#ทำตัวว่างกว่าแท็กซี่ 7 สัญญาณบอกว่าเธอ 'ติดแฟนมากไป' เลิกซะ ก่อนผู้ชายจะเห็นเป็นของตาย!
หาเวลาไปใช้ชีวิตตัวเองบ้างเถอะ ทำตัวเป็นแท็กซี่ติดป้าย 'ว่าง (Available)' ตลอดเวลาให้แบบนี้ ระวังผู้ชายจะเห็นเธอเป็นของตายที่จะมาเมื่อไหร่ก็ได้นะจ๊ะ!
เผยแพร่: 26 ต.ค. 2563 08:00 น.
Views: 4,691
รหัสบทความ: 79802
สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่กำลังมีความรักทั้งหลายยย! (*¯ ³¯*)♡ก็เข้าใจนะว่าเพิ่งคบ ช่วงข้าวใหม่ปลามัน แฟนอยากนัดเดทที่ไหน อยากทำอะไรก็พร้อมจะไปด้วยกันทุกที่ บางทีโทรมาชวนตอนตีหนึ่งตีสองก็ยังลุกพรวดมาอาบน้ำแต่งตัว กลัวผู้ชายจะเสียใจ! เริ่มสังเกตตัวเองบ้างไหมว่าชีวิต ' ส่วนตัว ' ก่อนมีเขามันหายไปไหนหมด? ในสมอง ในหัวใจเรียกร้องหาแต่เขาจนการเรียนเริ่มแย่ เพื่อนฝูงเริ่มหายไปทีละคนสองคน..เอาล่ะ เราว่าเธอกำลังมีอาการ ' ติดแฟน ' ขั้นรุนแรงแล้วล่ะค่ะซิส!แม้จะเป็นแฟนกัน แต่ไม่มีใครชอบคนที่ ' ว่างเกินไป ' หรอกค่ะ ไม่มีสเปซ ไม่มีอะไรที่ต้องทำเลยเหรอ? ถ้าเจอคนที่รักเธอจริงๆ ก็ดีไปแหละ แต่สำหรับผู้ชายบางคนถ้าไม่เล่นเกมบ้าง เขาจะมองเห็นเธอเป็นลูกไก่ในกำมือ เพราะเธอยอมตามเขาทุกอย่าง ซึ่งเป็นสัญญาณไม่ดีสำหรับชีวิตคู่ในอนาคตแน่ๆไหนลองมาเช็ค' 7 สัญญาณที่บ่งบอกว่า เธอติดแฟนมากเกินไป 'ดูซิว่าเข้าข่ายไหม ถ้าติ๊กถูกทุกข้อ ได้โปรดถอยหลังออกมาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผู้ชายจะเห็นเธอเป็นของตาย!
1. "ได้สิ ได้เลย" คือคำพูดติดปากของเธอ เมื่อคุยกับแฟน
อะไรจะติดไฟว่างยิ่งกว่ารถแท็กซี่ขนาดนั้นคะแม่คุณ! เขาจะชวนไปไหน จะทำอะไร หรือบอกให้เธอทำอะไร คำเดียวที่เธอจะตอบก็คือ " อ๋อได้ ", " ไปสิ ไปเลย ", " ไม่มีปัญหา " จนบางทีมันก็ดูว่างไปอะ... เธอไม่มีชีวิตของตัวเองเลยเหรอ?
เขาลากไปไหนก็ต้องไปทุกครั้ง ทั้งที่ในใจก็ฝืน เหนื่อยจะแย่ อยากเปิดแอร์ที่บ้าน นอนโง่ๆ ดู Netflix กินขนมมากกว่า แต่กลัวแฟนน้อยใจ ก็ไปมันซะทุกที่จนร่างแหลกไปหมดละจ้าแม่ บางทีชวนวันอาทิตย์ วันจันทร์ต้องลางานเพราะลุกจากเตียงไม่ไหวก็มี เดินตามเขาทั้งวี่ทั้งวัน TT
การตามใจคนรักก็เป็นเรื่องที่ดีแหละค่ะ ใครก็อยากให้เอาใจเนอะ แต่ซิส ทุกคนมีงานมีการต้องทำค่ะ แฟนเธอโตแล้ว เขาต้องรู้ว่าจะเอาสิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่างไม่ได้! ถ้าเธอเหนื่อย ทริปครั้งนี้มีผลเสียกับงาน อย่ากลัวที่จะปฏิเสธ ไว้เลื่อนไปรอบหน้าแทนที่ทั้งคู่ว่างตรงกัน
ผู้ชายที่ดีจะเข้าใจและจบเรื่อง แต่ถ้าเขายังงอแง จะไปวันนั้นให้ได้ ก็น่าสงสัยว่าเธอได้ผู้ชายนิสัยไม่โตมาเป็นแฟนซะแล้วล่ะค่ะ
2. ไม่ได้รับสายจากเขาเมื่อไหร่ ต้องรีบโทรกลับทันที ย้ำว่าทันที!
