใจเด็ดพอก็จัดไปเลยค่ะ
4. เคี้ยวหมากฝรั่ง!
ข้อนี้จัดมาสำหรับสาวปากว่างไม่ได้ ต้องหาอะไรมาเคี้ยว! ถ้าเธอไม่อยากให้ตัวเองเผลอหยิบขนมในตู้เย็นมากินกลางดึก ลองเคี้ยวหมากฝรั่งดูสิ!เลือกแบบที่ไม่มีน้ำตาล รสมิ้นท์หอมสดชื่นได้จะดีมาก
มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยลดความอยากอาหารและรสมิ้นท์ช่วยทำให้ไม่หิวอีกด้วย!
5. กินผลไม้แทน!
สาวรักผลไม้น่าจะเข้าทาง! หาซื้อผลไม้มาไว้ใกล้ตัวไว้ตลอด เมื่อมีอาการ “โหย” น้ำตาล ก็คว้าผลไม้มาเคี้ยวกร้วมๆ ได้เลย
นอกจากจะมีรสหวานถูกใจ ยังได้ไฟเบอร์และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย
กินร่วมกับอาหารจำพวกถั่ว เมล็ดธัญพืชและผลไม้แห้งด้วยยิ่งดี
แนะนำเป็นกล้วยหรือแอปเปิ้ลเพราะพลังงานต่ำ พกพาไปไหนได้สะดวก
หิวเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมากิน
ดีกว่าคุกกี้ชิ้นโตหรือเค้กน้ำตาลท่วมเป็นไหนๆ!
6. เดินเล่น เบี่ยงเบนความสนใจ!
ข้อนี้ดีสุดๆ ทั้งลดความหวานและได้ออกกำลังกายเพิ่มอีกด้วย เมื่อเธออยากกินขนม ให้ออกไปเดินเล่นข้างนอกซะ!
อาจจะเดินเล่นหน้าปากซอย เดินในสวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า หรือออกไปเที่ยวต่างจังหวัดเลยก็ได้! อยู่กับบ้านหรือห้องเรียน
บางทีบรรยากาศเดิมๆ ทำให้เรารู้สึกเบื่อ และนั่นคือสาเหตุที่อยากหาอะไรเข้าปาก
ดังนั้นต้อง
เบี่ยงเบนความสนใจของสมอง หาอะไรสนุกๆ ทำเพื่อให้เลิกคิดถึงเรื่องกิน
ค่ะ คิดซะว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เที่ยว
สถานที่ไหนยังไม่เคยไปก็ไปซะตอนนี้เลย!
7. เลือกขนมชนิดที่ "ได้ประโยชน์" ที่สุด!
ถ้าจะต้องอ้วนแล้ว ก็ต้องเลือกชนิดขนมกันหน่อย!
ถ้าอยากกินมาก ทนไม่ไหวจริงๆ (เช่น ประจำเดือนกำลังมา) ก็กินได้แต่เลือกที่มีประโยชน์ที่สุด
เลือกดาร์คช็อกโกแลตย่อมดีต่อพุงน้อยๆ ของเธอมากกว่าเบอร์เกอร์ชีสเยิ้มน้ำมันท่วม
และเวลาเคี้ยว ให้
เคี้ยวช้าๆ ซึมซับทุกช่วงเวลาที่ได้กิน
ทำให้เธออิ่มได้นานขึ้นด้วย
อย่าคิดจะเลิกขนมของโปรด เพราะยิ่งทำให้เธอหิวและกินเยอะกว่าเดิมอีก
แค่จำกัดปริมาณให้น้อยลง แต่ใส่ใจชนิดอาหารดีกว่า
เลือกแบบน้ำตาลน้อยและได้ประโยชน์กับสุขภาพนะจ๊ะ!
8. กินอาหารครบสามมื้อ เว้นระยะห่างระหว่างมื้อเท่าๆ กัน!
