ถึงแม้ปัจจุบันหญิงจะมีความเท่าเทียมเท่าชายมากขึ้น แต่คำกล่าวที่ว่า" เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก "ก็ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ โดยเฉพาะเสื้อผ้า หน้า ผม การดูแลตัวเอง ยังไงซะก็ต้องมีเรื่องให้เสียตังค์ตลอด อย่างน้อยตอนเป็นสาวก็ต้องเจียดเงินแต่ละเดือนเพื่อซื้อผ้าอนามัยแล้ว พอมาโฟกัสที่การแต่งตัวยิ่งต้องเสียเงินเยอะไปเรื่อยๆ ความจำเป็นบ้าง เห็นว่ามันสวยดีบ้าง ที่แม้แต่เจ้าตัวบางครั้งยังไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร เหมือนโดนมนต์สะกดให้ซื้อๆ อย่างบอกไม่ถูก
อย่าบ่นเลย ของมันจำเป็นต้องใช้จริงๆ นั่นแหละ และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงทั้งหลายถึงต้องซื้อเครื่องสำอาง และเสื้อผ้าอะไรกันนักหนาเยอะกว่าผู้ชายเสียอีก และทำไมของบางอย่างถึงหวงนักหวงหนา ถ้าเอาไปเล่นมีเรื่องได้โกรธจริงจังมากหมายเหตุบทความนี้ไม่อนุญาตให้นำไปคัดลอกลงเว็บไซต์อื่นนะคะ อนุญาตแต่เพียงกดแชร์จากโพสต์นี้เท่านั้นค่ะ :)
#1 สรีระผู้หญิงต่างกว่าผู้ชาย เครื่องแต่งกายย่อมเยอะชิ้นกว่า
เอาแค่เฉพาะด้านใน ผู้ชายก็มีแค่กางเกงใน / กางเกงบ็อกเซอร์ชิ้นเดียว ต่างกับผู้หญิงที่จะมีกางเกงในชิ้นเดียวมันก็กระไรอยู่ ต้องมีเสื้อชั้นในเพื่อโอบอุ้มสองเต้าให้เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อยง่าย และในเสื้อชั้นในนั้นก็ยังมีการจำแนกขนาดกันยิบย่อยไปอีกว่าคัพไหน / ไซส์ไหน บางครั้งก็ไม่สามารถเลือกเสื้อชั้นในราคาถูกๆ ได้ ไม่ใช่เพื่อความสวยงามอะไรหรอก แต่เพื่อความทนทานและเพื่อสุขภาพของตนเองต่างหาก ( เสื้อชั้นในที่ได้มาตรฐานจะผลิตได้เข้ากับสรีระผู้สวมใส่ ไม่ผิดไซส์ผิดรูป ประมาณนั้นแหละ )
และเพราะผู้หญิงเรามีจุดสงวนเยอะกว่าผู้ชาย ดังนั้น ยิ่งถ้าพูดถึงเสื้อผ้าชั้นนอก ยิ่งไม่ต้องบอกเลยค่ะว่าจะหลากหลายแค่ไหน อย่างน้อยก็มี 3 แพทเทิร์นใหญ่ๆ เสื้อ, กางเกง, กระโปรง และมีการแตกย่อยออกไปอีกเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละโอกาส
#2 เสื้อผ้าหลากหลาย เพื่อปรับเข้ากับโอกาสที่หลากหลาย
ขอขยายความจากข้อตะกี้ว่าทำไมต้องหลากหลาย? ต้องยอมรับค่ะว่าเพศหญิงเป็นเพศที่เกิดมาคู่กับความสวยงาม น้อยคนมากๆ ค่ะที่จะเข้าทุกสังคมได้ด้วยการแต่งกายแพทเทิร์นเดียวได้สนิทใจ ยิ่งเข้าสังคมได้หลากหลายเท่าไร ( ตามแต่สังคมการศึกษา, สังคมการทำงาน, หรือวงการอื่นๆ ) ยิ่งต้องเอาใจใส่รูปร่างหน้าตาให้พร้อมเสมอ เพราะการแต่งกายที่เหมาะสมกับแต่ละโอกาส ถือว่าเป็นการให้เกียรติตัวเองและคนอื่นอย่างหนึ่ง
หลากหลายยังไงบ้าง? ก็เช่น ...
