1. SistaCafe
  2. รวมวิธี 'ลดน้ำตาล' ตัดใจจากความหวาน อย่างได้ผล เพื่อสุขภาพดี

ได้ยินเสียงกรี๊ดอะไรแว่วๆ เสียงของสาวซิสต้าหน้าเครื่องชั่งเซเว่นนี่เอง กินขนมไม่บันยะบันยังก็เป็นแบบนี้แหละร่างกายไม่เคยโกหก กินแป้ง กินน้ำตาลเข้าไปรัวๆ ก็ส่งผลให้แก้ม หน้าท้อง แขน ขา ของเธอพองเป็นบอลลูนแต่ไม่น่าจะลอยไปไหนเพราะติดพุง ʅ(´◔౪◔)ʃ สาวๆ อย่าเพิ่งมองตาเขียวใส่สิวันนี้เรามีอะไรดีๆ มานำเสนอ(พูดเหมือนโฆษณาขายตรงเลยนะยะ!)

สาเหตุหนึ่งที่กินขนมกันรัวๆ จนฟันผุไปหลายซี่ นั่นเพราะเธอมีอาการ “อยาก” ของหวาน หรือพูดให้ชัดคือเธอ “ติด” น้ำตาลนั่นเอง!ขนมห่อเดียวไม่เคยพอ เคี้ยวกรุบกรอบเสร็จก็ต้องต่อด้วยน้ำอัดลมหวานจี๊ดสุดซ่า รู้ไหมว่าการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวโดยไม่เสริมโปรตีนหรือไขมันดีเลย ทำให้เธอหิวเร็ว กระตุ้นพลังงานให้ร่างกายได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้นอีกไม่กี่นาทีเธอก็จะโหย และอยากกินขนมหวานมากขึ้นอีกถ้าไม่รีบลดปริมาณขนมที่กิน อาจจะสายเกินแก้ไปแล้วก็เป็นได้

วันนี้เราจึงมีวิธี“หยุดยั้งอาการอยากขนมหวาน”มาฝาก เพราะเราอยากให้สาวซิสต้าหุ่นดีกันถ้วนหน้า เย้! พร้อมแล้วก็เลื่อนลงมาดูกันเลย ლ(^ω^ლ)



หยุดอาการ "โหยน้ำตาล" : เห็นผลทันที

1. กินไปเถอะ แต่กินแค่นิดหน่อยก็พอ!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2F77d7a554-9684-4590-bdaf-eee84d7a54c7.jpeg?v=20240306102155&ratio=0.665

ข้อนี้สำหรับสาวๆ ที่ยังทำใจไม่ได้! เธอยังกินขนมได้อยู่ แต่ลดปริมาณลงสักหน่อย


คยเห็นขนมถุงรวมมิตรชิ้นเล็กชิ้นน้อย หรือคุกกี้ที่แบ่งเป็นห่อเล็กๆ ขายตามห้างสรรพสินค้าไหม


เวลากินก็แบ่งกินทีละถุงเล็กๆ ถุงเดียวพอ การกินน้อยทำให้เธอรู้สึกดี แถมยังไม่รู้สึกผิดอีกด้วย

"กินแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอกน่า!" ปริมาณที่แนะนำคือ

อย่าให้ขนมกินเล่นของเธอมีพลังงานเกิน 150 แคลอรี่ต่อถุงค่ะ


2. กินขนมหวานกับอาหารเพื่อสุขภาพ!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2Fe6cc168c-3972-4ad0-a4eb-3677a41cb15b.jpeg?v=20240306102155&ratio=0.767

ถ้าเธอรู้สึกว่า การละเลียดกินขนมถุงจิ๋วๆ แบบนั้นไม่สะเทือนกระเพาะของเธอหรอก ลองทำตามข้อนี้ดู

ลดส่วนขนม แล้วกินร่วมกับอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแทน


ไม่หงุดหงิดโมโหหิวและกินได้มากขึ้นอีกด้วย

เช่น

ถ้าเธอเป็นสาวกช็อกโกแลต ลองละลายเป็นซอสแล้วจุ่มกินกับกล้วยดูสิ!


กล้วยเป็นผลไม้ที่ช่วยระบายท้อง และมีวิตามินมากมาย รสก็หวานถูกใจวัยรุ่นอีกต่างหาก

หรือ

ผสมถั่วอัลมอนด์กับดาร์คช็อกโกแลต

ก็ไม่เลว



ไม่ต้องทรมานกับการโหยของหวาน แล้วยังได้ของแถมคือสารอาหารดีๆ โอ๊ย มีแต่ได้กับได้!



