บทที่ 15

หลังใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ฉันและมาโคโตะก็มาถึงโรงเรียนมัธยมปลายโฮริโคชิ สถานศึกษาชั้นนำที่มีแต่พวกลูกคุณหนูมาเรียน เพราะค่าเทอมแพงหูฉี่ประกอบกับกิตติศัพท์เรื่องความหินของการสอบเข้าทำให้คนทั่วไปขยาด


แม้ฉันจะสอบเข้าที่นี่ได้สบายๆ (ก็คนมันเก่ง) แต่ก็ขอเลือกโรงเรียนเอกชนระดับล่างกว่านิดหน่อยดีกว่า ขืนอยู่นี่ฉันอาจจะได้เป็นแค่หางหมา ทั้งที่วาสนาต้องส่งให้เป็นนางพญาแบบในปัจจุบัน


“ไปลงทะเบียนที่อาคารตรงโน้นนะ เห็นมั้ย ที่มีป้ายเขียนว่า ‘นิวาตะ’ น่ะ ฉันเอารถไปจอดก่อน เดี๋ยวจะตามไป”


มาโคโตะชี้นิ้วสั่ง ทำให้ฉันต้องมุ่นคิ้วด้วยความประหลาดใจทันที


“รู้ดีจังนะ เคยมาหรือไง”


ทำเป็นถามแซะไปอย่างนั้น ทว่าอีกฝ่ายก็เซอร์ไพรส์ฉันจนได้


“เออสิ โรงเรียนเก่าฉัน”


นั่นไง ฉันว่าแล้วเชียว หมอนี่เป็นหนึ่งในศิษย์เก่าลูกคุณหนูของที่นี่จริงๆ ด้วย ดูจากโหงวเฮ้งก็พอจะบอกได้ไม่ยาก แล้วก็นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่านักเรียนที่นี่มีนิสัยเหมือนมาโคโตะกันทุกคนมั้ย


แต่ยังไม่ทันจะได้ถามอะไร เพราะจู่ๆ สามีตามกฎหมายก็ก้าวขึ้นรถไป ก่อนจะขับเคลื่อนมันไปยังลานจอดรถอีกฝั่ง ทิ้งให้ภรรยาสาวแสนสวยอย่างฉันยืนแกร่วอยู่คนเดียว


จากนั้นฉันจึงเดินไปยังอาคารที่ได้รับพิกัดมา ด้านหน้ามีป้ายหรูหราใหญ่โตเขียนสลักเอาไว้ว่า ‘สมทบทุนสร้างโดยตระกูลนิวาตะ’ พอเห็นฉันก็รู้ทันทีว่ามาถูกที่แล้ว


ก็ไม่รู้หรอกนะว่านิวาตะนี่มันใครกัน ยังไงเสียก็น่าจะใหญ่โตไม่เบา ดีไม่ดีป้ายโง่ๆ นี่อาจจะราคาแพงกว่าที่ดินบ้านฉันอีกมั้ง


“มาประชุมตัวแทนทูตวัฒนธรรมรึเปล่าคะ”


เสียงหวานใสของหนึ่งในสต๊าฟดังขึ้น แม่คนตรงหน้าฉันใส่ชุดนักเรียนของโฮริโคชิ ดูท่าว่าคงจะเป็นหนึ่งในสาวน้อยตระกูลดังที่ถูกเกณฑ์มาช่วยงานในวันนี้


ฉันที่รู้หน้าที่ดีจึงหยิบหน้ากากมาสวมโดยพลัน ขยับรอยยิ้มหวานแล้วตอบกลับ


“ใช่ค่ะ”


อีกฝ่ายพยักหน้ารับ แล้วเดินนำฉันไปยังโต๊ะลงทะเบียน ซึ่งไฮโซมากๆ เพราะพวกนางใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่มาขูดขีดเซ็นชื่อด้วยปากกาเหมือนหลายๆ ที่


หลังจากรายงานตัวว่ามาถึงแล้ว ฉันก็รับเอกสารประกอบการประชุมอีก 2-3 แผ่นมาถือไว้ ก่อนจะออกไปยืนรออาจารย์คณิตศาสตร์ที่หายหัวไปได้พักใหญ่แล้ว


“...ซาโฮะ”


ฉันชะงักกึก ได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นหู แต่ไม่ใช่เสียงมาโคโตะ


“นั่นใช่ซาโฮะรึเปล่า”


อีกฝ่ายถามอีกครั้ง จากนั้นก็เดินอ้อมมาดูหน้าฉัน พลันรอยยิ้มกว้างก็ฉายบนใบหน้าของคนมาใหม่ ส่วนหน้าฉันก็เหมือนขนมปังบูดขึ้นราแทน


จะไม่ให้เหวอได้ยังไง ในเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือ...ไคโด อิซายะ


คุณชายจอมเพี้ยนแห่งตระกูลไคโด กระนั้นเรื่องที่หมอนี่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อและมีนิสัยประหลาดยังไม่น่าตกใจเท่ากับความจริงที่ว่า...ผู้ชายคนนี้เคยไล่จีบฉันตอนสมัย ม.ต้น


“โห ไม่เจอกันตั้งนาน สวยขึ้นเยอะเลยนะ”


อิซายะขยับรอยยิ้ม หมอนี่เป็นผู้ชาติธาตุแสง ที่บอกแบบนั้นเพราะผิวของคู่กรณีฉันขาวเสียยิ่งกว่าผ้าฟอกสี และหน้าตาก็ดีมาก แต่ติดที่นิสัยนี่ล่ะ...


