รูปภาพ:https://media1.tenor.com/images/691390ccaefc36b8c04cd2158fcd6489/tenor.gif?itemid=10591004

ฮัลโหลวววว สาวๆSistaCafeทุกคนค่า (°◡°♡)ใครไม่เป็นก็ดีใจด้วย แต่สาวๆ ผิวแพ้ง่ายที่ต้องมาเจอกับ ' โรคผิวหนังอักเสบ ( eczema ) ' บอกเลยว่าทรมานมากเวอร์!โรคนี้คือโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เป็นๆ หายๆ มักมีผื่นแดงคันยุบยิบอยู่บ่อยๆ จะนอนก็นอนไม่หลับ ต้องมานั่งเกา ( เกาเยอะก็เป็นแผลเลือดซิบ ) ใส่เสื้อผ้าโชว์ผิวก็ไม่ได้ และไม่ว่าจะพอกครีม ทาโลชั่น ดูดฝุ่นบ่อยๆ เลือกกินอาหารดีๆ มากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางหายขาดหากละเลยก็เสี่ยงขึ้นตุ่มน้ำ มีน้ำเหลือง บวมแดงอักเสบกว่าเดิมขึ้นไปอีก แงมาก T[]Tแม้จะรู้กันดีอยู่แล้วว่าผ้าเนื้อหยาบๆ คันๆ, สบู่ที่มีความเป็นด่างสูง หรือสกินแคร์ที่ใส่สี ใส่น้ำหอมแรงๆ เป็นตัวกระตุ้นให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น ( มากน้อยขึ้นอยู่กับคน )แต่จะมี ' 7 สาเหตุหลักๆ ที่กระตุ้นให้ชาวผิวหนังอักเสบ อาการยิ่งรุนแรงกว่าเดิม ' ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามโดยไม่รู้ตัว เราเลยมาบอกต่อในบทความนี้ รู้แล้วจะได้เตรียมรับมือหรือหลีกเลี่ยงได้ทัน!ไม่ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในชาวเรา หรือเป็นคนที่แค่อยากศึกษาโรคนี้ไว้เฉยๆ ก็เลื่อนลงมาอ่านข้างล่างกันได้เลยค่ะซิส (❤ω❤)

1. ซาวน่า/ แช่น้ำที่อุณหภูมิ 'ร้อนจัด' หรือ 'เย็นจัด' มากจนเกินไป

รูปภาพ:https://cache.gmo2.sistacafe.com/images/uploads/content_image/image/1007469/1601709852-95fbc011eefb6bbb47b1f6c2d24982f0.jpg

สาวๆ ผิวแพ้ง่ายคนไหนที่โปรดปราน

' การไปซาวน่า หรือแช่น้ำร้อนจัดในอ่างที่บ้าน '

เพื่อผ่อนคลายร่างกาย โปรดอ่านทางนี้! หากเธอรู้สึกว่าทุกครั้งที่แช่หรือเข้าซาวน่า จะมีผื่นแดงขึ้นเยอะขึ้น คันมากขึ้น เธอไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน!

เพราะหมอผิวหนังอธิบายไว้แล้วว่ามันมีส่วนช่วยกระตุ้น ที่จริงความร้อนไม่ได้ทำให้เกิดผื่นเสมอไป แต่เหงื่อที่ไหลออกมาหลังจากนั้นต่างหาก ที่กระตุ้นจุลินทรีย์ในผิวหนัง ทำให้ผิวระคายเคืองและเป็นโรคผิวหนังอักเสบได้ค่ะ

ไม่ใช่แค่อุณหภูมิร้อนๆ นะ แต่แช่น้ำที่เย็นเกินไปก็มีผลเช่นกัน! โดยหมอผิวหนังได้อธิบายไว้ว่า การให้ผิวสัมผัสกับน้ำที่เย็นจัดๆ โดยตรง จะลดค่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ทำให้ผิวแห้งลงอย่างเห็นได้ชัด และกระตุ้นให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบได้ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าให้ผิวสัมผัสความร้อนหรือเย็นจัดๆ นานเกินไป ( รวมถึงเวลาออกกำลังกาย หากเป็นเอาท์ดอร์ ก็ควรเลือกเป็นเวลาที่ไม่ร้อนจัด หรือมีลมจนร่างกายหนาวเย็นจนเกินไปด้วยนะ! )

2. อยู่ใน 'ห้องที่เปิดแอร์ อากาศแห้งๆ' ทั้งวัน ทุกวัน!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/182b15744b40ad826a5d2d530ba470d0.jpg

นอกจากแช่น้ำร้อนน้ำเย็นแล้ว การอยู่กับ

' อากาศเย็นและแห้ง ' จากเครื่องปรับอากาศ

ก็เป็นตัวกระตุ้นผิวหนังอักเสบได้โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน! หากสาวๆ เป็นคนหนึ่งที่เวลาอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย แล้วรู้สึกว่าผื่นผิวหนังอักเสบกำเริบ คันคะเยอแปลกๆ ก็นั่นแหละใช่เลย!

