รูปภาพ:https://media1.giphy.com/media/He4wudo59enf2/source.gif

สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeสาย' หวาน 'ทุกคน!ถือคติว่าเป็นคนหวานๆ เลยต้องกินขนมหวาน กินเพลินไปหน่อย ขึ้นตาชั่งครั้งล่าสุด ก็คือเป็นลมไปเลยจ้า ขึ้นมาห้าโล ก็ว่าทำไมกางเกงตัวเดิมมันอึดอัด นึกว่าซักแล้วหด หลอกตัวเองมาตลอดสินะ ;_;โอเค ยอมแล้ว ไดเอทก็ได้แงงงก่อนจะลดความอ้วนจริงจัง ต้องบอกว่า ' น้ำตาล ' ที่เธอกินอยู่ทุกวันนี่แหละ ตัวการสะสมไขมัน! คนส่วนใหญ่กินน้ำตาลเกินความต้องการทั้งนั้นแหละ ( ถ้าไม่ได้เดินวันละ 100 โลต่อวัน - - )เมื่อเผาผลาญไม่หมด ก็สะสมเป็นไขมัน ไม่แปลกที่จะพุงปลิ้น ขาใหญ่ เอาง่ายๆ แค่งดกินหวาน งดน้ำตาลได้ ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายด้วยซ้ำ เธอก็น้ำหนักลดฮวบแล้ว!!!!แต่ประเด็นคือ...ตอนนี้ติดหวานมากเลยอะดิ ไม่กินจะขาดใจตายให้ได้ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลย ^w^

1. ปรับ mindset ว่า ที่งดหวานก็เพื่อ 'สุขภาพที่ดี' ในอนาคต

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/643b3ce2fd22bf81533b039d242d4cf6/5DD7E384/t51.2885-15/e35/s1080x1080/60698115_432156307608731_8996927144343512597_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

ก่อนจะไดเอทใดๆ ก็ตาม เรื่องทัศนคติ ( mindset ) สำคัญที่สุด! ถ้าเริ่มคิดซะแล้วว่า มันจะต้องเหนื่อย ต้องทรมานแน่ๆ ก็ไม่มีวันไดเอทสำเร็จหรอก!!

ดังนั้นจงปรับ mindset ใหม่ว่า ที่เรางดน้ำตาล งดหวานเนี่ย ไม่ใช่การบำเพ็ญทุกรกิริยา ถือศีลเข้าป่าใดๆ แต่เป็นวิธีสุดเฮลตี้ ให้เรามีสุขภาพที่ดีในอนาคต!!!

การหักดิบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด มันจะยากที่สุดในก้าวแรก ถ้าผ่านไปได้ ที่เหลือก็ง่ายแล้ว!

จงคิดบวกอยู่เสมอว่า เมื่อสุขภาพดี เราก็จะมีแรงไปเที่ยว ไปทำอะไรที่อยากทำได้จนแก่ ไม่ต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลให้เสียเงินฟรี ยังไงก็คุ้มค่ะซิส

2. ขนน้ำตาลใน 'ห้องครัว' เอาไปทิ้งทั้งหมด

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/07320be5e5116ed3e8c177328bb0ae15/5DEB029E/t51.2885-15/e35/s1080x1080/66487678_145295676577760_4800566147861900054_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

น้ำตาลไม่ใช่ของจำเป็น ที่มีๆ ในห้องครัว คือเป็นเครื่องปรุงเติมรสชาติอาหาร / ขนม / เครื่องดื่มต่างๆ ให้อร่อยเท่านั้น ไม่มีประโยชน์กับสุขภาพแต่อย่างใด!

เพื่อไม่ให้เกิดการหลุดกินแหลกหรือ binge eating แนะนำให้สาวๆ ' ขน ' น้ำตาลทั้งหมดในห้องครัวไปทิ้ง ( หรือยกให้คนอื่นก็ได้ตามศรัทธา ) เพราะถึงหิวแค่ไหน ถ้าในบ้านไม่มีน้ำตาล ก็กินไม่ได้ ถูกไหมล่ะ?