“...สวัสดี”


ฉันอ้อมแอ้มตอบกลับไป พลางสอดสายตามองหาสามีตามกฎหมายเพื่อหาทางปลีกตัวออกจากสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วนนี้


“ซาโฮะมาทำอะไรที่นี่เหรอ...คงไม่ใช่ว่ามาตามหาฉันหรอกนะ”


เหมือนจะเป็นมุกแซวตลกๆ ใช่มั้ยล่ะ...แต่ไม่ใช่


เพราะอิซายะเป็นพวกหลงตัวเองสุดโต่งและชอบตีความเข้าข้างตัวเอง ตอนนี้อีกฝ่ายคงกำลังคิดว่าฉันมาตามหาจริงๆ


และนั่นเป็นผลมาจากเมื่อตอนสมัยเด็กๆ หมอนี่ป่วยหนักมาก คุณแม่บังเกิดเกล้าที่ดำรงตำแหน่งคุณนายใหญ่แห่งตระกูลไคโดเลยไม่ให้ออกมาจากบ้าน ทั้งยังจ้างครูพิเศษไปสอนหนังสืออยู่หลายปีจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมประหลาด


ครูพี่เลี้ยงของอิซายะติดละครน้ำเน่ามาก ทั้งยังเสี้ยมอิทธิพลแบบผิดๆ ที่ได้รับมาจากละครเหล่านั้นให้หมอนี่ จนผลิดอกออกผลมาเป็นมนุษย์ที่มีระบบความคิดผิดปกติ โอเวอร์แอ๊คติ้งและท่าเยอะแบบสุดๆ


ความใฝ่ฝันของชายผู้นี้คือการเป็นดาราที่มีชื่อเสียง แต่ทักษะการแสดงต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดติ่ง อย่าว่าแต่จะเทียบชั้นกับฉันและมาโคโตะ แค่จะแสดงเป็นคนปกติยังทำไม่ได้เลย


ทว่าโลกนี้ก็ยังโหดร้ายไม่พอ เพราะแรงโน้มถ่วงดันหมุนให้คุณชายดวงซวยแห่งบ้านไคโดมาเจอกับสาวน้อยนิสัยทรามอย่างฉัน พวกเราพบกันตอนเรียนมัธยมต้น ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามทางตอนมัธยมปลาย


อิซายะตกหลุมรักฉันอย่างจัง แถมยังเป็นฉันในร่าง ‘ฉัน’ ด้วย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอะไร บางทีอาจจะมีคนเปิดฝากระป๋องกาววางไว้แถวๆ นั้น หรือควันจากการเผาไร่ฝิ่นมันลอยล่องในอากาศก็เป็นได้ เพราะไม่อย่างนั้นฉันก็เดาไม่ถูกแล้วว่ามนุษย์คนหนึ่งจะมาตกหลุมรักนางมารได้ยังไง


แต่ครั้งหนึ่งในชีวิต...ฉันกับหมอนี่ก็เคยคบกันในเวลาสั้นๆ


ซึ่งเวลาสั้นๆ นั้นฉันหมายถึง...20 นาที


ใช่แล้วล่ะ ถูกแล้ว เราคบกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ หมักเนื้อหมูยังไม่ทันนุ่มเลย


ที่บัดซบไปกว่านั้นคือเหตุผลในการคบกัน...ฉันยังจดจำมันได้ดี


วันนั้นฉันหิวข้าวมาก แต่เอาเงินไปถลุงกับแผ่นเกมที่เพิ่งออกใหม่จนเหลือแค่เงินค่ารถกลับบ้าน แล้วดันไปประจวบเหมาะกับจังหวะที่อิซายะเรียกไปสารภาพรักหลังเลิกเรียนพอดี


แน่นอนว่าคนอย่างชิรายูกิ ซาโฮะ มองเห็นช่องทางทำกิน จึงรีบตกปากรับคำยอมคบกับคุณชายบ้านไคโด จากนั้นเราก็ไปเดทกันทันที ไม่ต้องเดาเลยว่าฉันเลือกร้านข้าวเป็นที่แรก ไม่ยอมเสียเวลาไปกับการเดินห้างหรือดูหนังหรอก


หลังสวาปามอาหารมื้อใหญ่ซึ่งฝ่ายชายเป็นคนออก เดทแรกและเดทสุดท้ายของพวกเราก็จบลง ฉันขอเลิกทันทีที่หมอนี่ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานเก็บเงิน จากนั้นเราก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย


...จนกระทั่งวันนี้...