เพราะหมอผิวหนังได้อธิบายไว้ว่าการเปิดแอร์ ทำให้บรรยากาศในห้องแห้งลง ทำให้ความชุ่มชื้นในผิวหนังชั้นนอกระเหยออกไป ยิ่งถ้าไม่ค่อยได้ล้างแอร์ หรือเปลี่ยนฟิลเตอร์แอร์ ฝุ่นที่เกาะรอบๆ ฟิลเตอร์ก็กระตุ้นให้เกิดผื่นได้ง่ายขึ้นไปอีก!

อย่างไรก็ตาม หากสาวๆ ต้องทำงานในออฟฟิศที่ติดแอร์ทั้งวัน หรือห้องนอนที่บ้านติดแอร์ และทิศทางของเตียงก็ต้องหันหน้าเข้าหาแอร์แบบไม่มีทางเลือก ก็ช่วยบรรเทาความคันได้ด้วยการใช้ ' เครื่องช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ( humidifier ) '

ให้อากาศรอบๆ มีความชุ่มชื้นมากขึ้น ผลพลอยได้คือเธอจะมีโอกาสเป็นหวัดน้อยลง เจ็บคอน้อยลงด้วย เพราะอากาศไม่แห้งจนคอเป็นผงนั่นเองค่า

3. อาบน้ำด้วย 'น้ำอุ่นจัดๆ' ทุกวันจนผิวเสีย!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/cb6a956625b228aed9ac818ebc24d754.jpg

ใครที่ติดอาบน้ำอุ่นหลังเลิกงาน อย่าเพิ่งร้องไห้! แต่ต้องยอมรับว่า การอาบน้ำด้วย

' น้ำอุ่นจัดๆ '

เป็นเวลานาน อาบทุกวันอย่างต่อเนื่องทำให้ผื่นผิวหนังกำเริบได้จริงๆ ถ้าอยากให้ผื่นหายหรืออาการดีขึ้น ต้องเลิกอาบน้ำอุ่น หรือลดความถี่ในการอาบเท่านั้นค่ะ

หมอผิวหนังได้เปรียบเทียบไว้ว่า ถ้าสาวๆ ที่ผิวแพ้ง่ายแล้วอาบน้ำอุ่นทุกวัน ก็เหมือนน้ำหยดลงภาพเขียนทุกวัน ในที่สุดสีก็จะลอกและเกิดการกัดเซาะเป็นคราบสกปรกขึ้นมาแทน

นั่นเพราะน้ำอุ่นจัดๆ จนเกือบร้อน จะไปกร่อนทำลายความชุ่มชื้น น้ำมันตามธรรมชาติบนผิวชั้นนอก จึงไม่เหมาะกับคนที่ผิวเซนซิทีฟอย่างยิ่ง แนะนำให้อาบน้ำอุ่นนิดๆ ( lukewarm water ) และรีบอาบรีบออก อย่าอาบนาน เพื่อไม่ให้ความชุ่มชื้นถูกกัดกร่อนมากจนเกินไป

มีทริคว่าพอออกจากห้องน้ำแล้ว ให้รีบทามอยส์เจอไรเซอร์ที่ผิวทันที ไม่ควรเกิน 2-3 นาทีหลังอาบเสร็จ เพราะน้ำอุ่นนิดๆ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ลดอาการผื่นอักเสบได้ค่ะ

4. ค่าฝุ่นในอากาศไม่ดี เช่น ฝุ่น PM 2.5

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9c434972338c8fe19bee76d0c74f578b.jpg

เคยสังเกตกันไหมว่า ช่วงที่

' ค่าฝุ่นในอากาศ '

เยอะมากๆ ( ง่ายๆ ก็ฝุ่น PM2.5 ) ทำไมรู้สึกคันคะเยอ เป็นผื่นแดงทั้งตามแขน ขา ทาครีมยังไงก็ไม่หาย พอช่วงนี้ที่ค่าฝุ่นลดลง กลับสภาพผิวดีขึ้นซะงั้น

