บทที่ 2

“ซวย!”

นั่นคือคำแรกที่สุดฝันสบถขึ้นเสียงดังฟังชัดเมื่อได้สติฟื้นคืน

สติอันน้อยนิดที่จมดิ่งกลับตื่นขึ้นในทันทีที่ดวงตาคู่โตมองเห็นเพดานสีครีมหมิ่นเหม่กับกรอบประตูสีดำสนิท ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่งในทันที อ้าปากหวอแล้วสบถถ้อยคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือก็ยกขึ้นดึงทึ้งกลุ่มผมอย่างจนตรอก ยิ่งลูกแก้วที่ฉายความวิตกทั้งหงุดหงิดโมโหมองเห็นท้องฟ้าสีเข้มก็ยิ่งส่งเสียงคำราม

และไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ สุดฝันก็ตวัดตามองไปยังห้องฝั่งซ้ายของเขาในทันทีอย่างคาดโทษ

เพราะ...พ....เพราะ...เพราะหมอนั่นแท้ๆ ที่เล่นกีตาร์เก่งเกินไปจนเขาฟังเพลินแล้วหลับ!!

“โอ๊ย ซวยแน่ๆ ซวยๆๆๆๆๆๆ”

ยังคงโหวกเหวกโวยวายโดยไม่ได้คิดจะสนใจเลยว่ารบกวนห้องข้างๆ หรือไม่ สุดฝันก็แค่ผุดลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสี่ ทั้งบิดไล่ความเมื่อยขบไปทั้งร่างที่เกิดจากการนอนผิดที่แปลกตำแหน่ง เหลียวมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลเรือนใหญ่บิ๊กเบิ้มที่ซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองเมื่อปีที่แล้ว จากนั้นเพียงเสี้ยววินาที เสียงโหยหวนก็ดังขึ้นอย่างเหลืออด

“เพราะว่า...!”

ตามประสาคนใจร้อน สุดฝันเกือบจะพลั้งปากโบ้ยความผิดให้ห้องข้างๆ ซะอย่างนั้น ทว่าดวงตาที่ดันมองเห็นบางสิ่งวางนิ่งอยู่บนคานขอบปูนของระเบียง ทั้งยังทับกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ด้วยนี่สิ คำที่เคยคิดจะว่ากล่าวลอยๆ ก็เลยเงียบลงพร้อมสองเท้าที่ก้าวไปยังมุมระเบียง

หือ? น้ำมะนาว?

คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงด้วยแปลกใจ เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือขวดใสบรรจุน้ำมะนาวเต็มจนเกือบถึงปากขวด มือเรียวหยิบขวดน้ำมะนาวมาไว้กับมือ วางมือแปะลงบนกระดาษแทบจะในทันทีที่มันเกือบปลิวออกนอกระเบียงไปตามแรงลม  สุดฝันยกกระดาษแผ่นเล็กสีส้มขึ้นมอง แล้วก็ได้คลี่กลีบปากเป็นรอยยิ้มอย่างไม่ทันได้รู้ตัวเมื่อพบข้อความในกระดาษ

...นอนอย่างนั้นตื่นมาคงคอแห้ง ดื่มน้ำมะนาวสักหน่อยคอจะได้โล่งนะ...

สุดฝันก็เลยเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคอเขาแห้งจริง มันแห้งจนแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงด้วยฝืดเคืองไปหมด

ฮึ...เห็นแก่ว่าเป็นห่วงเพื่อนข้างห้องอย่างนี้หรอกนะ จะอภัยให้ก็ได้ที่เล่นกีตาร์จนเขาหลับ!

