1. SistaCafe
  2. 7 บทเรียนที่สาวๆ ได้รับหลังจากการไดเอท "ล้มเหลว!"

หลายๆ ครั้งที่สาวซิสต้าไดเอทผิดวิธี อาจเพราะทำการบ้าน ศึกษามายังไม่มากพอ สูตรนี้ก็ทำ สูตรนั้นก็ขอลอง ทำให้น้ำหนักที่ตั้งใจว่าจะลดให้ฮวบยิ่งกว่ารถไฟเหาะ เด้งขึ้นรัวๆ ยิ่งกว่าลูกบอลซะงั้น -.-


แม้ในช่วงแรก การไดเอทแบบผิดๆ จะทำให้ไม่ถึงเป้าหมายความผอมอย่างที่ฝัน แต่ก็ทำให้เธอได้รู้ว่าการยึดหลัก คุมอาหารและออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หลายสูตรไดเอทที่เธอต้องส่ายหน้าและคิดในใจว่า " กล้าลองทำเข้าไปได้อย่างไรเนี่ย "


ก่อนที่เธอจะเผลอคิดสูตรไดเอทประหลาดโลกขึ้นมาใหม่อีก เรามีบทสัมภาษณ์จากสาวๆ 7 คนที่เคยผ่านการลดน้ำหนักที่ผิดมาก่อน ( และในที่สุดก็พบทางสว่าง ) มาอ่านคำสารภาพจากหนูทดลองเหล่านี้เพื่อจะได้ไม่ต้องซ้ำรอยเดิม ว่าแล้วก็ไปอ่านกันเลย ♡\( ̄▽ ̄)/♡


1. การ "ดีท็อกซ์ " ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น / ผอมลง

" ประสบการณ์ของฉันกับโปรแกรมดีท็อกซ์ Master Cleanse ไม่มีอะไรดีเลย มันคือหายนะชัดๆ! ฉันคิดว่ายิ่งทำไปนานๆ ผลลัพธ์ก็ต้องดีขึ้น ผอมลงเรื่อยๆ สิ แล้วฉันก็วนเวียนอยู่ในสูตรไดเอทนี้นานถึง 40 วันเต็ม ช่วงแรกน้ำหนักก็ลดลงอยู่หรอก แต่เมื่อเข้าสู่วันที่ 20 ก็เข้าสู่ภาวะลดไม่ลง ( hit the plateau ) อีกต่อไป



ฉันอยู่ได้ด้วยน้ำเปล่า พริกคาเยน น้ำมะนาวและเมเปิ้ลไซรัป เริ่มรู้สึกหมดแรง ขาดน้ำและมีภาวะซึมเศร้า ฉันเริ่มเห็นภาพหลอน เห็นเงาดำๆ ตามไปทั่ว มันน่ากลัวมากๆ ความทรงจำก็เริ่มขาดหาย ลืมทุกสิ่งอย่าง สมองของฉันเกิดเบลอ ไม่ทำงานขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ




ต่อมา ฉันก็ตระหนักได้ว่าภาวะร่างกาย อารมณ์และจิตใจที่ต้องมาทรมานเพราะดีท็อกซ์ ไม่ได้คู่ควรกับน้ำในร่างกายและกล้ามเนื้อที่ขาดหายไปได้เลย ในที่สุดฉันอาจน้ำหนักกลับมาเด้งเท่าเดิมในระยะยาวอยู่ดี สิ่งที่ดีที่สุดในการไดเอทคือออกกำลังกาย กินอาหารเต็มมื้อ เลือกชนิดอาหารที่มีสารอาหารเยอะๆ มีวันที่ให้รางวัลตัวเองบ้าง น้ำหนักก็ลดเองโดยไม่ต้องอดเลย "


- แอนโทเนีย โดนาโต อายุ 27 ปี


2. คาร์โบไฮเดรตไม่ใช่ " ศัตรู " ไปซะทั้งหมด

" ช่วงที่ฉันพยายามลดน้ำหนักก่อนเข้าพิธีแต่งงาน ฉันตัดสินใจว่าจะ " งดแป้งไปเลย " เพื่อให้ถึงน้ำหนักเป้าหมายที่ต้องการให้ได้ ฉันกินผักและผลไม้เยอะเป็นกระสอบ แต่ไม่กินผักที่มีส่วนประกอบของแป้งอย่างมันฝรั่ง แป้งจริงๆ อย่างขนมปัง พาสต้าและแครกเกอร์ก็เลี่ยงไปเลย แค่ไม่กี่วันร่างกายของฉันก็เริ่มดิ่งลงเหว ฉันออกกำลังกายอย่างที่เคยทำไม่ไหว อาจเผาผลาญพลังงานได้น้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำไป



