ผู้หญิงกับขนมหวานเป็นของคู่กัน เธอว่าอย่างนั้นไหม *_*จะเหนื่อย หงุดหงิด ท้อแท้ โมโหหรือโกรธขนาดไหน แค่ได้กินไอติมสักโคน เค้กหรือคุกกี้สักชิ้นก็มีความสุขขึ้นมาทันทีแต่เมื่อโชคชะตากลั่นแกล้ง น้ำหนักขึ้นรัวๆ จึงต้องยึดกฎว่า" ถ้าไดเอทต้องไม่กินขนม เพราะขนมทำให้อ้วน "ชีวิตของเธอก็เริ่มเหี่ยวเฉามากขึ้นทุกที วันๆ กินแต่แอปเปิลเขียวกับผัก ในที่สุดก็ตบะแตกจนได้ -.-

ชีวิตไม่ต้องยากลำบากขนาดนั้น เราสามารถลดน้ำหนักได้แม้ยังกินขนมหวานอยู่ กินคุกกี้ทุกวันก็ผอมได้ถ้าจำกัดปริมาณและเลือกชนิดที่แคลอรี่และไขมันต่ำ ถ้าทำเองในครัวที่บ้าน กะส่วนผสมได้เอง ยังไงก็ไม่อ้วน


บทความนี้มีที่มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อ Gina Homolka ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ในเว็บไซต์สอนทำขนม Skinnytaste ตั้งแต่ปี 2008 แต่ละเมนูล้วนเป็นขนมที่เธอเลือกส่วนประกอบเพื่อให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด มีสารอาหารและแคลอรี่น้อยกว่าปกติ ทั้งคุกกี้ เค้กและขนมอบ เธอยังมีผลงานเป็นหนังสือสอนทำขนมของตัวเองวางขายตามร้านอีกด้วย

วันนี้เธอจะมาเปิดเผยเคล็ดลับ 5 อย่างในการอบขนมเพื่อให้สุขภาพดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ยังคงความอร่อยไว้ได้ แม้จะไม่ฟินเท่าต้นฉบับที่ใส่นมเนยเยอะๆ ก็ตาม >< ไปดูกันเลยว่าต้องปรับเปลี่ยนส่วนผสมอย่างไร


รูปภาพ:http://2.bp.blogspot.com/-IgKloXfIDXA/T-TCy_HohDI/AAAAAAAAGdI/p4bm6XBa4Ps/s1600/Gina+Homolka.jpgรูปภาพ:http://4.bp.blogspot.com/-mIlyRbMYeMQ/VTEY_P9PBxI/AAAAAAAASIk/wgy8Rs0d-fs/s1600/Unknown.jpeg

1. ใช้ " ผลไม้บดเนื้อข้น ( Fruit purees ) " แทนส่วนผสมที่เป็นไขมัน

รูปภาพ:http://www.annabelkarmel.com/assets/uploads/first_fuit_puree.jpg

Homolka เริ่มคิดค้นสูตรอาหารที่มีแคลอรี่น้อยลงด้วยการ ผสม " แอปเปิลซอส ", " เนื้อฟักทองบดข้น " หรือ " เนื้อผลไม้บดข้น ( fruit puree ) " แทนเนยหรือน้ำมันครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ยังมีรสสัมผัสของเนยอยู่ แต่ก็ช่วยลดแคลอรี่ได้เยอะถึง 50% เลยทีเดียว

เธออธิบายว่า " ทุกเมนูขนมหวานต้องมีส่วนประกอบของไขมันอยู่บ้างแหละค่ะ แต่ถ้าลดไขมันได้สักครึ่งหนึ่ง แคลอรี่ก็น้อยลงอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ถ้าสมมุติว่าเมนูไหนไม่เวิร์ค อบออกมาแล้วสุกๆ ดิบๆ ที่ไส้ตรงกลาง ครั้งหน้าคุณก็ค่อยๆ เพิ่มปริมาณไขมันเข้าไปทีละนิดจนกว่าจะไม่ดิบเท่านั้นเอง

ในทางกลับกัน ถ้าอบออกมาแล้วอร่อยตั้งแต่รอบแรก ครั้งหน้าคุณก็ลองเพิ่มสัดส่วนของเนื้อผลไม้บดเข้าไปอีกครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ให้เหลือไขมันน้อยที่สุดค่ะ "


2. เปลี่ยนชนิดไขมันให้ " มีประโยชน์ต่อสุขภาพ " มากขึ้น

รูปภาพ:http://www.cdkitchen.com/recipes/images/2013/08/27182-3127-mx.jpg

เมนูขนมหวานบางชนิดก็ต้องมี " ไขมัน " ไม่อย่างนั้นก็จะได้รสสัมผัสที่แข็งกระด้าง จืดชืดไม่ต่างกับกินกระดาษ -.- เช่น คุกกี้ เค้กและขนมปังทั้งหลาย แต่ Homolka ก็มีวิธีเลี่ยงได้เช่นกัน! หากเธอต้องทำคุกกี้ เธอจะใช้ " อโวคาโดบด " แทนเนย


อโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีไขมันดีสูง เนื้อนุ่มเนียน ช่วยลดแคลอรี่จากเนยได้มากโข อีกทั้งไขมันจากอโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย ในขณะที่เนยเป็นไขมันอิ่มตัว กินมากเกินไปอาจเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ค่ะ