- ชุดนักศึกษาอาจมี 2 แบบ แบบเรียบร้อยมากๆ ถูกระเบียบเป๊ะๆ เพื่อพรีเซนต์งาน/สอบ / เป็นตัวแทนสถาบันในการติดต่อกับองค์กรอื่น และแบบแฟชัน เพื่อความคล่องตัวและความสวยงาม ในวันมาเรียนแบบสบายๆ
- ชุดเที่ยวสไตล์เที่ยวกลางคืนแนวปาร์ตี้ผับ, ชุดเที่ยวเอาไว้พักร้อน, ชุดเที่ยวสำหรับฤดูหนาว ฯลฯ
- ชุดสำหรับพิธีการสำคัญ เช่น งานแต่งงานเพื่อน, งานศพ, งานบุญ, ออกไปสัมภาษณ์งาน
เอาเป็นว่าแค่โทนสียังต้องเลือกเลยค่ะ ว่าสีไหนเหมาะสมกับงานแบบไหน แถมยังต้องเลือกแพทเทิร์นไปอีกว่า โอกาสไหนสั้นยาวเว้าโค้งได้แค่ไหน โอกาสไหนใส่เรียบไปก็ดูจืดไป ฯลฯ บอกแล้วค่ะว่าผู้หญิงเป็นเพศที่เหมาะกับการรักสวยรักงาม ถ้ามองข้ามรายละเอียดไป การแต่งตัวไม่มีทางเป๊ะ เป็นที่สะดุดตาแน่นอน
#3 ลิปแท่งเดียว แป้งอันเดียวก็พอไม่ได้หรือ?
ตอบได้เลยค่ะว่า " ไม่ได้ " เหตุผลก็คล้ายๆ กับข้อ #2 นั่นแหละ" เพื่อเข้ากับแต่ละโอกาสอย่างเหมาะสม "แม้แต่การแต่งกายยังเลือกโทนสีฉันท์ใด การแต่งหน้าก็ฉันท์นั้น ต้องมีรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อความเหมาะสมด้วย เช่น ลุคไปเรียน/ไปทำงาน แต่งแบบโทนนู้ด สุภาพๆ เบาๆ ก็พอ, ลุคเพื่อนเจ้าสาวจัดเต็ม สวยสดใสหน่อย แต่ไม่แย่งซีนเจ้าสาว, ลุคงานรับปริญญา โทนนู้ด สุภาพ แต่ขอแน่นๆ หน่อยเพื่ออยู่ได้ทนนานตลอดงานพิธีที่ยาวนาน, ลุคไปเที่ยวพักร้อนสีปากต้องแรดๆ แจ่มๆ ฯลฯ ถ้าผู้หญิงเป็นพวกที่มีแป้งหลายแบบ, ลิปหลายสี, บรัชออนหลายสี, หัวแปรงหลายขนาด มันคือการบ่งบอกค่ะว่าผู้หญิงคนนั้นใส่ใจรายละเอียดตัวเองมากแค่ไหนถ้าเธอไม่แคร์สังคมเลย เธอก็จะไม่แคร์ตัวเองเลย
#4 ทำไมต้องซื้อแพง?
การซื้อแพงชนิดที่ว่าเคาน์เตอร์แบรนด์ หลักใหญ่ใจความไม่ใช่การเป็นที่ยอมรับในสังคมเพื่อนหรอกค่ะ เพราะคงไม่มีใครมาแหกกระเป๋าแต่งหน้าแล้วคบกันแน่นอน แต่มันบ่งบอกถึงสินค้าที่มีคุณภาพระดับหนึ่งถึงกล้าขายแพงได้ คุณภาพที่ว่าก็เช่น ใช้แล้วอยู่ทนอยู่นานได้ตลอดวัน, ไม่แพ้, มีการบริการหลังการขายที่ดี ( สามารถเคลมได้หากเกิดปัญหาในการใช้ ) เป็นต้น เรื่องของผิวหน้าผิวกาย ไม่มีใครหรอกค่ะอยากเสี่ยงกับของที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ถ้าราคาถูกแล้วต้องแลกกับสุขภาพเสีย ยังไงก็ไม่คุ้มแน่นอน
#5 โกรธมากถึงมากที่สุดสำหรับคนที่ยืมไปแล้วหายหรือเอาไปเล่น
เครื่องสำอางบางชิ้น นอกจากมีราคาแพง ( เหตุผลว่าทำไมต้องแพง ให้ย้อนกลับไปอ่านข้อ #4 อีกรอบ ) บางชิ้นยังแลกมาด้วยความอุตสาหะ เช่น รอพรีออเดอร์, ไปหิ้วมาเองจากเมืองนอก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผู้หญิงจะโกรธมากหากพบว่าเพื่อนยืมแล้วเอาไปทำหาย หรือแฟนตัวดีเอาไปละเลงเล่นอย่างไม่รู้คุณค่า ไม่เข้าใจอะไรเลย