แม้ในที่สุดน้ำหนักจะหายไปหลายกิโลกรัม แต่มันคือน้ำหนักจากน้ำในร่างกายทั้งนั้น เมื่อฉันตบะแตกและเผลอแทะขนมปังไปแค่นิดเดียว น้ำหนักของฉันก็เด้งคืนมา ฉันจึงเปลี่ยนวิธีใหม่ ลดแป้งที่ผ่านกระบวนการ สลับกับการกินขนมปังโฮลวีต พาสต้าโฮลวีต เลี่ยงคุกกี้หรือแครกเกอร์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ตอนนี้ฉันมีแรงพอจะไปออกกำลังกายแล้ว ไม่ต้องโหยแป้งอย่างที่เคยเป็นมาตลอด วิธีแบบนี้ทำให้ฉันลดน้ำหนักลงได้จริงๆ มันช้า แต่มั่นคงค่ะ "



- ชีล่า เรย์ อายุ 23 ปี



3. น้ำผลไม้ใช้แทน " มื้ออาหาร " ไม่ได้

" ฉันลองไดเอทด้วยการดื่มแต่น้ำผลไม้หลังจากดูสารคดีรายการหนึ่ง หลังจากดูจบแล้ว ฉันก็สั่งที่คั้นน้ำผลไม้ และผักผลไม้รวมแล้วเกือบ 200 เหรียญ ฉันตัดสินใจงดคาเฟอีนและอาหารในวันเดียวกัน เพราะคิดว่าจะต้องผอมแน่ๆ น้ำผลไม้มื้อเช้าอร่อยมาก ย่ามใจและคิดว่าเริ่มต้นได้ดี ฉันกินน้ำผักคะน้าตอนเที่ยง ( ซึ่งฉันเกลียดผักชนิดนี้มากๆ ) ฉันทำตามสูตรนี้ได้เรื่อยๆ แต่มันไม่สนุกเลย เริ่มหิวและทรมานจากการอดน้ำตาล อาหาร คาเฟอีนและความบันเทิงในชีวิต!



เมื่อถึงมื้อเย็นเท่านั้นแหละ ฉันก็คิดว่า " พอเถอะ " แล้วโทรเรียกเพื่อนๆ ออกไปกินอาหารเม็กซิกันและดื่มเหล้ามาร์การิต้าอย่างหนักหน่วง บทเรียนที่ได้คือ น้ำผลไม้ไม่ใช่มื้ออาหาร มันทดแทนกันไม่ได้ ถึงจะมีใครพร่ำบอกว่าดื่มแต่น้ำผักสิถึงจะผอม ก็อย่าไปฟังเลยค่ะ "



- แคร์รี่ ดาวลิ่ง อายุ 30 ปี



4. ไดเอทแบบ " ตัดกลูเต็น " ไม่เหมาะสำหรับทุกคน

" เพื่อนๆ ของฉันบางคนที่เป็นโรคในช่องท้อง ลดน้ำหนักด้วยการ " ตัดกลูเต็น " ( gluten-free ) โดยไม่กินอาหารที่มีกลูเต็นเลย ( กลูเต็นเป็นไกลโคโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบได้ในข้าวต่างๆ มักใช้ในการผลิตขนมปัง ข้าวโอ๊ต เค้ก พาย ซีเรียลหรือแทนเนื้อสัตว์ในอาหารเจ ) พวกเขาอาการดีขึ้น มีเรี่ยวแรงมากขึ้นและลดน้ำหนักลงไปได้พอสมควรเลยล่ะ ฉันคิดว่าสูตรนี้น่าจะได้ผลกับตัวเองเหมือนกัน เลยลองทำดู ซึ่งมันกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ที่สุด



ฉันเสียเงินไปเยอะมากกับพาสต้าและขนมปังแบบไม่มีกลูเต็น ซึ่งราคาแพง ฉันเลี่ยงทุกอย่างในตู้เย็นที่มี่ส่วนผสมของกลูเต็น ซึ่งแย่มากเพราะมันเป็นส่วนประกอบของทุกๆ อย่างนั่นแหละค่ะ



ไม่ใช่แค้น้ำหนักไม่ลด แต่กลับเพิ่มขึ้น 2-3 ปอนด์ในช่วงที่ไดเอทนั่นแหละ ฉันรู้สึกไม่มีแรงจนต้องไปหาหมอ ผลตรวจเผยว่าฉันเป็นโรคโลหิตจาง มีธาตุเหล็กและวิตามินบีต่ำสุดๆ อาหารที่มีกลูเต็นแท้จริงแล้วมีสารอาหารสูง หลังจากปรึกษาและสารภาพกับหมอแล้ว เราก็เปิดอกคุยกัน หมอบอกให้ฉันเลิกไดเอทแบบนี้ซะ ปล่อยให้คนพวกนั้นเลี่ยงกลูเต็นต่อไปเถอะ "



