"แก้วนี้ / จานนี้ใส่น้ำตาลหรือเปล่าคะ!? "

น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตของสาวๆ ที่กำลังไดเอทแทบทุกคน

ก็แหม... ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าน้ำตาลกับความอ้วนเป็นของคู่กัน ถ้ากินเยอะก็กลายเป็นหมูอู๊ดๆ พอดี


ผู้หญิงหุ่นบางร่างน้อยจึงเห็น ' น้ำตาล ' เป็นศัตรูตัวฉกาจของการลดน้ำหนัก เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง โดยเฉพาะสารเคมีอย่าง ' สารให้ความหวาน ( sweeteners ) ' ยิ่งต้องหนีให้ไกลเลยล่ะ


หากเธอกินน้ำตาลเชิงเดี่ยว ( น้ำตาลขาวแบบขัดสี ) ในปริมาณมากๆ จะส่งผลกระทบกับระบบเผาผลาญได้ ทำให้คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง ความต้านทานต่ออินซูลินการสะสมไขมันในตับและช่องท้อง เป็นโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจหรือแม้แต่มะเร็ง!

แม้จะมีสารให้ความหวานที่มีสารตั้งต้นเป็น ' น้ำตาลธรรมชาติ ' มากมายในท้องตลาด แต่กินมากๆ ก็เกิดโรคได้เช่นกัน เผลอๆ จะอันตรายกว่าน้ำตาลทรายขาวปกติเสียอีก

และนี่คือบทความ' สารให้ความหวานธรรมชาติ 6 ชนิดที่อันตรายสุดๆ 'ให้เธอได้รู้และรับมือ ควบคุมปริมาณเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเล้ย!


1. น้ำหวานจากเกสรดอกไม้ ( Agave Nectar )

รูปภาพ:http://nourishnetwork.com/wp-content/uploads/2010/10/agave-nectar.jpg

Agave nectar หรือน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติยอดฮิต มักนำมาใช้แทนน้ำตาลปกติเพราะมีค่าดัชนีน้ำตาล GI ( glycemic index ) ต่ำ

อย่างไรก็ตาม...น้ำหวานชนิดนี้มี ' ฟรุกโตส ' สูงมาก หากกินเยอะเกินไปจะเกิดภาวะดื้ออินซูลินในระยะยาว ทำให้ระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดพุ่งสูงเรื้อรัง ไม่ลดต่ำเท่าภาวะปกติง่ายๆ ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อเนื่องอาจทำให้เกิดโรคได้ค่ะ

น้ำตาลปกติมีฟรุกโตส 50% แต่น้ำหวานจากเกสรดอกไม้มีมากถึง 70-90% เลยทีเดียว โดยรวมแล้ว กินน้ำตาลทรายขาวปกติยังปลอดภัยกว่าค่ะ


2. น้ำตาลอ้อย ( แบบไม่ขัดสี / ออร์แกนิก )

รูปภาพ:https://smartypantsvitamins.com/wp-content/uploads/2012/07/shutterstock_301970780.jpg

" น้ำตาลอ้อย " เป็นสารให้ความหวานธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่เรามักเห็นเป็นส่วนประกอบของ ' อาหารเพื่อสุขภาพ ' หลากหลายชนิด แม้จะเป็นแบบออร์แกนิกไม่ขัดสี แต่น้ำตาลก็คือน้ำตาลอยู่ดี

กระบวนการผลิตน้ำตาลอ้อยอาจต่างจากน้ำตาลปกติอยู่บ้าง แต่องค์ประกอบทางเคมีนั้นเหมือนกันเด๊ะ ที่สำคัญ ร่างกายก็แยกแยะความแตกต่างระหว่างน้ำตาลสองชนิดนี้ไม่ได้ด้วยสิ

ในระบบย่อย ร่างกายจะแยกน้ำตาลออกเป็นกลูโคสและฟรุกโตส ดังนั้นจึงส่งผลต่อระบบเผาผลาญเหมือนกันทุกอย่าง กินเยอะก็อ้วนได้เหมือนกันนั่นเอง


3. น้ำอ้อยระเหย ( Evaporated Cane Juice )

รูปภาพ:http://gtlawconsumerproductscounselor.default.wp1.lexblog.com/files/2014/07/shutterstock_151528985.jpg

อาจจะไม่คุ้นชื่อนัก แต่น้ำตาลอ้อยระเหย ( evaporated cane juice ) มักเจอในส่วนประกอบของอาหารสำเร็จรูปทั้งหลายแหล่ ดูมีประโยชน์ต่อสุขภาพเพราะคำว่า ' น้ำอ้อย ' ใช่ไหมคะ แต่ที่จริงก็ไม่ต่างจากน้ำตาลปกติหรอกนะ

บริษัทผู้ผลิตอาหารต่างๆ ตั้งใจหลอกลูกค้าด้วยการใส่คำว่า ' ระเหย ' ( evaporated ) ทำให้เราคิดว่ามีนำตาลแค่นิดเดียว ทั้งที่จริงเป็นปริมาณมหาศาล เมื่อสารให้ความหวานชนิดนี้ไปถึงลำไส้และตับ ร่างกายก็แยกประเภทไม่ได้แล้ว รู้แค่ว่าเป็น ' น้ำตาล ' เท่านั้นเองค่ะ