นั่นเพราะค่าฝุ่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้ผื่นผิวหนังอักเสบมากขึ้นนั่นเอง หมอผิวหนังได้บอกไว้ว่า ฝุ่นคือมวลรวมของอนุภาคเล็กๆ ที่เป็นมลภาวะ ซึ่งกระตุ้นภูมิแพ้และผื่นแดงได้

ถ้าใครมีสาเหตุที่เข้ากับข้อนี้ อาจจะเลี่ยงยากสักหน่อย เพราะอากาศผสมฝุ่นก็มีทั่วเมือง และคนวัยเรียน วัยทำงานก็ต้องออกจากบ้านทุกวัน แต่ก็พอบรรเทาอาการได้บ้าง เช่น ใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่สะอาด กำจัดฝุ่นเป็นประจำ เอาเครื่องนอนไปซักบ่อยๆ ถ้าในห้องมีพรม มีตุ๊กตาขนๆ ก็ควรดูดฝุ่นทุกวัน และติดตั้งเครื่องกรองอากาศ ( air purifier ) สักเครื่อง

ถ้าเป็นสาวๆ ที่อาการรุนแรง อาจไม่หายดี 100% แต่อาการคันจะน้อยลงจนสังเกตได้อย่างแน่นอนค่ะ

5. ความเครียดต่อเนื่อง เครียดตลอดเวลา ก็ผิวพังได้นะรู้ยัง!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7d977f89dd309048b22fae7c6a9c150b.jpg

หลายคนมักละเลยเพราะเห็นว่าไม่เกี่ยวกับผิวโดยตรง แต่รู้ไว้เลยว่า

' ความเครียด '

กระตุ้นให้สาวๆ ผิวแพ้ง่ายมีผื่นแดงอักเสบมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เครียดง่าย เช่น สัปดาห์สอบ สัปดาห์พรีเซนต์งาน ( หรือแค่ไถโซเชียลแล้วเสพดราม่าต่อเนื่องจนเครียดตาม ) ก็ยิ่งทำให้ผิวเกิดผื่นคันยุกยิกๆ ได้ เพราะความเครียดทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอล ( cortisol ) เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผลเสียของมันคือทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบได้ง่ายค่ะ

เพราะฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดชื่อ glucocorticoids เข้าไปแทรกแซงการทำงานของเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวหนังโดยรวมอ่อนแอลง เมื่อผิวอ่อนแอก็เป็นโอกาสดีที่เชื้อโรคต่างๆ จะเข้าไป ทำให้โรคผิวหนังกำเริบค่ะ ใครที่ติดนิสัยเครียดแล้วชอบคัน ยิ่งคันก็ยิ่งเกา ขอให้หยุด เพราะผิวจะยิ่งพังเข้าไปใหญ่! ควรแก้ที่ต้นเหตุด้วยการผ่อนคลายความเครียดนั้นจะดีกว่า


เราแนะนำวิธีง่ายๆ อย่างนั่งสมาธิ ฟังเพลงเบาๆ เดินเล่นในสถานที่สงบๆ หรือคุยกับเพื่อน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความเครียด แล้วเธอจะแปลกใจว่าอาการคันลดน้อยลงจนคิดว่า รู้งี้เลิกเครียดนานแล้ว ♡ ( ̄З ̄)

6. 'อาหารบางชนิด' ยิ่งกิน ยิ่งกระตุ้นภูมิแพ้

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/e046e6710796a723950b083cbb412c10.jpg

ปัจจัยหนึ่งที่เกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ' อาหารการกิน 'แต่อาหารกระตุ้นผื่นผิวอักเสบ กับอาหารที่ทำให้เป็นภูมิแพ้นั้นแตกต่างกัน ต้องแยกแยะให้ชัดเจน!