แป๊บนะ... นี่แฟนหรือเจ้านายที่ทำงานคะเนี่ย? บางทีเธอกำลังประชุม ทำอาหาร อาบน้ำ เข้าส้วมอยู่ ก็ต้องรีบวิ่งออกมาจากฝักบัวตัวเปียกๆ หรือแอบใช้โทรศัพท์ระหว่างประชุมเพื่อรีบตอบแชท หรือโทรกลับทันที แบบนี้เราว่าไม่ใช่ละ!
ถ้าเธออยู่ว่างๆ จะตอบแชท หรือกดโทรหาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก แต่ถ้ากำลังติดธุระสำคัญ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่คุยโทรศัพท์ไม่ได้ ก็ยังพยายามจะโทรกลับ พอเขาไม่รับก็กลัวเขาโกรธ หวาดระแวงไปหมด อันนี้น่าสงสัยแล้วว่าผู้ชายนิสัยแบบไหน เธอถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น?
สำหรับบางคน โทรกลับทันทีไม่พอ พอเขารับสายก็รีบขอโทษขอโพย หาข้อแก้ตัวประหนึ่งทำผิดคดีฆ่าคนตาย ทั้งที่แฟนอาจแค่โทรมาชวนคุยเล่นๆ เท่านั้นเอง ทั้งหมดนี้ไม่ได้ดูเป็นแฟนสาวที่รักแฟนมากนะ แต่ดูเหมือนคนมีปมอะไรสักอย่างมากกว่า
ที่จริงแค่โทรกลับเมื่อว่างแล้วพูดแค่ว่า " ขอโทษนะ ตะกี้ยุ่งอยู่ มีอะไรหรือเปล่า " จะดูสบายๆ และไม่กดดันผู้ชายมากกว่าค่ะ
3. เธอเป็นฝ่าย 'เริ่ม' บทสนทนาในแชทกับแฟนเสมอ
เขาอาจไม่ใช่คนคุยเก่ง พิมพ์แชทเก่งเป็นทุนเดิม แต่ถ้าบทสนทนาในแอพแชทต่างๆ เธอเป็นฝ่ายเริ่มคุยซะ 99% เนี่ย เราว่ามันคือสัญญาณของปัญหาละ! แชทอยู่นิ่งๆ ได้ไม่ถึง 10 นาที เธอก็ส่งไปรัวๆ ละ " กินข้าวยัง ", " ทำไรอยู่ ", " ทำไมตอบช้าจัง ", " เมื่อไหร่จะตอบน้าาา "
เธอคิดว่าผู้ชายปกติที่มีงานมีการทำ เห็นแชทแบบนี้แล้วจะรู้สึกยังไง? นอกจากรำคาญแล้วจะพาลคิดว่าเธอว่างมากเหรอ ถึงเอาแต่ตามจิกเขาอยู่ได้ ไม่ส่งผลดีกับความสัมพันธ์แน่ๆ ค่ะซิสขา
เมื่อว่างมากๆ ไม่มีอะไรทำ เรามักจะฟุ้งซ่าน ซึ่งทำให้เราเผลอทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นจงไปหาอะไรทำบ้าง เรียนหนังสือ ทำการบ้าน ทำงาน ทำงานอดิเรก ฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูหนัง ทำอาหาร ใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวเหมือนก่อนที่ ' เขา ' จะเข้ามาดูบ้าง
ทำตัวเงียบๆ หายๆ ไป ให้เขาเป็นฝ่ายไล่ตามบ้าง จะได้รู้ว่าฉันก็ไม่ใช่ของตายของใครนะจ๊ะ
4. เขาจะนัดเมื่อไหร่ก็ได้ เลื่อนเวลายังไงก็ได้ เพราะรู้ว่ายังไงเธอก็ไปอยู่ดี
สัญญาณนี้ชัดมากก ว่าเธอกำลังทำตัวเป็นเบี้ยล่างของเขาอย่างชัดเจน! หากเธอโชคร้ายได้แฟนเอาแต่ใจ คิดจะนัดไปเที่ยวที่ไหน เมื่อไหร่ ก็คว้าตัวเธอไปได้ทันที พีคกว่าคือเธอก็ไม่ปฏิเสธด้วย!