3. หักดิบไปเลย!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2Fdf1af8c9-28e1-4026-8c25-4e776e85255c.jpeg?v=20240306102155&ratio=0.763

ข้อนี้สำหรับสาวๆ สายโหด! เรื่องบางอย่างก็ต้องหักดิบไปเลยถึงจะอยู่รอด  "งด" น้ำตาลทุกชนิดไปเลยเป็นเวลา48-72 ชั่วโมง (ประมาณ 2-3 วัน)ถ้าเธอทนได้ อาการอยากของหวานจะลดลงอย่างมากสาวๆ หลายคนเข้าใจผิดว่าถึงตอนนั้นเธอคงอยากกินขนมแทบขาดใจ แต่ผิดถนัด! เธอจะแทบไม่อยากกินขนมอีกเลย


คนส่วนใหญ่จะยอมแพ้ในวันแรกนี่แหละถ้าเธอกล้าและใจเด็ดพอก็จัดไปเลยค่ะ


4. เคี้ยวหมากฝรั่ง!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2Fd83c108d-4288-4ff5-bbfe-7cf46e7282ed.jpeg?v=20240306102155&ratio=0.731

ข้อนี้จัดมาสำหรับสาวปากว่างไม่ได้ ต้องหาอะไรมาเคี้ยว! ถ้าเธอไม่อยากให้ตัวเองเผลอหยิบขนมในตู้เย็นมากินกลางดึก ลองเคี้ยวหมากฝรั่งดูสิ!เลือกแบบที่ไม่มีน้ำตาล รสมิ้นท์หอมสดชื่นได้จะดีมาก


มีงานวิจัยยืนยันแล้วว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยลดความอยากอาหารและรสมิ้นท์ช่วยทำให้ไม่หิวอีกด้วย!


5. กินผลไม้แทน!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2F61e7e570-24d3-4dbb-8273-1165b26008ad.jpeg?v=20240306102156&ratio=0.668

สาวรักผลไม้น่าจะเข้าทาง! หาซื้อผลไม้มาไว้ใกล้ตัวไว้ตลอด เมื่อมีอาการ “โหย” น้ำตาล ก็คว้าผลไม้มาเคี้ยวกร้วมๆ ได้เลย


นอกจากจะมีรสหวานถูกใจ ยังได้ไฟเบอร์และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกด้วย


กินร่วมกับอาหารจำพวกถั่ว เมล็ดธัญพืชและผลไม้แห้งด้วยยิ่งดี



แนะนำเป็นกล้วยหรือแอปเปิ้ลเพราะพลังงานต่ำ พกพาไปไหนได้สะดวก

หิวเมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมากิน

ดีกว่าคุกกี้ชิ้นโตหรือเค้กน้ำตาลท่วมเป็นไหนๆ!



6. เดินเล่น เบี่ยงเบนความสนใจ!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2Fb4fe86eb-8d0f-47ab-8642-300bd5d5bb9d.jpeg?v=20240306102156&ratio=1.498

ข้อนี้ดีสุดๆ ทั้งลดความหวานและได้ออกกำลังกายเพิ่มอีกด้วย เมื่อเธออยากกินขนม ให้ออกไปเดินเล่นข้างนอกซะ!

อาจจะเดินเล่นหน้าปากซอย เดินในสวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า หรือออกไปเที่ยวต่างจังหวัดเลยก็ได้! อยู่กับบ้านหรือห้องเรียน

บางทีบรรยากาศเดิมๆ ทำให้เรารู้สึกเบื่อ และนั่นคือสาเหตุที่อยากหาอะไรเข้าปาก



ดังนั้นต้อง

เบี่ยงเบนความสนใจของสมอง หาอะไรสนุกๆ ทำเพื่อให้เลิกคิดถึงเรื่องกิน

ค่ะ คิดซะว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เที่ยว

สถานที่ไหนยังไม่เคยไปก็ไปซะตอนนี้เลย!



7. เลือกขนมชนิดที่ "ได้ประโยชน์" ที่สุด!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2Fd797104c-935d-4b01-8f84-8fb773a4317c.jpeg?v=20240306102156&ratio=0.669

ถ้าจะต้องอ้วนแล้ว ก็ต้องเลือกชนิดขนมกันหน่อย!