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่น้ำตาลสีขาวๆ น้ำตาลๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้นนะ เธอต้องระวัง ' ความหวานที่มองไม่เห็น ' ในอาหารสำเร็จรูปด้วย

เช่น ขนมแช่แข็ง อาหารร้านแผงข้างทาง นมช็อกโกแลต ผลไม่แห้ง ซีเรียล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ผลไม้รสหวาน

ถ้ามีแช่ๆ ไว้ในตู้เย็น ขนไปทิ้งให้หมด ทิ้งเดี๋ยวนี้!! //ชี้นิ้ว

3. สำรวจตัวเองว่า พฤติกรรมไหนที่ทำให้ 'อยากของหวาน' บ่อยๆ

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/c24ea0ca1475401410c91362a4ede1f0/5DD8D9E7/t51.2885-15/e35/p1080x1080/65283320_463273674455167_4420812758157886485_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

อาการอยากของหวาน ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุเดิมๆ เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าสาเหตุของแต่ละคนคืออะไร! เช่น ติดนิสัยต้องกินขนม เครื่องดื่มรสหวานตอนดูหนัง รอรถไฟฟ้า หรือต้องมีขนมขบเคี้ยวตอนทำการบ้าน หัวสมองจะได้แล่น ( คิดไปเองล้วนๆ )

หรือกินอาหารคลีนสุดกู่ พอดึกๆ ก็คลานมาหาช็อกโกแลตในตู้เย็น วนลูปไปเรื่อยไม่สิ้นสุด ไม่ได้นะคะซิส เราต้องหยุดวงจรอุบาทว์นี้ซะ!!!

เอาปากกากับกระดาษมา 1 แผ่น แล้วเขียนลิสต์ไล่ลงมาเลยว่า ทุกครั้งที่กินขนมหวาน มันเกิดจากสาเหตุอะไร? เมื่อรู้ต้นเหตุแล้ว เราก็จะสามารถแก้ได้อย่างตรงจุดนั่นเองค่ะ

4. หัดปฏิเสธ พูดคำว่า 'ไม่' ให้ชินปากไว้!

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/7561973a495776ac1fa577f6993951aa/5DD87DDC/t51.2885-15/e35/s1080x1080/56306914_2193358384082774_1343118241167013808_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

อย่างที่รู้กันว่า ไทยแลนด์แทบจะเป็นดินแดนแห่งขนมหวาน จะไปที่ไหนก็หนีน้ำตาลไม่พ้นหรอก

ร้านชานมไข่มุกเอย ร้านบิงซูใกล้บ้านเอย เพื่อนซื้อเค้กมาฝากเอย มันมีได้ตลอด เธอจะให้ทั้งประเทศหยุดขายน้ำตาล เพียงเพราะเธออ้วนขึ้นไม่ได้!

ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ หัดเลี่ยง หัดปฏิเสธ พูดคำว่า ' ไม่ ' บ้าง ว่าฉันไม่กินน้ำตาลตอนนี้ ฉันไดเอทอยู่ ขอโทษนะ >//<

พูดไปเลยค่ะ อาจจะทำใจยากหน่อย แต่ใช่ว่าพอไม่กินขนม จะโดนเพื่อนเลิกคบนี่นา ก็ไปสังสรรค์โดยการกินอย่างอื่นแทนก็ได้ สัก 1 เดือนผ่านไป เธอจะย้อนกลับมาขอบคุณตัวเองว่า รู้งี้น่าจะงดหวานได้ตั้งนานแล้ว!

5. หัดฝึกสกิล ทำอาหารเองที่บ้านบ้างก็ดี!

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/fed6eab02dd235b5fd28ae1511abf03f/5DD61644/t51.2885-15/e35/s1080x1080/60284573_1339678756179572_7248680791484497582_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

บางทีก็ต้องยอมรับว่า ถ้าก้าวขาออกไปนอกบ้านแล้ว เราไม่สามารถไปชี้นิ้วสั่งแม่ค้า หรือพนักงานฟู้ดคอร์ทในอาหารได้ทุกคนว่า ' ไม่ใส่น้ำตาล / น้ำเชื่อม นะคะ '

เพราะบางทีเขาก็ผสมมาแล้วทั้งเกลือ น้ำตาล ผงชูรส แล้วพลั้งมือใส่ด้วยความเคยชิน ( แม้จะสั่งไปแล้วก็ตาม )

ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือ ' ลองฝึกสกิลทำอาหารเองที่บ้าน ' จะดีที่สุดค่ะ! เพราะอย่างน้อยถ้าเราซื้อวัตถุดิบเอง เครื่องปรุงเอง

แรกๆ อาจจะงงหน่อยถ้าปกติซื้อกินตลอด แต่ข้อดีคือ เราควบคุมคุณภาพได้ แน่ใจได้ว่าสิ่งที่กินไม่มีน้ำตาล หรือสารปรุงแต่งแน่ๆ ทำให้เราผอมลงได้ไวมากขึ้นด้วยค่ะซิส

6. ดื่มชา/กาแฟได้ แต่ระวังน้ำตาลที่ใส่ด้วย!

