เมื่อปี 2534 ข้าพเจ้าได้รู้จักกับวิทยาลัยครูสวนดุสิตจากคำแนะนำของคุณแม่ ซึ่งต่อมาคือ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จากการศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่ถึง 5 ปี จึงเกิดเป็น “My shopping-101” จนกระทั่งได้รู้จักกับ SistaCafe ในปี 2562 จึงได้มีโอกาสมาเขียนเขียนบทความเกี่ยวกับอาหารเสริมหลายชนิด และหนึ่งในนั้น คือ แนทบี ของ Mega We care

ส่วนแนทบีจะช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทที่มีบทบาทสำคัญในการผลิตสารสื่อประสาทที่ควบคุมความตื่นตัว ความจำและอารมณ์ ซึ่งวิตามินแต่ละชนิดจะทำงานร่วมกันในการควบคุมสมดุลของร่างกายในการเผชิญกับสภาวะต่างๆ เช่น ภาวะเครียดที่อาจก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน เป็นต้น

จากการศึกษาและวิจัยพบว่า ปัจจัยส่งเสริมในเรื่องการพัฒนาสมองมี 3 ปัจจัยหลัก คือ...

1. พันธุกรรม

เป็นสิ่งกำหนดคุณลักษณะพื้นฐานทั้งทางร่างกายและจิตใจของมนุษย์ พันธุกรรมทำให้มนุษย์แตกต่างกันทางสรีระวิทยา (อริยา คูหา 2545 : 40-51) เนื่องด้วยมนุษย์ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้นสมองจึงมีส่วนมาจากพันธุกรรมส่วนหนึ่งที่กำหนดขอบข่ายและสมรรถภาพของสมองว่ามีขีดความสามารถในการพัฒนาไปได้มากที่สุดเพียงใด เช่น เด็กปัญญาอ่อน (Down syndromes), เด็กสมองพิการ (Cerebral Palsy), เด็กแอลดี (Learning disabilities), เด็กออทิสติก (Autistic), เด็กสมาธิสั้น (ADHD) จะมีระดับสติปัญญาหรือไอคิวต่ำกว่าเด็กปกติ เป็นต้น

2. อาหาร

อาหารเป็นสิง่ที่ร่างกายใช้ในการเจริญเติบโต การสร้างเซลล์ใหม่หรือขยายเซลล์ในร่างกาย สมองจำเป็นต้องใช้สารอาหาร โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ น้ำ รวมทั้งออกซิเจน การขาดสารอาหารเหล่านี้ นอกจากจะมีผลทางร่างกายแล้วยังมีผลต่อการพัฒนาสมองด้วย

3. สิ่งแวดล้อม

สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลทำให้สมองเกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้ มีผลต่อความเฉลียวฉลาด ประสิทธิภาพของพฤติกรรมและการสร้างเซลล์ประสาทในสมอง เช่น ในการจัดการเรียนรู้ของนักเรียน ครูอาจต้องใช้การบรรยาย (Lecture) โดยตั้งคำถามให้ฉุกคิด (Questioning) มีการให้เหตุผล (Reasoning) และการสรุปย่อ (Summarizing) เพื่อเสริมทักษะการคิด (Thinking skills) นอกจากนี้นักเรียนยังต้องมีทักษะการเรียนรู้ (Learning skills) คือ สอนเทคนิคเรียนดี เทคนิคการจดเลคเชอร์ และการบริหารจัดการสมองที่ดี และในข้อสุดท้าย คือ ทักษะทางด้านสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and communication skills) โดยโรงเรียนหลายแห่งให้นักเรียนสืบค้นและตักตวงความรู้ผ่านระบบดิจิทัล เช่น โครงการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดกับ MIT ที่ให้นักศึกษาจากทั่วโลกสามารถเรียนรายวิชาต่างๆ ผ่านระบบดิจิทัล มีโน้ตย่อและข้อสอบแจกฟรี โดยที่ยังไม่ลงทะเบียนเรียนก็ได้ เป็นต้น ซึ่งเราเรียกการเรียนรู้แบบนี้ว่า "การเรียนรู้แบบผสมผสาน" หรือ Blended learning

นอกจากนี้ การจัดการกับความเครียดเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิด Overheat ซึ่งนอกจากการพักผ่อน ออกกำลังกาย และทำสมาธิแล้ว วิธีหนึ่ง คือ การใช้กลุ่มวิตามินบีที่สามารถช่วยคลายความเครียด ทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้

จากการรีวิวของเพื่อนๆ ของข้าพเจ้าต่างบอกว่า เม็ดเล็ก ทานง่าย พกพาสะดวก ทำให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิ การเรียนรู้และอารมณ์ดีขึ้น เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และผู้บริหารทุกระดับ

การเลือกสูตรวิตามินบี

ควรเลือกสูตรที่ประกอบด้วยวิตามินบีหลายชนิดและครบถ้วน เช่น...

1. ไธอะมีน (B1)

2. โรโบฟลาวิน (B2)

3. นิโคตินามายด์ (B3)

4. กรดแพนโทเทนิค (B5)

5. ไพริดอกซิน (B6)

6. ไบโอติน (B7)

7. อินโนซิทอล (B8)

8. กรดโฟลิค (B9)

9. โคลีน (B11)

10. ไซยาโนโคบาลามีน (B12)

เพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล และในกรณีที่อยู่ในสภาวะเครียด ควรเป็นสูตรที่มีวิตามินบีแต่ละชนิดปริมาณสูง โดยเฉพาะบี1 บี2 บี6 นิโคตินามอยด์และกรดแพนโทเทนิคไม่น้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อวัน



ดังนั้นถ้าร่างกายได้รับวิตามินบีเพียงพอก็เป็นที่มาของพลังงาน ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมมากขึ้นสำหรับงานหนัก การทำงานที่ต้องใช้สมาธิและการเผชิญกับความเครียดเป็นประจำ เช่น ผู้บริหารในระดับต่างๆ นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น และเมื่อสมองและอารมณ์ดี การงานและความรักจะตามคุณมาเอง



Error: geo_location