ถ้าอยากกินมาก ทนไม่ไหวจริงๆ (เช่น ประจำเดือนกำลังมา) ก็กินได้แต่เลือกที่มีประโยชน์ที่สุด

เลือกดาร์คช็อกโกแลตย่อมดีต่อพุงน้อยๆ ของเธอมากกว่าเบอร์เกอร์ชีสเยิ้มน้ำมันท่วม

และเวลาเคี้ยว ให้

เคี้ยวช้าๆ ซึมซับทุกช่วงเวลาที่ได้กิน

ทำให้เธออิ่มได้นานขึ้นด้วย



อย่าคิดจะเลิกขนมของโปรด เพราะยิ่งทำให้เธอหิวและกินเยอะกว่าเดิมอีก


แค่จำกัดปริมาณให้น้อยลง แต่ใส่ใจชนิดอาหารดีกว่า

เลือกแบบน้ำตาลน้อยและได้ประโยชน์กับสุขภาพนะจ๊ะ!


8. กินอาหารครบสามมื้อ เว้นระยะห่างระหว่างมื้อเท่าๆ กัน!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2F5d0bc04f-dc06-4b48-8d2d-284b448ddd86.png?v=20240306102156&ratio=0.562

สาวบางคนก็เป็นสายอด กว่าจะกินได้แต่ละมื้อ รอนานจนน้ำย่อยในกระเพาะจะกัดไส้ขาดแล้ว!ข้อนี้จะบอกให้เธอรู้ว่าการเว้นระยะระหว่างมื้อมากเกินไปทำให้ร่างกายคิดว่าเธอกำลังอยู่ในภาวะขาดอาหาร ดังนั้น เมื่อถึงเวลากิน สมองจะสั่งให้เธอเลือกอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงทันทีแล้วจะไม่อ้วนได้ยังไง!แทนที่จะรอให้กระเพาะเป็นแผล กินน้อยๆ แต่กินบ่อย (ทุกๆ 3-5 ชั่วโมง)ดีกว่า ช่วยคงระดับน้ำตาลในเลือด และทำให้พฤติกรรมการกินของเธอเป็นปกติเป็นไปตามแผนไดเอทอีกด้วย

จำไว้ว่า เมื่อต้องกินอาหารเลือกโปรตีนที่มีไฟเบอร์สูงอย่างผลิตภัณฑ์โฮลเกรนดีที่สุดค่ะ!



หยุดอาการ "โหยน้ำตาล" : เห็นผลระยะยาว

1. เลิกใส่สารให้ความหวาน (Artificial sweeteners)

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2F13de3320-184a-4701-9614-c44c4b68a4a2.jpeg?v=20240306102156&ratio=0.666

น้ำตาลเทียม หรือ สารให้ความหวานเป็นตัวเลือกหนึ่งที่สาวๆ นิยม เพราะไม่มีแคลอรี่และยังได้กินของหวานตามใจปรารถนาจะมีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแต่ที่จริงน้ำตาลเทียมไม่ช่วยระงับความอยากหวาน และไม่ได้ส่งผลเป็นนัยสำคัญต่อการลดความอ้วนเลยอีกทั้งยังเป็นสารเคมีสังเคราะห์อีกด้วย แม้จะยังไม่มีงานวิจัยชัดเจนว่าจะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรในระยะยาวก็ตาม

ดังนั้นหากอยากกินหวาน เลือกน้ำตาลปกติจากธรรมชาติดีกว่าค่ะ(แต่เป็นไปได้ เลิกกินเลยดีที่สุด)


2. ให้รางวัลตัวเองบ้าง!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2F8b6cfaff-4d5e-4454-ad76-9665073a4307.jpeg?v=20240306102156&ratio=0.775

เธอไม่ใช่นักโทษในเรือนจำที่ทำผิดคดีร้ายแรง ไม่จำเป็นต้องทรมาน ลงโทษตัวเองด้วยการไม่กินของหวานตลอดไป ให้รางวัลตัวเองบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายตราบใดที่จำกัดปริมาณและออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยในบางวันที่หิวมากจริงๆ จะจัดช็อกโกแลตชิ้นโตเลยก็ได้ (ถ้าแน่ใจว่าออกกำลังเผาผลาญได้หมด)

จำไว้ว่าจุดหมายของเธอคือการมีสุขภาพดี ไม่ใช่ผอมกะหร่องก้าวช้าๆ แต่มั่นคงดีกว่าค่ะ


3. ตั้งสติ วางแผนว่าควรกินอะไรกันแน่!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2F62eb0dea-69a3-41b1-8251-85f216490f56.jpeg?v=20240306102156&ratio=0.668