แม้จะเป็นวันธรรมดาที่ต้องตื่นเช้าไปเรียน ไปสอบไฟนอล หรือวันที่เขาชวนกินข้าว ทั้งที่กำลังกินข้าวกับครอบครัวอยู่ ก็รีบรับนัดแล้ววิ่งออกจากโต๊ะอาหารที่มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ซะงั้น
บางทีนัดบ่าย 3 สรุปมาทุ่มสองทุ่ม เธอก็ยังยืนรอหน้าแห้งอยู่แบบนั้น ไม่ว่า ไม่ด่า ผู้ชายก็จะยิ่งได้ใจ เพราะรู้ว่าจะนัดวันไหน เวลาใดก็ได้ ยังไงเธอก็ต้องไปอยู่ดี นี่แฟนหรือทาสในเรือนเบี้ยคะถามก่อน?
ถ้าใครกำลังเป็นแบบนี้ต้องถามใจตัวเองดีๆ แล้วนะ ว่าที่แฟนไม่แคร์เรา ไม่เห็นค่าของเวลาเราขนาดนี้ เพราะเราทำตัวยอมเขาเองด้วยหรือเปล่า? เราต้องมีจุดยืนบ้าง ถ้านัดกี่โมงก็ต้องมาเวลานี้ ถ้ามาช้าก็ยกเลิกนัดไปเลย ไม่ต้องมา สั่งสอนบทเรียนให้เขา ไม่อย่างนั้นเขาก็จะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายทนไม่ไหว อาจระเบิดเป็นคำเลิกราก็ได้ ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วล่ะค่ะ
5. ถึงมีนัดกับเพื่อนแล้ว ถ้าเขาโทรมาก็พร้อมจะแคนเซิลนาทีสุดท้าย
ข้อนี้คือไม่โอเคมากๆ เพราะเธอตอบรับนัดกับเพื่อนไว้แล้ว เช่น ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ไปช้อปปิ้งด้วยกัน ไปเล่นกีฬาด้วยกัน แต่ก็เลือกจะบอกปัดนัดนั้นในนาทีสุดท้าย เพราะแค่แฟนชวนไปกินข้าว ( หรือเผลอๆ ก็ชวนไปทำอะไรไม่รู้ ที่เธอไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ด้วยซ้ำ )
เพื่อนอาจสำคัญน้อยกว่าแฟนก็จริง แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายจริงๆ มันก็คือนัดนัดหนึ่งที่มาก่อน แต่เธอกลับทิ้งนัดอย่างไม่ไยดี สำหรับเราก็เหมือนไม่ให้เกียรติ ไม่เห็นคุณค่าเวลาของเพื่อนเหมือนกันนะ ถ้าต่อไปเดอะแก๊งไม่นัดเธออีก ค่อยๆ หายไปจากชีวิตเธอ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม!
หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เช่น แฟนป่วยเข้าโรงพยาบาล, แฟนมีเรื่องด่วนที่ต้องให้เราช่วยจริงๆ, ครอบครัวแฟนกำลังมีปัญหา etc. บางทีก็ต้องปล่อยให้เขาจัดการเองบ้าง
เพราะเราก็มีธุระที่ต้องทำ ถ้าเป็นห่วงก็คอยโทรคุยถามข่าวคราว หรือรีบกลับเร็วหน่อยเพื่อไปหาแฟนก็ได้ แต่อย่าแคนเซิลนัดเลย ถือว่าสงสารเพื่อนเด้อ
6. มีเวลาอยู่ด้วยกันจะ 24 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่พอ งอแงสุดๆ
แฟนนะไม่ใช่หมากฝรั่ง จะได้เกาะติดอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง ขนาดพ่อแม่เราเอง เรายังอยากมีสเปซไว้หายใจเลยจริงไหม เขาเองก็เช่นกันค่ะ!
การทำตัวเป็น Clingy Girlfriend หรือแฟนสาวที่งอแงติดพันผู้ชาย ไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองเนี่ย แรกๆ น้ำต้มผักก็ว่าหวาน แต่ยิ่งนานไปมันจะเริ่มอึดอัดละ ธรรมชาติมนุษย์ผู้ชายยิ่งอยากมีเวลาส่วนตัวด้วย อยากไปเจอเพื่อน อยากไปทำกิจกรรมคนเดียว เธอก็ตื๊อ ยื้อไม่ให้ไปอยู่นั่น นานไปเขาอาจฟิวส์ขาดบอกเลิก และคนที่จะร้องไห้ขี้มูกโป่งก็คือเธอนี่แหละค่ะซิส!