“มาประชุมทูตวัฒนธรรมน่ะ...นายเรียนที่นี่เหรอ”


ทำเป็นถามออกไป ทั้งที่ชุดยูนิฟอร์มของอีกฝ่ายก็แสดงคำตอบอยู่โต้งๆ แล้ว


“ใช่แล้วล่ะ เห...บังเอิญจังนะ ฉันก็เป็นทูตวัฒนธรรมของโฮริโคชิ”


ฉันพยายามแค่นยิ้ม ทั้งที่ในใจนึกภาพความบรรลัยออกลางๆ


“รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ งานจะเริ่มแล้วนี่”


แน่นอนว่าคนมีชนักติดหลังย่อมต้องร้อนรนเป็นธรรมดา ฉันจึงรีบบ่ายเบี่ยงหาทางปลีกตัวออกไปให้เร็วที่สุด ทว่าสวรรค์เหมือนจะไม่เห็นด้วย


“ไม่ต้องรีบหรอก ฝ่ายอุปกรณ์บอกมาว่าไฟล์วิดีโอแนะนำโครงการเสียน่ะ ต้องใช้เวลากู้อีกสักพักเลย พวกเรายังมีเวลาคุยกันอีกเยอะเชียวล่ะ ถึงจะไม่เจอกันนานแต่ซาโฮะก็ไม่ต้องเขินไปหรอกนะ”


อิซายะร่ายยาว ยังคงตีความท่าทางรังเกียจของฉันเป็นความเขินอายอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมกันนั้นก็ขยิบตาข้างหนึ่ง มั่นใจว่าหมอนี่ต้องไปจำมาจากละครสักเรื่องแหงๆ ทั้งยังดูเหมือนจะเรียนรู้การใช้ภาษากายมาด้วย เพราะคู่สนทนาฉันเริ่มใช้มือไม้ประกอบท่าทางแบบดูผิดธรรมชาติสุดๆ จนอดคิดไม่ได้ว่า...


ท่าบ้าอะไรของมันวะ เล่นใหญ่ตลอด ถ้ามาโคโตะมาเห็นแล้วรู้เรื่องอดีตของพวกเรา หมอนั่นต้องล้อฉันไปจนวันหย่าแน่นอน


“เหรอ...ฉันก็อยากคุยอ่ะนะ แต่อยู่ดีๆ ก็ปวดท้อง ห้องน้ำไปทางไหนเหรอ”


เอาวะ เล่นมุกนี้ล่ะ หนีตายแบบหน้าด้านๆ เลย


“อ้าว ซาโฮะไม่สบายเหรอ เป็นอะไรล่ะ”


อีกฝ่ายสาวเท้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางเป็นห่วงทันที ทำฉันถอยหนีแทบไม่ทัน


“ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่อยากเข้าห้องน้ำน่ะ”


แต่ดูเหมือนหมอนี่จะไม่เชื่อ ทั้งยังยื่นมือเข้ามาทำท่าจะจับหน้าผากเพื่อตรวจไข้ฉันอีก


“จะทำอะไรน่ะ”


แล้วระเบิดก็ลงหัวฉันจังๆ เพราะเสียงที่แทรกขึ้นมาเป็นเสียงของอาจารย์คณิตศาสตร์ซึ่งเพิ่งกลับมาจากการไปจอดรถที่อีกซีกโลก


ฉันหันไปมอง พยายามทำสีหน้าปกติ แต่นั่นก็ไม่ช่วยเพราะดันมีอิซายะยืนอยู่ข้างๆ หมอนี่พร้อมจะทำลายล้างทุกอย่างเสมอ


“จะตรวจอาการให้ซาโฮะน่ะ ท่าทางไม่ค่อยสบาย...แล้วนี่คุณเป็นใครล่ะเนี่ย”


คุณชายบ้านไคโดหันไปยิงคำถามใส่สามีตามกฎหมายของฉันที่ทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย


“ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา...สึบุรายะ มาโคโตะครับ รับหน้าที่พาชิรายูกิซังมาประชุมในวันนี้”


อา...ทักษะการตอแหลของผู้ชายคนนี้ช่างแข็งแกร่ง เพราะในสถานการณ์ประหลาดๆ นี้ เจ้าตัวก็ยังรักษามาดเจ้าชายแห่งภาคคณิตศาสตร์ได้อยู่หมัด


“อ่อ ครับ...ผมชื่อ ไคโด อิซายะ...”


แค่แนะนำตัวไม่เท่าไหร่ แต่จะเว้นวรรคช่วงท้ายทำซากอะไร!?


แน่นอนว่ามาโคโตะยืนรอฟังประโยคถัดไปอย่างนิ่งสงบ แต่คนที่จะเต้นผางเป็นเจ้าเข้าคือฉันที่ยืนกลืนน้ำลายอยู่


แล้วคุณชายบ้านไคโดก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง...


“…เป็นแฟนเก่าของซาโฮะครับ”