4. น้ำตาลทรายแดงไม่ขัดสี ( brown sugar )

รูปภาพ:https://authoritynutrition.com/wp-content/uploads/2013/12/different-types-of-sugar.jpg

ในกระบวนการผลิต ' น้ำตาล ' จะมีน้ำตาลสองส่วน คือน้ำตาลปกติ ( สีขาว ) ที่ใช้ได้จริงและกากน้ำตาล ( สีน้ำตาล ) แยกออกมาเตรียมนำไปทิ้ง แต่บางครั้งเมื่อนำไปสกัดและเข้ากระบวนการทางโรงงาน อาจมีการผสมกากน้ำตาลเข้าไปเพิ่ม ทำให้น้ำตาลมีสีน้ำตาล เรียกว่า ' น้ำตาลทรายแดง ' นั่นเองค่ะ

กากน้ำตาลมีความเป็นน้ำตาล 50% และมีแร่ธาตุปนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าพูดกันตรงๆ คือน้ำตาลทรายแดงคือ น้ำตาลปกติที่นำมาผสมกับกากน้ำตาลที่อันตรายน้อยกว่าเท่านั้น แต่ข้อดีคือ แร่ธาตุในกากนั้นไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพแต่อย่างใด

เพราะน้ำตาลชนิดนี้มีน้ำตาลทรายขาวปนอยู่ครึ่งต่อครึ่ง หากกินเยอะก็ส่งผลร้ายได้เช่นกัน ต้องควบคุมปริมาณในการกินให้ดีค่ะ ^^

5. น้ำตาลมะพร้าว

รูปภาพ:http://finessehaven.com/wp-content/uploads/2015/07/coconut-sugar-benefits.jpg

น้ำตาลมะพร้าวมีที่มาจากการลำเลียงของน้ำหวานในต้นมะพร้าว กระบวนการผลิตก็ง่ายๆ เป็นธรรมชาติ แค่สกัดน้ำหวานแล้วปล่อยให้น้ำมะพร้าวระเหยเป็นไอ มีส่วนประกอบของไฟเบอร์และแร่ธาตุ มีค่าดัชนีน้ำตาล ( GI ) ต่ำกว่าน้ำตาลปกติ

แต่เสียใจด้วย...น้ำตาลมะพร้าวมีฟรุกโตสสูงมาก โดยรวมแล้วประมาณ 35-40% น้อยกว่าน้ำตาลปกติแค่นิดหน่อยเท่านั้น แม้จะอันตรายน้อยกว่าน้ำตาลขาว แต่ก็อันตรายอยู่ดี อย่ากินเยอะดีที่สุดค่ะ


6. น้ำผึ้ง

รูปภาพ:http://www.newhealthadvisor.com/images/1HT03925/honey-01.jpg

น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานที่สาวๆ ยอมรับมากที่สุด เพราะมาจากธรรมชาติ ( ผึ้งผลิตจากน้ำหวานเกสรดอกไม้ ) มีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุ แต่อัตราส่วนของน้ำตาลก็ยังมีเยอะมากถึง 80% เลยล่ะค่ะ

งานวิจัยหลายแห่งเปรียบเทียบ ' น้ำผึ้ง ' กับ ' น้ำตาลปกติ ' และพบว่าน้ำผึ้งมีผลข้างเคียงต่อระบบเผาผลาญน้อยกว่า อันตรายน้อยกว่าคล้ายน้ำตาลมะพร้าวนั่นแหละ

ถ้าเธอสุขภาพปกติดี กินน้ำผึ้งในปริมาณที่เหมาะสมก็ไม่เกิดปัญหาอะไร เพราะมีประโยชน์กว่าน้ำตาลขาวและคอร์นไซรัปแน่นอน แต่ถ้ากินเยอะก็อ้วน ไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักแต่อย่างใดค่ะ


==========================

ถึงแม้สารให้ความหวานจากธรรมชาติ 6 ชนิดนี้จะมีส่วนประกอบพื้นฐานจาก ' น้ำตาลขัดสี ' บางชนิดก็มีอันตรายน้อยกว่า มีประโยชน์กว่า แต่หากกินเยอะก็ทำให้เกิดโรค ส่งผลต่อความอ้วนและระบบเผาผลาญได้เช่นกัน

หากเธอสุขภาพปกติ กินขนมหวานบ้างในปริมาณที่เหมาะสม เป็นกำลังใจให้ชีวิตก็ไม่ผิดอะไร แต่อย่ากินเพลิน กินรัวๆ จนระดับน้ำตาลในเลือดสูงปรื๊ด นอกจากจะป่วยง่าย จะมีไขมันสะสมเป็นห่วงยางตามต้นแขน ต้นขา หน้าท้องด้วยน่ะสิ

จัดความสมดุลให้ชีวิตได้ แล้วสาวๆ ซิสต้าจะมีความสุขกับของหวานโดยไม่ต้องทรมานค่ะ ^^

==========================


บทความที่เกี่ยวข้อง