หากเธอกินอาหารชนิดใดเข้าไปแล้วรู้สึกคันยิบๆ มีผื่นขึ้นตามผิวบริเวณต่างๆ บนร่างกายโดยไม่รู้ที่มา ( แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ) อันนี้มีสิทธิ์ว่าจะเป็นภูมิแพ้อ่อนๆ หากไม่แน่ใจควรไปปรึกษาหมอ แต่ถ้ากินแล้วผื่นที่มีอาการแย่ลงกว่าเดิม ก็อาจจะไม่ได้แพ้ แค่กระตุ้นผื่นอักเสบเฉยๆ

หากเธอเกิดอาการแพ้ผื่นคัน แต่ไม่แน่ใจว่าอาหารชนิดใดทำให้แพ้ เราแนะนำให้เขียน' บันทึกอาหารที่กิน 'ไว้ตลอด แบ่งเป็นตารางสองช่อง ช่องนึงคืออาหารที่กิน และอีกช่องคือผลลัพธ์ของผิวหนังหลังกินเข้าไป ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มแยกออกว่า อาหารที่มีส่วนผสมของอะไรที่น่าจะกระตุ้นผื่น


โดยอาหารที่มีแนวโน้มจะเป็นผื่นอักเสบก็เช่น ผลิตภัณฑ์นม, ไข่, ถั่วเหลือง, กลูเต็น, ถั่ว, ปลา เป็นต้น ลองสังเกตอาการตัวเองดู ถ้าเริ่มรู้สึกแพ้ก็รีบปรึกษาหมอ ยื่นบันทึกให้หมอดู จะได้วินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องค่ะ

7. ใช้ครีมกันแดดผสมสารเคมี (Chemical Sunscreen)

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/e299ef5e58738ab8cb304d7dc689f67a.jpg

ข้อสุดท้ายที่สาวๆ บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกี่ยว ก็คือ

' ครีมกันแดด '

ที่เราทาหน้า ทาตัวกันอยู่ทุกวันนี่แหละค่ะ!

โดยหมอผิวหนังได้อธิบายไว้ว่า ในครีมกันแดดผสมสารเคมี ( chemical sunscreen ) มีสารป้องกันรังสียูวีที่กระตุ้นให้ผื่นผิวหนังอักเสบมากขึ้นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะหาข้อแก้ตัวไม่ทาครีมกันแดดนะคะ ยิ่งไม่ทา ผิวยิ่งไหม้ เสี่ยงเป็นมะเร็งเด้อ!!

แค่เปลี่ยนจากสูตร Chemical ที่ดูดซับรังสียูวีเข้าผิว มาใช้ Physical Sunscreen ที่สะท้อนหรือหักเหรังสียูวีออกไปจากผิวแทน เพราะสูตรนี้ค่อนข้างอ่อนโยนกับผิว ไม่กระตุ้นให้เกิดผื่นแพ้ เหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย คนที่มีโรคผิวหนังอื่นๆ ร่วมด้วยก็ใช้ได้ แม้จะราคาสูงสักหน่อยแต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุนค่ะ

โดยก่อนเปลี่ยนยี่ห้อกันแดดทุกครั้ง ให้ทดสอบการแพ้กับหลังมือก่อน ถ้าโอเคค่อยทาบนผิวหน้านะคะ (´,,•ω•,,)♡

รูปภาพ:https://mir-s3-cdn-cf.behance.net/project_modules/disp/9a647e47956347.5889fbef5764b.gif

---------------------------------------------------

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็หวังว่าสาวๆ ผิวแพ้ง่ายหรือกำลังทรมานกับ ' โรคภูมิแพ้ผื่นผิวหนัง ( eczema ) ' จะรู้เท่าทันสิ่งต่างๆ รอบตัวที่กระตุ้นให้เกิดโรคมากยิ่งขึ้น รู้จักหลีกเลี่ยงหรือใช้ผลิตภัณฑ์แทนได้มากขึ้นนะคะ ^ ^คนทั่วไปอาจเคยเกิดผื่นแพ้ที่หาสาเหตุไม่เจอ แต่เชื่อเถอะว่าทุกอย่างมีต้นตอของมัน แค่เราหามันเจอหรือเปล่า? ซึ่งผื่นผิวหนังอักเสบก็ถูกกระตุ้นได้มากมาย แม้จะนิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้าทำพฤติกรรมเสี่ยงรวมกันทุกข้อ ก็อาจลุกลามเป็นอาการรุนแรงใหญ่โตได้ ยังไงก็ระวังตัวเองให้ดีๆ แม้โรคนี้จะไม่หายขาด แต่ถ้าเรียนรู้จะอยู่กับมันได้อย่างเข้าใจ เราก็มีความมั่นใจกับผิวได้ไม่ต่างกับคนทั่วไปค่ะ °˖✧◝(⁰▿⁰)◜✧˖°สำหรับวันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อนละน้า พบกันใหม่ค่า บ๊ายบายยย