ข้อนี้สำหรับสาวๆ จอมวางแผน!ให้เวลาตัวเองหนึ่งสัปดาห์ สังเกตว่าอาการอยากของหวานของเธอมาจากไหน โดยเริ่มจากสิ่งที่เธอกินอยู่ทุกวันนั่นแหละหลายครั้งที่แผนไดเอทของสาวๆ ล้มเลิกเพราะมีการวางแผนจัดการไม่ดีพอพูดง่ายๆ เตรียมรับมือความหิวไม่ทันนั่นเองลองหาสมุดโน้ตมาร่างคร่าวๆ ว่าเธอกินอะไรบ้างเมื่อเขียนเป็นตัวอักษรเธอจะเห็นภาพรวมชัดเจนขึ้น สิ่งไหนควรเลี่ยงก็เปลี่ยนชนิดอาหารซะเลือกอาหารอย่างตั้งใจ ดีกว่าหิวเมื่อไหร่ก็ยัดทุกสิ่งเข้าปากน้ำหนักลดก็แปลกแล้วล่ะ!

4. หาเพื่อนช่วยให้กำลังใจ!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2F4167cd75-d6c2-424d-b8dd-e48e16ced16e.jpeg?v=20240306102156&ratio=1.000

สาวๆ หลายคนเลือกขนมหวานเป็น “ที่พักพิงทางใจ”

เมื่อเธอเครียด กดดัน ผิดหวัง โมโหจากทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ เธอจะหันไปหาไอศกรีมกระปุกโต ช็อกโกแลตหวานๆ หรือคุกกี้ชามยักษ์ทันที

ที่จริงก็ไม่แปลกเพราะ

น้ำตาลทำให้สมองหลั่งสารที่ทำให้มีความสุข จนเรียกได้ว่า “เสพติด”

แต่ความสุขแบบนี้อยู่ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ความอ้วนสิยั่งยืน!



ลองสำรวจตัวเองว่าอารมณ์หรือสถานการณ์ไหนที่ทำให้เธอต้องกินขนม แล้วแก้ปัญหานั้นด้วยวิธีอื่นแทน

เช่น

หาเพื่อนคุย เล่นเกม ฟังเพลง

อย่าตกเป็นทาสของน้ำตาลนะคะ ด้วยความหวังดี!



5. ใช้เทคนิคนี้บ้าง เทคนิคนั้นบ้าง สลับกันไป!

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1589%2Fef36843d-bd37-40e8-9fd7-90cf01a7cc9d?v=20240306102157&ratio=1.000

ไม่มีมนุษย์คนไหนทำวิธีเดียวได้ตลอดรอดฝั่งหรอก!เธอต้องใช้เทคนิคหลายแบบสลับกันไป ก็แหม เมื่อวานกับวันนี้เรายังคิดไม่เหมือนกันเลยนี่นา!อาทิตย์นี้อาจทำแบบนี้ได้ แต่อาทิตย์หน้าร่างกายเริ่มจำ ต่อต้าน ก็ต้องใช้วิธีอื่นอีก

คิดหาวิธีไว้เยอะๆ แล้วนำมาปรับใช้ให้หลากหลายดีกว่าแต่ถ้าอยากใช้แค่วิธีเดียวจริงๆ ก็ศึกษาไลฟ์สไตล์ตัวเองว่าวิธีไหนเข้ากับเธอที่สุดนะคะสิ่งที่น่าตกใจอย่างหนึ่งคือ“รสหวานคือรสแรกที่มนุษย์ได้รับตั้งแต่แรกเกิด”เด็กเล็กจึงติดหวานได้ง่ายแป้งก็ช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโตนิน ทำให้เรารู้สึกสบายใจน้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตอย่างหนึ่ง หวาน ทั้งอร่อย ทำไมจะไม่อยากกินล่ะ?ที่จริงได้รับในปริมาณพอดีก็ไม่มีปัญหา เรื่องมันเกิดเพราะเธอไม่รู้ว่าอาหารที่กินแต่ละวัน “มีน้ำตาลแฝง” เยอะมาก ทำให้อ้วนสุดๆ เช่น ขนมปัง โยเกิร์ต น้ำผลไม้และซอสต่างๆรู้ตัวอีกทีก็อ้วนจนร้องไห้หนักมากแล้วล่ะจ้ะ

แค่ทำตามวิธีข้างต้นที่แนะนำ เธอจะค่อยๆ เลิกติดหวาน และหยุดกินขนมได้ในที่สุดเมื่อไม่มีน้ำตาลส่วนเกินสะสมเป็นไขมัน น้ำหนักก็ลดฮวบ แค่นี้หุ่นเพรียวลมจะไปไหนเสียสู้ๆ ค่ะสาวซิสต้า ^w^

บทความที่เกี่ยวข้องกับ 'การลดของหวาน' และ ที่มา

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้