ชายหนุ่มยักไหล่ คิดในใจขณะเปิดฝาขวด ก่อนจะยกขึ้นจรดกลีบปาก ยกขวดขึ้นอีกหน่อยเพื่อให้น้ำมะนาวไหลล่วงผ่านโพรงปากลงสู่ลำคอ พลันขนทั้งกายก็ลุกชัน นั่นเป็นเพราะน้ำมะนาวที่มีรสชาติเปรี้ยวแทบเข็ดฟัน หากมันกลับเจือแฝงไว้ด้วยความหวาน กลมกล่อมกำลังดี ทั้งดื่มแล้วคอเขาก็คล้ายจะกลับมาชุ่มชื่นขึ้นจริงๆ ด้วย

ดื่มด่ำกับน้ำมะนาวในขวดจากเพื่อนข้างห้องที่สุดฝันเพิ่งยกย่องเมื่อวินาทีที่แล้วว่าเป็นบุคคลผู้มีไมตรีจิตยอดเยี่ยม เสียงโทรศัพท์ก็แผดดังขึ้นให้เขาได้สะดุ้ง ชายหนุ่มดื่มน้ำมะนาวลงคอไปอีกอึกใหญ่ สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมหู ก่อนจะเดินไปที่กรอบประตู โค้งตัวลงหยิบโทรศัพท์แล้วกดรับสายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

สงสัยราตรีนี้คงอีกยาวนาน สุดฝันควรต้องทำใจไว้สินะ...เฮ้อ!

*

สุดฝันไม่แน่ใจนักว่าเขาเผลอหลับที่ชานระเบียงห้องหรือกระทั่งระหว่างกรอบประตูบ่อยเพียงใด

ชายหนุ่มมั่นใจเพียงว่าหลังจากที่เขาเผลอหลับเพราะเพลิดเพลินกับการรับฟังเสียงกีตาร์โปร่งแสนนุ่มละมุน เมื่อตื่นขึ้นเขาจะพบกับขวดน้ำหลากรสชาติไม่ซ้ำแบบในแต่ละครั้ง และทุกขวดก็อุดมไปด้วยประโยชน์ในแบบที่หากเป็นสุดฝันเลือกดื่มเองคงไม่ดื่มน้ำเหล่านี้แน่ๆ

นอกจากจะมีน้ำมะนาวแล้วยังมีน้ำฝรั่ง น้ำแครอท น้ำผักผลไม้รวม น้ำสตรอว์เบอร์รี่ หรืออย่างวันนี้ที่เป็นน้ำมะเขือเทศ...ชายหนุ่มก็ไม่มั่นใจนักว่ามันจะทำให้ลำคอของเขาหายแห้งผากได้ยังไง

ถึงอย่างนั้นก็ดื่มอยู่ดี...แต่ก็เกือบจะสำลักเมื่ออ่านข้อความบนกระดาษที่ขวดน้ำทับไว้

...นอนอ้าปากขนาดนั้นอย่าลืมล้างหน้าตอนตื่นนะ น้ำลายไหลเยิ้มแน่ๆ...

หนอย!

หลังมือยกขึ้นปาดกลีบปาก ทั้งย่นคิ้วทั้งอมลมจนแก้มพองอย่างไม่พึงใจนัก สุดฝันล่ะสงสัยจริงๆ ว่าทำไมคนข้างห้องถึงมองเห็นเขาอย่างชัดเจนขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ชายหนุ่มลองดูก็หลายหน แต่จนแล้วจนรอดดวงหน้าสดใสนั่นก็ไม่สามารถชะโงกไปฝั่งตรงข้ามได้เลยสักนิด

ในตอนที่กำลังพึมพำสบถกับตัวเองอยู่นั้น เสียงของประตูก็ดังครืดให้ดวงหน้าได้สะบัดหันไปหา แสงเรืองรองจากโคมไฟเหนือประตูระเบียงทำให้สุดฝันยิ่งเห็นภาพที่ลอดผ่านช่องอิฐไม่ชัดเจน ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นหนแรกในทุกครั้งที่สุดฝันตื่นขึ้นแล้วจะได้เห็นใครอีกคน

ความคิดหนึ่งสั่งการให้เขาเดินไปจนถึงขอบระเบียง ยื่นขวดน้ำมะเขือเทศที่พร่องลงไปมากแล้วไปทางฝั่งของเพื่อนบ้าน แล้วจึงขยับตีมันลงกับคานระเบียงให้เป็นจังหวะเพื่อเรียกคนที่ทำท่าจะหย่อนกายลงนั่งกับเก้าอี้ในพื้นที่ของตัวเอง