สาวบางคนก็เป็นสายอด กว่าจะกินได้แต่ละมื้อ รอนานจนน้ำย่อยในกระเพาะจะกัดไส้ขาดแล้ว!ข้อนี้จะบอกให้เธอรู้ว่าการเว้นระยะระหว่างมื้อมากเกินไปทำให้ร่างกายคิดว่าเธอกำลังอยู่ในภาวะขาดอาหาร ดังนั้น เมื่อถึงเวลากิน สมองจะสั่งให้เธอเลือกอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงทันทีแล้วจะไม่อ้วนได้ยังไง!แทนที่จะรอให้กระเพาะเป็นแผล กินน้อยๆ แต่กินบ่อย (ทุกๆ 3-5 ชั่วโมง)ดีกว่า ช่วยคงระดับน้ำตาลในเลือด และทำให้พฤติกรรมการกินของเธอเป็นปกติเป็นไปตามแผนไดเอทอีกด้วย
จำไว้ว่า เมื่อต้องกินอาหารเลือกโปรตีนที่มีไฟเบอร์สูงอย่างผลิตภัณฑ์โฮลเกรนดีที่สุดค่ะ!
หยุดอาการ "โหยน้ำตาล" : เห็นผลระยะยาว
1. เลิกใส่สารให้ความหวาน (Artificial sweeteners)
น้ำตาลเทียม หรือ สารให้ความหวานเป็นตัวเลือกหนึ่งที่สาวๆ นิยม เพราะไม่มีแคลอรี่และยังได้กินของหวานตามใจปรารถนาจะมีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแต่ที่จริงน้ำตาลเทียมไม่ช่วยระงับความอยากหวาน และไม่ได้ส่งผลเป็นนัยสำคัญต่อการลดความอ้วนเลยอีกทั้งยังเป็นสารเคมีสังเคราะห์อีกด้วย แม้จะยังไม่มีงานวิจัยชัดเจนว่าจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรในระยะยาวก็ตาม
ดังนั้นหากอยากกินหวาน เลือกน้ำตาลปกติจากธรรมชาติดีกว่าค่ะ(แต่เป็นไปได้ เลิกกินเลยดีที่สุด)
2. ให้รางวัลตัวเองบ้าง!
เธอไม่ใช่นักโทษในเรือนจำที่ทำผิดคดีร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องทรมาน ลงโทษตัวเองด้วยการไม่กินของหวานตลอดไป ให้รางวัลตัวเองบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายตราบใดที่จำกัดปริมาณและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยในบางวันที่หิวมากจริงๆ จะจัดช็อกโกแลตชิ้นโตเลยก็ได้ (ถ้าแน่ใจว่าออกกำลังเผาผลาญได้หมด)
จำไว้ว่าจุดหมายของเธอคือการมีสุขภาพดี ไม่ใช่ผอมกะหร่องก้าวช้าๆ แต่มั่นคงดีกว่าค่ะ
3. ตั้งสติ วางแผนว่าควรกินอะไรกันแน่!
ข้อนี้สำหรับสาวๆ จอมวางแผน!ให้เวลาตัวเองหนึ่งสัปดาห์ สังเกตว่าอาการอยากของหวานของเธอมาจากไหน โดยเริ่มจากสิ่งที่เธอกินอยู่ทุกวันนั่นแหละหลายครั้งที่แผนไดเอทของสาวๆ ล้มเลิกเพราะมีการวางแผนจัดการไม่ดีพอพูดง่ายๆ เตรียมรับมือความหิวไม่ทันนั่นเองลองหาสมุดโน้ตมาร่างคร่าวๆ ว่าเธอกินอะไรบ้างเมื่อเขียนเป็นตัวอักษรเธอจะเห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น สิ่งไหนควรเลี่ยงก็เปลี่ยนชนิดอาหารซะเลือกอาหารอย่างตั้งใจ ดีกว่าหิวเมื่อไหร่ก็ยัดทุกสิ่งเข้าปากน้ำหนักลดก็แปลกแล้วล่ะ!
4. หาเพื่อนช่วยให้กำลังใจ!