จะต้องกินข้าว 3 มื้อด้วยกันทุกวัน ต้องไปช้อปปิ้งด้วยกันทุกครั้ง ต้องนั่งดูทีวีด้วยกันทุกวัน ห้ามหลับก่อน ต้องเดินเล่นออกกำลังกายด้วยกันเช้า- เย็น บลา บลา บลา กฎเหล่านี้จะทำให้ผู้ชายจุกในอกเหมือนหายใจไม่ออก เพราะเธอทำตัวเหมือนชัตเตอร์วิญญาณตามติดตลอดเวลา
ใครทำอยู่ขอให้หยุดถ้าไม่อยากโสดในเร็วๆ นี้ แค่มีเวลาด้วยกันบ้างก็พอ ปล่อยเขาไปใช้ชีวิตบ้างจะดีกว่าน้า
7. เธอจะวางแพลนอะไรในชีวิต ขึ้นอยู่กับ 'เขา' เป็นหลัก
จะกินอาหารร้านไหนก็ต้องดูว่าเขาชอบไหม จะใส่เสื้อผ้าสไตล์ไหนก็ต้องรอคำอนุญาตจากเขา จะแต่งหน้าแนวไหนก็ต้องดูว่าเขาไม่ชอบหรือเปล่า จะซื้อของชิ้นนี้ก็ต้องให้เขาร่วมตัดสินใจ เอ่อ ประทานโทษนะคะ นี่เธอกำลังถูกขังคุกอยู่หรือเปล่า ทำไมต้องให้แฟนมาบงการทุกอย่างในชีวิตขนาดนั้น!
แม้คนสองคนจะรักกัน และอาจย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วก็เถอะ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องมีส่วนนึงในชีวิตที่เป็นเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะสไตล์ ร้านที่ชอบไป ร้านที่ชอบกินเนี่ย จะมาบังคับกันไม่ได้ ฝืนทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง สุดท้ายก็กลับไปเป็นแบบเดิมอยู่ดี
จงเป็นตัวของตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเองให้มากๆ ค่ะ! อะไรที่ปรับได้ก็ปรับ แต่ด้านที่เป็นสไตล์ เป็นชีวิตของเราจริงๆ เราก็ต้องมีจุดยืน ร้านอาหารร้านนี้ผู้ชายไม่ชอบใช่มั้ย งั้นหาร้านที่ทั้งคู่ชอบ ไม่ใช่ร้านที่ ' เขา ' ชอบคนเดียว
ถ้าเธอไม่ชอบเสื้อผ้าแบบนี้ อันนี้สไตล์เรา เราเปลี่ยนให้ไม่ได้ แต่จะปรับให้ดีขึ้นแล้วกัน แบบนี้ ค่อยๆ คุยค่อยๆ ปรับกันไป ไม่ต้องฝืนตัวเองขนาดนั้น จำไว้นะคะ คนจะรัก ยืนเฉยๆ เขาก็รัก ไม่ต้องพยายามจนไม่ใช่ตัวเองนะคะ
-----------------------------
การใช้เวลาอยู่กับคนที่รักเป็นเรื่องที่ดี อันนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องอยู่ติดกันเป็นตังเมตลอด 24 ชั่วโมง จะในความสัมพันธ์ไหนเราว่าก็เริ่ม ' มากเกินไป ' ด้วยกันทั้งนั้นแหละค่ะ!ความรักที่ดีควรมีช่วงที่อยู่ด้วยกัน อยู่ห่างกัน ต่างคนต้องต่างมีชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่อย่างนั้นจากที่รักและโหยหา จะกลายเป็นความรู้สึกตรงกันข้ามแทน ทั้งเบื่อหน่าย รำคาญ หงุดหงิดอย่าทำตัวว่างมากจนผู้ชายมองว่าเราไม่น่าสนใจ อยากให้เขายังมองเรามีค่า ( และมองตัวเธอเองว่ามีค่า ) ก็ถอยออกมาหนึ่งก้าว แล้วไปใช้ชีวิตซะ อย่าให้ความสัมพันธ์นี้อึดอัดจนต้องเลิกรา แล้วเธอเองจะเป็นฝ่ายที่เจ็บปวดที่สุด ฝากไว้เท่านี้ค่ะ! (o´∀`o)