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/f6c6fb25bfb3113a82fd3601e6d6394f/5DD41E37/t51.2885-15/e35/65948322_425503831391846_6687174100049481582_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

รู้แหละว่าสาวซิสบางคน ก็เป็นมนุษย์ที่ขาด ' คาเฟอีน ' ไม่ได้จริงๆ ชาเอย กาแฟเอย วันไหนไม่ได้ดื่มกาแฟ ไม่มีสมาธิทำงานกันเลยทีเดียว - - ซึ่งจริงๆ ก็ดื่มได้ค่ะ ถึงไดเอทอยู่ก็ไม่มีปัญหา

แต่ขอมีข้อแม้ว่า ต้องดื่มแค่ ' ชา/ กาแฟเพียวๆ ' จริงๆ ชาคือชา กาแฟก็ต้องกาแฟดำ ห้ามใส่นม  ครีมเทียมหรือน้ำตาลใดๆ ทั้งนั้น!!!!

ไม่ใช่แค่น้ำตาลอ้อย น้ำตาลทรายทั่วไปด้วยนะ แต่เรารวมถึงน้ำตาลสังเคราะห์ หรือสารให้ความหวาน เช่น แอสปาแตม ซูคราโลส

เพราะถ้าดื่มสารเหล่านี้ ก็เหมือนหลอกร่างกายว่าเรายังกินของหวาน ทำให้เราไม่สามารถ ' เลิกหวาน ' ได้จริง เผลอๆ ร่างกายจะโหยหา กลับไปอยากกินขนมมากกว่าเดิมด้วยค่ะ

7. 'ผักผลไม้' คือคีย์สำคัญ ยังไงก็ต้องกิน!

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/7201a7e5c7435bf05b0102e3fe056509/5DE6AF9A/t51.2885-15/e35/66453188_148592652995704_9168020422697346809_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

คิดอยากผอม คิดถึง ' ผักผลไม้ ' สโลแกนนี้ยังใช้ได้เสมอค่ะซิส!

เพราะผักใบเขียว ผลไม้ไม่หวานต่างๆ เป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุ และกากใยอาหารมากมาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดี เพิ่มภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ขนมหวานไม่มีทางให้เธอได้!

ข้อดีอีกอย่างคือ ถ้าเธอกินผักเยอะๆ เธอก็จะได้กากใย ไฟเบอร์เยอะไปด้วย ซึ่งกากเหล่านี้จะไปพองในท้อง ทำให้อิ่มได้นาน สุขภาพที่ป่วยๆ ก็ดีขึ้น แถมลืมอาการอยากความหวานไปซะสนิท =w=b

ผักที่แนะนำก็เช่น ผักกาด กะหล่ำปลี มะเขือเทศ ผลไม้ก็เลือกแบบหวานน้อยหน่อย เช่น แอปเปิ้ล กีวี่ ฝรั่ง เป็นต้น

8. จะซื้ออะไรต้อง 'อ่านฉลากบนสินค้า' ทุกครั้ง

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/39468ded1c14780fab379a1bf01658c7/5DCCD6E1/t51.2885-15/e35/p1080x1080/67173307_886022561771311_8470853251725420831_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

อาหารสำเร็จรูป หรืออาหารแช่แข็งแทบทุกยี่ห้อตามตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต จะมี ' น้ำตาล ' ชนิดใดชนิดหนึ่ง ผสมอยู่ด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฟรักโตส เด็กซ์โทรส น้ำเชื่อมอะกาเว่ น้ำตาลอ้อย etc.

ดังนั้นสาวๆ ห้ามลืมอ่าน ' ฉลากสินค้า ' ก่อนซื้อขนมปัง ซอส น้ำสลัด มายองเนส หรืออาหารกระป๋องต่างๆ ทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้งค่ะซิส!

