รูปภาพ:

บูมเชื่อว่ามีเพื่อนๆ หลายคนที่ใส่ใจการดูแลผิว ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า ทาครีมบำรุง/ครีมกันแดด ไปจนถึงการทำทรีทเมนต์ แต่เชื่อไหมว่าหลายคนที่บูมได้พูดคุยด้วยมาส์กหน้าน้อยมากถึงมากที่สุดซึ่งจากการไปล้วงข้อมูลจากหลายๆ คนก็ได้คำตอบว่า " ขี้เกียจบ้างล่ะ ใช้เวลานานบ้างล่ะ หรือที่แปลกไปกว่านั้นคือ มีความเข้าใจว่ามาส์กได้เพียงแค่ อาทิตย์-สองอาทิตย์ครั้งเท่านั้น ( OMG! )"

ไหนๆ ช่วงนี้บูมก็ทำคอนเทนต์เกี่ยวกับSheet Maskรัวๆๆๆ เลยถือโอกาสหยิบSheet Maskแบรนด์ดังอย่างLululunมาทดลองใช้และมาแชร์ความคิดเห็นส่วนตัว เรื่องความชุ่มชื้นบนผิว-กับการมาส์กหน้า ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ไปชมกันเลยจ้า....

ความชุ่มชื้นสำคัญกับผิวอย่างไร



รูปภาพ:

1. ช่วยลดความมันบนใบหน้า: ผิวหน้ามันไม่ได้อยู่แค่ที่พันธุกรรม หรือต่อมไขมันที่มันทำงานหนักเกินไปหรอกครับ แต่อีกสาเหตุสำคัญคือ“ ผิวขาดน้ำ ”ซึ่งการเติมความชุ่มชื้นเข้าไป ไม่ได้ทำให้ผิวมันกว่าเดิม แต่กลับทำให้ผิวเราไม่มันเกินไปต่างหาก เพราะว่าพอผิวไม่มีความชุ่มชื้น ต่อมไขมันก็จะผลิตความมันออกมามากขึ้น เพื่อปรับสมดุลผิวไม่ให้ผิวขาดน้ำเกินไป ถ้าใครมีปัญหาหน้ามันที่แก้ไม่ตก ลองหันมาโฟกัสที่ความชุ่มชื้นดูนะครับ

2. ผิวไม่แห้งกร้าน

: แน่นอนว่าพอผิวเราอิ่มน้ำ มีมอยส์เจอไรเซอร์ที่เพียงพอ ปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้าน ลอกเป็นขุยก็จะค่อยๆ หายไป เพราะความชุ่มชื้นจะทำให้ผิวอิ่มน้ำ ลดอาการหน้าแห้งได้จ้า

3. หน้าไม่หมองคล้ำ

: นอกจากเซลล์ผิวเก่าผลัดออกไม่หมดแล้ว ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหมอง ถ้าใครมีปัญหาหน้าหมอง แบบแก้ไม่หายสักที ก่อนจะไปหา Whitening ลองเริ่มที่การทามอยส์เจอไรเซอร์ หรือเซรั่มที่มีส่วนกระตุ้นให้ผิวสร้างความชุ่มชื้น พอผิวอิ่มน้ำ ก็จะช่วยให้ผิวเราดูเปล่งปลั่งขึ้นได้ครับ

4. ไม่เป็นสิวง่าย

: สิวไม่ได้เกิดจากความมัน แบคทีเรียเท่านั้น ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นก็ทำให้เป็นสิวได้เหมือนกัน เพราะผิวขาดน้ำเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวมันมากขึ้น จึงวนเข้าสู่วงจรเดิม คือ

ผิวขาดน้ำ → ต่อมไขมันก็ผลิตความมันมากขึ้น → จนรูขุมขนอุดตัน → เมื่อรวมกับแบคทีเรียจึงเกิดสิวขึ้นมา

ดังนั้น มาแก้ที่ต้นเหตุก็คือ หมั่นเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอนะค๊าบ

5. ไม่ระคายเคืองง่าย

: เคยไหม ใช้อะไรก็แพ้ง่ายไปหมด อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ดี แต่พอถามว่าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหรือเปล่า หลายคนทำหน้าอึนใส่ พร้อมคำถามว่าความชุ่มชื้นคืออะไร? / ผิวเรามันจำเป็นต้องมีสิ่งนี้ด้วยเหรอ? อะฟังไปพร้อมๆกันนะค้าบ

เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นจะทำให้ผิวง่ายต่อการระคายเคือง และเป็นสัญญาณของผิวอ่อนแอ ลองสังเกตเวลาใช้โฟมล้างหน้าที่ล้างทีผิวแห้งเอี๊ยด สิ่งที่มักตามมาคือรอยแดง ผิวแห้งลอก แพ้และคันได้ง่าย แต่ถ้าหากมีน้ำเติมเต็ม ความชุ่มชื้นเหล่านี้ก็จะช่วยปกป้องผิวไม่ให้แพ้ หรือระคายเคืองต่อสิ่งเร้าได้ง่ายนั่นเองจ้า

การใช้ชีทมาส์กดียังไง และวิธีใช้ที่ถูกต้อง

รูปภาพ:

Sheet Maskคือ มาส์กแบบแผ่น เป็นรูปใบหน้า เว้นช่วงรอบดวงตาและรอบริมฝีปาก ในแผ่นมาสก์จะมีเอสเซนส์หรือเซรั่มเข้มข้น ซึ่งการใช้มาส์กชีทนั้นจะเหมือนการมาส์กผิวด้วยเอสเซนส์ในปริมาณมากๆ ใช้งานง่าย พกพาสะดวก