ยิ่งเอาไปเล่นพิเรนทร์ๆ เช่น เอา makeup remover ผสมในปืนฉีดน้ำฉีดไปโดนหน้าเพื่อหวังว่าจะแกล้งผู้หญิง บอกไว้เลยและขอให้จำเลยว่าไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำให้ตาอักเสบ อาจทำให้ผู้หญิงบางคนที่ผิวบอบบางเกิดอาการแพ้ ของมีไว้แต่งหน้าก็อย่าเอาไปใช้ผิดที่ผิดทางเลยนะจ๊ะ ไม่คุ้มเอามากๆ เล่นกับเรื่องสุขภาพคนเรา ไม่น่าขำสักนิดเลยเธอ
#6 ทำไมแต่งตัวน๊าน...นาน
การแต่งตัว โดยเฉพาะจุดสำคัญคือการแต่งหน้ามันก็คืองานศิลปะอย่างหนึ่ง เพียงแต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ" แต่ละอย่างมีลำดับขั้นตอนก่อน-หลัง เรียงมาแล้ว "เพื่อให้โดยรวมดูเป๊ะ ไม่โป๊ะ ไม่สามารถลัดขั้นตอนได้ หรือทำลวกๆ เสร็จๆ ไป ใครที่นึกสนุกจะแกล้งเอามือปัดเล่น ระวังจะได้รอไปอีกนานกว่าเดิมนะจ๊ะ ( โดยเฉพาะขั้นตอนกรีดตา ซึ่งยากมากถึงมากที่สุด มือต้องนิ่งมากๆ ) แต่ถ้าเธอโอ้เอ้ เสร็จทุกอย่างแล้วยังส่องแล้วส่องอีก ไปรอที่รถได้เลย นั่นแหละขั้นตอนใกล้เสร็จแล้ว เพียงแต่เธอตรวจสอบความเป๊ะอีกรอบให้แน่ใจแค่นั้น
#7 ของเซลถึงจะมีบ่อยๆ แต่ของที่ตรงสเปคจริงๆ มีไม่บ่อย
ถึงของเซลจะมีบ่อยๆ แต่ฟางเส้นสุดท้ายที่จะตัดสินว่าซื้อ/ไม่ซื้อ ก็คือ" มันตรงสเปครึเปล่า? "ซึ่งตรงสเปคที่ว่านั้นก็เช่น เสื้อสไตล์นี้ยังไม่เคยมีในตู้เลย, เอาไว้ใส่ในโอกาสสำคัญบางอย่างพอดี, เป็นของหายาก ฯลฯ ดังนั้น ถ้าลังเลไม่แน่ใจเมื่อไหร่ ก็ลองชั่งน้ำหนักกันดูว่าจำเป็นจริงๆ รึเปล่า ไม่ซื้อก็ไม่เสียหายอะไร ซื้อไปก็ดีกว่าไม่ซื้อแล้วมาเสียดายทีหลังอีก ( บางทีมันน่าเสียดายกว่ามาเห็นของแบบเดียวกันแต่ถูกกว่าอีกในภายหลัง เพราะอย่างน้อยก็ซื้อไปแล้ว อุ่นใจที่มีของ 555+ )
เห็นไหมว่าอะไรที่ดูจุกจิก ไร้สาระ บางทีมีเหตุผลซ่อนอยู่นะ อย่ารำคาญเลยถ้าผู้หญิงเราจะซื้ออะไรเยอะแยะ บางทีแล้วเธออาจจะเห็นความสำคัญของการใช้งานแต่ละโอกาสก็ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
10 เหตุผลว่าทำไมผู้หญิงถึง 'เสริมจมูก' ที่ผู้ชายไม่เข้าใจ
https://sistacafe.com/summaries/9326
โปรดเข้าใจสตรี!! 10 เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ชายไม่เข้าใจ
https://sistacafe.com/summaries/3767
แก้ปัญหาสาวบ้านรก! กับเคล็ดลับจัดระเบียบบ้าน ด้วยของใช้จาก IKEA
https://sistacafe.com/summaries/10111