3. ใช้ " แป้งโฮลวีท " อบขนมแทนแป้งขาว

รูปภาพ:http://www.cdkitchen.com/recipes/images/2013/08/27182-3127-mx.jpg

เนื่องจากทุกเมนูขนมอบจะมีส่วนผสมหลักคือ " แป้ง " ซึ่งมักใช้แป้งอเนกประสงค์ที่มีความนุ่ม ฟู แต่สารอาหารต่ำและไม่ค่อยอยู่ท้องนัก Homolka จึงเปลี่ยนสูตรใหม่โดยผสม " แป้งโฮลวีทขาว ( White whole wheat ) แทนที่แป้งปกติครึ่งหนึ่ง

Homolka กล่าวว่า " ขนมบางเมนูก็สามารถใช้แป้งโฮลวีทแทนแบบ 100% ได้เลย แต่บางเมนูก็ไม่สามารถทำได้เพราะจะให้รสสัมผัสแปลกๆ เหมือนกินขนมปังโฮลวีตแข็งๆ หยาบๆ คือมันโฮลวี้ทททท โฮลวีทเลยค่ะ "

รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องกะสัดส่วนแป้งให้เหมาะสมด้วย ไม่อย่างนั้นแทนที่จะเป็นขนม อาจเป็นอาหารนกแทนค่ะ - -


4. ลดปริมาณ " น้ำตาล " ในขนม

รูปภาพ:https://geeksandgoats.files.wordpress.com/2015/02/sugar-piles.jpg

Homolka ศึกษาเมนูขนมหวานหลายอย่างและพบว่า ขนมหลายชนิดมี " รสหวาน " มากเกินไปโดยไม่จำเป็นต้องหวานขนาดนั้นก็ได้ =_= เธอจึงเริ่มลดปริมาณส่วนผสมของน้ำตาลลง 25% หรือ 1 ใน 4 จากเดิม จะได้ขนมรสหวานพอดีๆ ลดแคลอรี่ลงได้เยอะ ไม่เป็นโรคอ้วนอีกด้วย

ในหลายๆ ครั้งที่ขนมนั้นต้องการรสหวานจริงๆ เธอจะใช้น้ำตาลทรายไม่ขัดสี, น้ำผึ้ง, เมเปิ้ลไซรัปและน้ำตาลเมเปิ้ล ซึ่งเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำตาลทรายขาวแบบปกติค่ะ


5. ใช้นมพร่องมันเนย / ขาดมันเนย แทนนมปกติ

รูปภาพ:http://michigan.spoonuniversity.com/wp-content/uploads/sites/8/2014/02/o-SKIM-MILK-facebook.jpg

ในเมนูขนมหวานที่ต้องใช้ " นม " เป็นส่วนประกอบ ( ซึ่งมักจะมีทุกเมนูนั่นแหละ ) แทนที่จะใช้นมไขมันปกติ ให้เปลี่ยนเป็นนมอัลมอนด์หรือนมถั่วเหลืองแทน คนที่แพ้อาหารประเภทนมก็กินได้อีกด้วย

ถ้าไม่ชอบกลิ่นหรือรสของนมที่ไม่ได้มาจากสัตว์ เปลี่ยนเป็นนมพร่องมันเนย / ขาดมันเนยแทนก็ได้ แต่อาจต้องเสี่ยงกับการอบขนมแล้วออกมาไม่อร่อยเท่าที่ควร บางเมนูเมื่อเปลี่ยนส่วนผสมแล้วทำให้เนื้อชุ่มจนเปียกหรือยุบบี้แบนไม่พองฟูน่ากิน ต้องลองผิดลองถูกสักพัก แล้วเธอจะได้สูตรขนมที่เหมาะกับตัวเองค่ะ อิ่มด้วย ไม่อ้วนด้วย ฟินเวอร์!

===========================

เคล็ดลับทั้ง 5 ข้อที่ Gina Homolka แนะนำนั้น เธอสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับขนมเมนูโปรดของตัวเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้ส่วนผสมลดความอ้วนราคาแพง แค่ปรับเปลี่ยนส่วนผสมปกติอย่างนม เนยซึ่งเป็นไขมันอิ่มตัว เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น อโวคาโด เนื้อผลไม้บดข้น ( Fruit puree ) เปลี่ยนจากแป้งขาวเป็นแป้งโฮลวีต ลดน้ำตาล และเปลี่ยนชนิดนมเป็นพร่องหรือขาดมันเนยเท่านั้นเอง

เท่านี้เธอก็สามารถอร่อยกับขนมหวานทั้งเค้ก คุกกี้ ขนมปังเบเกอรี่ได้โดยไม่ต้องอด แต่แป้งก็คือแป้ง น้ำตาลก็คือน้ำตาล กินเยอะๆ ก็อ้วนได้อยู่ดี -.- นอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ต้องจำกัดปริมาณในการกินแต่ละครั้งด้วยนะคะ เพื่อหุ่นสวย สุขภาพ ( ทั้งกายและจิต ) ดี

แล้วเจอกันใหม่คราวหน้าค่ะ ^^

===========================


บทความที่เกี่ยวข้อง