สาวๆ หลายคนเลือกขนมหวานเป็น “ที่พักพิงทางใจ”
เมื่อเธอเครียด กดดัน ผิดหวัง โมโหจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ เธอจะหันไปหาไอศกรีมกระปุกโต ช็อกโกแลตหวานๆ หรือคุกกี้ชามยักษ์ทันที
ที่จริงก็ไม่แปลกเพราะ
น้ำตาลทำให้สมองหลั่งสารที่ทำให้มีความสุข จนเรียกได้ว่า “เสพติด”
แต่ความสุขแบบนี้อยู่ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ความอ้วนสิยั่งยืน!
ลองสำรวจตัวเองว่าอารมณ์หรือสถานการณ์ไหนที่ทำให้เธอต้องกินขนม แล้วแก้ปัญหานั้นด้วยวิธีอื่นแทน
เช่น
หาเพื่อนคุย เล่นเกม ฟังเพลง
อย่าตกเป็นทาสของน้ำตาลนะคะ ด้วยความหวังดี!
5. ใช้เทคนิคนี้บ้าง เทคนิคนั้นบ้าง สลับกันไป!
ไม่มีมนุษย์คนไหนทำวิธีเดียวได้ตลอดรอดฝั่งหรอก!เธอต้องใช้เทคนิคหลายแบบสลับกันไป ก็แหม เมื่อวานกับวันนี้เรายังคิดไม่เหมือนกันเลยนี่นา!อาทิตย์นี้อาจทำแบบนี้ได้ แต่อาทิตย์หน้าร่างกายเริ่มจำ ต่อต้าน ก็ต้องใช้วิธีอื่นอีก
คิดหาวิธีไว้เยอะๆ แล้วนำมาปรับใช้ให้หลากหลายดีกว่าแต่ถ้าอยากใช้แค่วิธีเดียวจริงๆ ก็ศึกษาไลฟ์สไตล์ตัวเองว่าวิธีไหนเข้ากับเธอที่สุดนะคะสิ่งที่น่าตกใจอย่างหนึ่งคือ“รสหวานคือรสแรกที่มนุษย์ได้รับตั้งแต่แรกเกิด”เด็กเล็กจึงติดหวานได้ง่ายแป้งก็ช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโตนิน ทำให้เรารู้สึกสบายใจน้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตอย่างหนึ่ง หวาน ทั้งอร่อย ทำไมจะไม่อยากกินล่ะ?ที่จริงได้รับในปริมาณพอดีก็ไม่มีปัญหา เรื่องมันเกิดเพราะเธอไม่รู้ว่าอาหารที่กินแต่ละวัน “มีน้ำตาลแฝง” เยอะมาก ทำให้อ้วนสุดๆ เช่น ขนมปัง โยเกิร์ต น้ำผลไม้และซอสต่างๆรู้ตัวอีกทีก็อ้วนจนร้องไห้หนักมากแล้วล่ะจ้ะ
แค่ทำตามวิธีข้างต้นที่แนะนำ เธอจะค่อยๆ เลิกติดหวาน และหยุดกินขนมได้ในที่สุดเมื่อไม่มีน้ำตาลส่วนเกินสะสมเป็นไขมัน น้ำหนักก็ลดฮวบ แค่นี้หุ่นเพรียวลมจะไปไหนเสียสู้ๆ ค่ะสาวซิสต้า ^w^
บทความที่เกี่ยวข้องกับ 'การลดของหวาน' และ ที่มา
อย่าหาว่าไม่เตือน !! คนที่ชอบกินของหวานจุกจิกตลอดเวลา !!
https://sistacafe.com/summaries/836
ร้องไห้หนักมาก เมื่อรู้แคลอรี่ของหวานจานโปรดเหล่านี้
https://sistacafe.com/summaries/564
ไม่กลัวอ้วน แค่ดูดก็อิ่ม 'VAPORTRIM' ได้รสขนมหวานแบบไม่ต้องกิน!!
https://sistacafe.com/summaries/1434
Credit : 13 Ways to Fight Sugar Cravings
http://www.webmd.com/diet/13-ways-to-fight-sugar-cravings?page=2