แค่เช็คว่าอาหารชนิดนี้มีน้ำตาลอยู่กี่เปอร์เซนต์ เราก็เลี่ยงรสหวานที่ไม่จำเป็นได้มากถึง 50% แต่ในช่วงหักดิบ ก็เลือกฉลากที่ไม่ผสมน้ำตาลเลยจะดีที่สุด รับรองเลิกหวานได้ชัวร์

9. 'ผลไม้รสหวานฉ่ำ' ต้องลดบ้างนะ ถ้าอยากผอม!

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/cc2fce4e3415f3c6d096c1051fb3d7ac/5DC8C505/t51.2885-15/e35/66266848_906088693076928_396404114822763994_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

ให้จำไว้เสมอว่า ผลไม่ทุกชนิดที่กัด/ เคี้ยวแล้วมีรสหวาน คือมันมีน้ำตาลผสมอยู่ค่ะ เยอะด้วย ถ้าไม่เยอะ ไม่มีทางได้รสหวานตั้งแต่กัดคำแรกหรอก!

เช่น ส้ม มะม่วง สับปะรด กล้วย องุ่น

หากกินเยอะเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงปรื๊ด ทำให้ฮอร์โมนเหวี่ยงขึ้นลง ทำทำให้อารมณ์เสียไร้เหตุผล แม้ไม่ได้เป็นเมนส์อยู่ก็ตาม - -''''

แต่ไม่ใช่ว่าให้เลิกกินผลไม้นะจ๊ะ!

ให้เลือกกินผลไม้ชนิดไม่หวานแทน ง่ายๆ คือเลือกที่รสจืด หรือเปรี้ยวนำไว้ก่อน เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แก้วมังกร แอปเปิ้ล แตงโม เป็นต้น

เท่านี้ก็มีหุ่นผอมเพรียวในฝันได้สมใจแล้วล่ะค่ะ

10. แค่ดื่ม 'น้ำเปล่า' ก็เลิกหวานได้!

รูปภาพ:https://instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net/vp/e2f97884ee24b46a8c586f47d229629e/5DE6AC5D/t51.2885-15/e35/s1080x1080/65846951_128441225028613_5835312887048298367_n.jpg?_nc_ht=instagram.fbkk7-2.fna.fbcdn.net

ข้อสุดท้ายที่อยากบอกสาวๆ คือ ' อย่าทอดทิ้งน้ำเปล่า!! ' ดื่มเยอะๆ เข้าไว้ เชื่อเถอะว่ามันช่วยลดหวานได้ =w=เพราะเมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ ร่างกายก็จะไม่ขาดน้ำ ผิวชุ่มชื้น ระบบในร่างกายทำงานได้ดี ซึ่งเมื่อน้ำไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ดี ก็จะช่วยล้างน้ำตาลออกจากเลือดของเราได้ด้วยเช่นกัน!ยังไม่หมดเท่านี้ น้ำเปล่ายังช่วยระงับความหิว ลดน้ำหนัก ลดผื่นคันผิวหนัง ลดอาการริมฝีปากแห้งแตก และเพิ่มประสิทธิภาพสมอง ให้หัวทำงานได้แล่นขึ้นด้วยน้า ^^ใครเคยดื่มน้ำน้อย ลองดื่มให้เยอะขึ้น รับรองว่าจะพบกับความแตกต่างแน่นอน

----------------------------------นี่แหละค่ะ 10 ทริคหักดิบน้ำตาลที่มาบอกต่อ ง่าย แถมใช้ได้จริง ไม่ต้องเข้าคอร์ส ไม่ต้องพึ่งเข็มหมอ ไม่ต้องรอให้เบาหวานขึ้นซะก่อน แค่ทำตามนี้ อาการลงแดงเพราะน้ำตาลจะหายขาดใน 5 วัน แล้วเธอจะไม่รู้สึกอยากหวานอีกเลยแต่เตือนนิดนึงว่า ถ้าเธอกินหวานหนักมาก่อน ช่วงหักดิบอาจรู้สึกปวด/ มึนหัว หงุดหงิดง่าย ปวดเมื่อยบ้าง แต่เมื่อพ้นห้าวันไป ร่างกายจะปรับตัวได้ กลับมาสุขภาพดียิ่งกว่าเดิม และแน่นอนว่าน้ำหนักก็ลดลง!!! ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าชีวิตดี กางเกงหลวมเป็นยังไง วันนี้เราลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้าน้า บายส์!!!!----------------------------------