วิธีใช้ที่ถูกต้อง คือวางแผ่นมาส์กลงบนใบหน้า โดยเว้นผิวหนังช่วงดวงตาและริมฝีปาก โดยอิงระยะเวลาที่เหมาะสมจากฉลากข้างบรรจุภัณฑ์จะดีที่สุดครับ

แผ่นมาส์ก / กลิ่น / ความชุ่มชื้นและความมันก่อน-หลังมาส์ก

รูปภาพ:

แผ่นมาส์ก: ผลิตจากใยฝ้าย 100% มีความหนา นุ่มมากก ( อีกนิดจะคิดว่าเป็นแป้งพิซซ่าละจ้า ) ทำให้ตัวชีทมาส์กอุ่มเนื้อเอสเซนส์ได้พอเหมาะพอดี จะมีข้อสังเกตเล็กน้อยคือปริมาณเอสเซนส์น้อยไปนิดนึง

รูปภาพ:

บรรจุภัณฑ์: เราแอบชอบไอเดียบรรจุภัณฑ์ของเค้านะ หลังฉีกซองแล้ว ยังมีที่ปิดอีกชั้นที่เค้าทำไว้เพื่อเก็บมาส์กไว้ใช้ในครั้งถัดไป เพื่อรักษาประสิทธิภาพของมาส์กให้ยาวนานที่สุดกลิ่น: เนื่องจากเค้าไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม กลิ่นที่ได้จะเป็นกลิ่นธรรมชาติจาก Active Ingredients ในตัวเอสเซนส์ ทำให้โล่งใจไปได้เปลาะนึง เรื่องการระคายเคืองจากน้ำหอมความชุ่มชื้น และความมัน ก่อน-หลังมาส์ก:

รูปภาพ:

ก่อนมาส์กค่าความชุ่มชื้นบนผิว = 14.1% / ค่าความมันบนผิว = 21.1%หลังมาส์กค่าความชุ่มชื้นบนผิว = 16.3% / ค่าความมันบนผิว = 24.4

ผลลัพธ์หลังมาส์กต่อเนื่อง 7 วัน

รูปภาพ:

ซูมให้ดูกันชัดๆ ไปเลยจ้า ว่าผ่านไป 7 วัน ผิวเป็นยังไงบ้าง จากผลลัพธ์ที่ได้ ถือว่าค่อนข้างพอใจทีเดียวครับ เพราะถ้าสังเกตภาพแรก (ฺ Before ) ก่อนเริ่มใช้ ผิวค่อนข้างขาดความชุ่มชื้น ดูไม่สดใส รูขุมขนค่อนข้างชัดจากการขาดน้ำบนผิว

แต่เมื่อผ่านไป 7 วัน ผิวดูอิ่มฟู ชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รูขุมขนดูเรียบเนียนขึ้น ผิวโดยรวมดูสุขภาพดี แตกต่างกับวันแรกอย่างเห็นได้ชัด ( ต่างจนแอบตกใจเลยล่ะ )

สรุป

รูปภาพ:

บูมคิดว่า LuLuLun Face Mask สูตร Moisturizer Balance เป็นมาส์กที่น่าสนใจอีกหนึ่งแบรนด์ โดยบูมขอสรุปข้อดี - ข้อเสีย สั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ ดังนั้น :ข้อดี :- เป็นมาส์กที่อุดมไปด้วยสารสกัดที่หลากหลายที่ช่วยให้ผิวมีความสมดุลมากขึ้น ปรับผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยลดการอักเสบและโอกาสการเกิดสิวได้อีกด้วย- นอกจากนี้แผ่นมาส์กก็มีความหนาที่กำลังพอดี เนื้อเอสเซนส์ชุ่มฉ่ำกำลังดี เมื่อลอกมาส์กออก ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิวข้อเสีย :- ช่องต่างๆ ที่เว้นไว้ไม่ว่าจะเป็นบริเวณรอบดวงตา ปีกจมูก และปาก ทำช่องว่างไว้ค่อนข้างแคบ ( เอ...หรือบูมหน้าใหญ่เกินไปก็ไม่รู้นะ ) ทำให้ขณะมาส์กจะฟิตไปซักเล็กน้อย แต่ก็สามารถแก้ปัญหาด้วยการตัด/ดึง เพื่อให้ช่องกว้างขึ้น ให้พอดีกับรูปหน้าขอรับ

หมายเหตุ: สำหรับคำถามว่าใช้แล้วจะแพ้หรือไม่ จะทำให้เกิดการอุดตันหรือระคายเคืองผิวไหม ? เป็นคำถามที่บูมไม่สามารถให้คำตอบได้ครับ เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนล้วนแต่ต่างกัน ดังนั้นก่อนที่จะทดลองผลิตภัณฑ์ใดๆ บนผิวหน้า บูมแนะนำว่าควรทดลองบริเวณท้องแขน หรือ คอทิ้งไว้ซัก 1 คืน หรือ 24 ชม. เพื่อสังเกตอาการแพ้ครับ

วันนี้ก็หวังว่าบทความรีวิวมาส์ก จะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจเลือกซื้อมาส์กหน้าสำหรับสาวๆ ได้นะครับ แล้วเจอกันใหม่คราวหน้า สวัสดีครับ