- จอร์เจีย สมิธ อายุ 34 ปี




5. ภาวะ " ตบะแตก " เกิดขึ้นเมื่อ " กินอาหารไม่มีประโยชน์มากพอ "

" ฉันใช้สูตรไดเอทต่างๆ มากมายที่บอกว่าได้ผลรวดเร็วเพื่อลดน้ำหนัก ทั้งสูตรกินแต่ซุปสามวัน หรือวันๆ กินแต่ทูน่า แต่ทั้งหมดนั้นทำให้ฉันรู้สึกไม่อิ่มสักที การเข้มงวดกับตัวเองให้กินแค่อาหารหรือเครื่องดื่มเฉพาะอย่างเป็นเวลาเท่านั้นเท่านี้ ทำให้ฉันหิวอยู่ตลอดเวลา ไม่นานฉันก็ตบะแตก กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น หรือลดน้ำหนักลงได้จริงๆ เลย



หลังจากไดเอทผิดๆ และล้มเหลวมาสองสามครั้ง ฉันก็ได้รับบทเรียนว่า การทรมานตัวเองด้วยการอกอาหารไม่ใช่วิธีที่ดีเลย "



- นาตาชา ซัตเติล อายุ 29 ปี



6. ช่วงที่ยากที่สุดคือ " น้ำหนักลดแล้ว แต่จะทำยังไงให้คงที่ "

" ตลอดชีวิตของฉัน ตัวเลขน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและลดลงจากการไดเอท รวมๆ กันแล้วน่าจะประมาณ 500 ปอนด์


( ประมาณ 250 กิโลกรัม ) ได้! ฉันประสบความสำเร็จในโปรแกรมไดเอทต่างๆ เช่นการเอาแต่ชั่งน้ำหนักและนับจำนวนแคลอรี่ ฉันทำบ่อยๆ จนเหมือนกลายเป็นงานประจำไปเลย



แต่มันก็ไม่เคยไปได้ตลอดรอดฝั่ง สำหรับฉันแล้ว การรักษาน้ำหนักให้คงที่เป็นส่วนที่ยากที่สุด เมื่อไหร่ที่น้ำหนักของฉันลดลง ฉันจะคิดเสมอว่า " เย้! ฉันทำสำเร็จแล้ว คราวนี้ฉันจะกินหรือจะทำอะไรก็ได้ " แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น น้ำหนักเด้งขึ้นมาเร็วเสมอ ความยากลำบากที่สุดเกิดขึ้นหลังจากคุณถึงน้ำหนักเป้าหมายนี่แหละค่ะ "

Jesse Mcphail Ramsay อายุ 40 ปี



7. เครื่องมือ / ยา / อาหารเสริมประหลาดๆ ไม่จำเป็นในการลดน้ำหนัก

" ฉันลองไดเอทวิธีต่างๆ มามากมาย เช่น การจำกัดเนื้อที่ในภาชนะรูปร่างและสีต่างๆ หลากหลาย แล้วใส่อาหารจำพวกโปรตีน ผลไม้และผักสดลงไป ถ้าอาหารใส่ภาชนะได้แปลว่ากินอาหารได้ " ครบ " และสมดุล แต่ฉันก็มีปัญหาในการใช้ การทำอาหารทุกมื้อจากภาชนะเหล่านี้ทำให้ฉันท้อค่ะ



แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อดีหลงเหลืออยู่บ้าง การไดเอทด้วยการกำหนดสี ขนาดของภาชนะทำให้ฉันรู้จักการจำกัดปริมาณอาหาร ควบคุมตัวเองได้ หัดทำอาหารที่มีประโยชน์ด้วยตัวเอง แต่ไม่จำเป็นต้องให้พวกจานชามเหล่านี้มากำหนดชีวิตฉันไปตลอดนี่คะ "



—เบลค สตัฟเฟล อายุ 29 ปี



============================



ท้ายที่สุดแล้ว การลดน้ำหนักที่ยั่งยืนก็มีแค่หลักง่ายๆ คือ " ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายให้เหมาะสม " เท่านั้นเองค่ะ! แม้จะมีสูตรไดเอทแปลกๆ พิศวงงงงวยจนไม่รู้ว่าคิดขึ้นมาได้อย่างไร ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดก็ตาม อย่าได้หลงเชื่อทำตามเป็นอันขาด เพราะยิ่งจะรังให้สุขภาพกายและจิตของเธออ่อนแอลง จนเธอต้องเผลอคิดในใจว่า" ฉันจะผอมสวย แต่สมองกลวงหรือเปล่าเนี่ย "



หวังว่าบทสัมภาษณ์จาก " เหยื่อ " ทั้ง 7 คนนี้จะทำให้เธอล้มเลิกแผนทำร้ายตัวเองทางอ้อม แล้วก้าวสู่ชีวิตใหม่ที่มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ ว่าแล้วก็ไปฟิตเนสกันเถอะ เย้! >///

============================


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้