นั่นทำให้คนทางนั้นหยุดชะงักตัวชั่วขณะ สุดฝันมองเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีละล้าละลังอยู่พอควร หากเมื่อลองเคาะขวดลงไปบนปูนระเบียงอีกหน ใครคนนั้นจึงขยับก้าวเดินเข้ามาใกล้ๆ

ใกล้...จนมีเพียงผนังอิฐกางกั้นเท่านั้น

“น้ำ...ขอบคุณมากเลยนะ”

คำนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับกลีบปากที่วาดยิ้ม แม้จะไม่มั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะมองเห็นหรือไม่ ถึงอย่างนั้นเสียงทุ้มของอีกฝ่ายที่ร้องอ้า...แล้วหัวเราะเบาๆ เป็นคำตอบรับก็ทำให้สุดฝันยิ่งยิ้มกว้างมากกว่าเดิม

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายวินาทีก็ยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับนอกจากเสียงหัวเราะที่เงียบไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อด้วยกระแสเสียงซุกซนอยู่พอสมควร “ที่จริงอร่อยทุกรสเลย แต่ว่าผมชอบน้ำมะนาวมากที่สุด ถ้าคราวหน้าผมเผลอหลับไปอีก...ผมอยากดื่มมะนาวโซดาจัง”

หือ?สุดฝันได้ยินอีกคนส่งเสียงอย่างนั้นในทันทีที่เขาเอ่ยจบประโยค หากนั่นก็เป็นเสียงสั้นๆ เท่านั้น เพราะหลังจากนั้นแล้วชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่คล้ายจะดังขึ้นมากกว่าเคย ก่อนประโยคถัดมาจะลอยขึ้นให้หัวใจสุดฝันกระตุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“กว่าคุณจะตื่นขึ้นมาดื่มมันคงหายซ่ากันพอดี แค่น้ำมะนาวก็พอแล้วมั้งครับ?”

เป็นกระแสเสียงที่อบอุ่นและทุ้มนุ่มจนคนฟังที่ไม่เคยพบหน้าเช่นเขาหัวใจสั่นไหว สุดฝันไม่เข้าใจในความรู้สึกของตัวเองนัก ทว่ากลีบปากที่วาดเป็นรอยยิ้มก็ยิ่งกว้างมากยิ่งขึ้น ตอบกลับอย่างสดใสและเต็มแน่นไปด้วยความเอาแต่ใจที่ทำให้คนอีกฝั่งของกำแพงอิฐหัวเราะในทันที

“งั้นคุณก็รอจนกว่าผมจะตื่นแล้วค่อยทำให้ผมดื่มสิ ไม่เห็นจะยากเลย!”

จากนั้นใครอีกคนก็เงียบเสียงไป ก่อนเสียงโทรศัพท์ของเพื่อนข้างห้องจะดังขึ้น สุดฝันเห็นว่ามือที่ชอบดีดกีตาร์ให้เขาฟังยกขึ้นคล้ายขออนุญาต แล้วชายหนุ่มก็กลับเข้าห้องไปอีกหนพร้อมกับปิดประตูสนิทจนสุดฝันไม่ได้ยินเสียงสนทนาใดทั้งสิ้น

แต่นั่นก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลยสักนิด ชายหนุ่มขยับออกจากขอบระเบียง เดินเข้าห้องก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวนุ่ม ยกน้ำมะเขือเทศที่เหลืออยู่ขึ้นดื่มจนหมด พลางลูกแก้วกลมใสก็มองเห็นแฟ้มงานที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะ

เอาล่ะ ดื่มน้ำมะเขือเทศเรียบร้อยแล้ว และดูท่าว่าคืนนี้เขาคงไม่ได้ฟังเสียงกีตาร์นุ่มๆ จากเพื่อนข้างห้องแล้วเป็นแน่ เพราะอย่างนั้นคืนนี้สุดฝันก็จะทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่...อย่างที่สมควรจะทำมาเนิ่นนานหลายเพลาแล้วยังไงล่ะ!

*

“หือ?”

สุดฝันอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์รับกับรองเท้าผ้าใบสีฟ้าแต้มเหลืองดูสดใส กระเป๋าสะพายข้างใบใหญ่ซึ่งบรรจุทั้งแฟ้มงานและของใช้ส่วนตัว แม้จะดูรุงรังไปบ้างเมื่อประกอบกันทั้งร่าง หากก็ยังดูสุภาพเรียบร้อยในระดับหนึ่งอยู่ดี

ชายหนุ่มยอมรับแต่โดยดีว่าเพราะเมื่อคืนเขามัวแต่เผางานจนแทบจะส่งกลิ่นไหม้ไปทั่วทั้งชั้นหากเขาเป็นเพลิงไฟจริง เร่งมือยิกๆ จนกว่าจะได้นอนก็ปาไปตีสาม แถมยังมีนัดเสนองานให้ลูกค้าตอนเก้าโมงเช้า ทำให้ตอนนี้ที่เวลาเคลื่อนเข้าสู่แปดนาฬิกาสี่สิบห้านาทีเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

มือที่จับลูกบิดเตรียมปิดประตูให้สนิทกลับชะงักนิ่ง ก่อนลูกแก้วคู่ใสจะหลุบลงมองสิ่งแปลกปลอมที่จับต้องด้วยความฉงนใจ สุดฝันครางแผ่ว หยิบถุงกระดาษถุงเล็กที่แขวนไว้กับลูกบิดขึ้นมาแล้วเปิดดู

แซนด์วิช...

“อืม...โอ๊ะ!”

เขาหยิบแซนด์วิชขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะเห็นกระดาษสีส้มหนึ่งแผ่นเล็กที่วางไว้ก้นถุงกระดาษ นั่นทำให้สุดฝันเลือกที่จะสนใจกับกระดาษก่อนอย่างไม่ลังเล เมื่ออ่านข้อความแล้วก็ได้ยกยิ้มเหมือนอย่างเคย หากครั้งนี้กลับเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเล็กๆ ในใจที่เพิ่มมากขึ้น

...เผางานดึกจนฟ้าเกือบสว่างแล้วจะไปทำงานทันไหม? อย่าลืมทานแซนด์วิชรองท้องก่อนนะ...

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร...น่ารักซะไม่มีล่ะคนข้างห้องเขาเนี่ย!

แต่สุดฝันกลับไม่มีเวลาให้กระหยิ่มยิ้มย่องในใจมากไปกว่านี้ ชายหนุ่มสาวเท้าก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ไม่ลืมที่จะแกะห่อกระดาษแล้วงับแซนด์วิชเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างอารมณ์ดีในรสชาติที่อร่อยติดปากติดใจทั้งๆ ที่เดินอย่างรวดเร็วไปตามทางเดิน โดยไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าเดินผ่านผู้คนร่วมอพาร์ทเม้นท์ไปกี่คนต่อกี่คน

เพราะอย่างนั้นแล้วสุดฝันจึงไม่ได้รู้เลยว่าเขาเดินสวนกับคนที่ตัวเองอยากพบหน้ามากที่สุด...เพื่อนบ้านคนข้างห้องของเขา

“ฮัลโหลเมฆ ฉันใกล้แล้ว...ใกล้...เออ! ก็รู้นี่ แสนรู้จังเลยวะ รอฉันก่อนนะเว้ย ถ้าลูกค้ามาก็ชวนเขาคุยเรื่องอื่นไปก่อน เดี๋ยวฉันจะรีบบึ่งลูกรักไปเลย โอเคนะ แค่นี้ล่ะ”

ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งได้ยินเสียงที่กรอกลงไปกับโทรศัพท์ก็ให้ได้หยุดยืนนิ่ง ก่อนเขาจะหันตัวกลับไปยังทางเดิมที่เขาเพิ่งเดินมา นัยน์ตาคู่เรียวจ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์และความเอาแต่ใจราวกับเด็กเป็นอาวุธ ริมฝีปากกระจับบางคลายเป็นรอยยิ้มเจือจางบนดวงหน้า เสียงทุ้มจะหัวเราะขึ้นแผ่วเบา แล้วจึงเอ่ยถ้อยความเพียงแผ่วเบาที่มีเพียงตัวเขาเท่านั้นที่ได้ยินคนเดียว

“ตื่นสายจริงๆ ด้วยสินะ เด็กน้อยจริงๆ เลยน้า...”

To be continued