ไฮค่าา สาวๆSistaCafeผู้พ่ายแพ้ให้กับ ' อาหารอร่อย ' ทุกคน (⁄ ⁄>⁄ ▽ ⁄<⁄ ⁄)สาว ( เคย ) ผอมคนไหนเป็นแบบนี้บ้าง!ช่วงวัยรุ่น มัธยมมหาลัย ไฟมันแรง! กิจกรรมมันเยอะ! กินโหดเป็นพายุแค่ไหนก็หุ่นผอมตรงเป็นไม้บรรทัด น้ำหนักคงที่มาหลายปี พอเรียนจบทำงานบริษัท นั่งหน้าโต๊ะคอมทั้งวันเท่านั้นแหละ ไขมันเริ่มยิ้มทัก แขนใหญ่ขึ้น ต้นขาเริ่มเบียด เดินเหินก็เหนื่อย อืด เดินขึ้นบันไดไม่กี่ก้าวก็หอบแล้ว ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อนเวลาเฟสบุ๊กขึ้นสเตตัสเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เห็นรูปสมัยมหาลัยแล้วมันช้ำใจเหลือเกิน อยากกลับไปผอมแบบนั้นอีก ฮึก ทำไมตอนนี้เราอ้วนแบบนี้นะ TT^TTวัยทำงานเราใช้พลังงานน้อยลง ระบบเผาผลาญแย่ลงก็ส่วนหนึ่ง แต่สาเหตุหลักๆ ที่สาวซิสส่วนใหญ่มักอ้วนขึ้นหลังเรียนจบ เพราะ ' พฤติกรรมการกิน ' ที่ผิดๆ ทำลายสุขภาพมาตั้งแต่เด็กนี่ล่ะค่ะช่วงเรียนเมตาบอลิซึ่มยังแรง ต้องวิ่งขึ้นลงบันได เดินหาตึกเรียน ทำกิจกรรมกับเพื่อน กับคณะอยู่ทุกวัน อาการมันยังไม่ออก แต่ถ้าอยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้ว ยังไม่เลิกทำในบทความนี้ จากสาวอวบจะกลายเป็นสาวอ้วน โละเสื้อผ้าไซส์ S,M ทิ้งยกตู้ไม่รู้ตัว แหนะ! ใครเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ กันแล้ว ก็มาเช็คนิสัยการกินจากด้านล่างนี้ แล้วรีบแก้ไขก่อนสายเกินไปนะคะ! (¬_¬;)
1. กินข้าวมื้อไหน ต้องขอสั่ง 'ไซส์ใหญ่พิเศษ XL' ตลอด กลัวไม่อิ่ม
ทำงานใช้สมองมาเครียดๆ ทั้งวัน เลิกงานเมื่อไหร่ก็พุ่งตัวไปร้านฟาสต์ฟู้ดที่อยู่ใกล้ที่สุดทันทีด้วยความเคยชิน! แทนที่จะสั่งแค่ไซส์ปกติที่แคลอรี่ก็สูงมากอยู่แล้ว ดันเพิ่มไซส์เป็นแบบใหญ่ หรือแบบใหญ่พิเศษให้อ้วนตัวแตกกันไปเลย!
ดูจากขนาดอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเธอรู้ว่าแฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์พวกนี้ทำมาจากอะไร แคลอรี่เท่าไหร่แล้วจะสยอง ให้พลังงานเหมือนกินอาหารสามมื้อในมื้อเดียว ไม่แปลกเลยที่จะอ้วนขึ้น!
ต่อจากนี้ เลิกซะนิสัยชอบเพิ่มไซส์อาหาร ถ้ายังตัดใจกินอาหารคลีนในทันทีไม่ได้ อย่างน้อยก็กินฟาสต์ฟู้ดไซส์ปกติก่อน ถ้ากินหมดแล้วยังหิวก็ดื่มน้ำเปล่าเพิ่ม หรือหาผลไม้กินให้อิ่มแทน
ทำแบบนี้ต่อเนื่องสักเดือน นอกจากดีต่อสุขภาพแล้ว น้ำหนักที่เกินมาก็จะค่อยๆ ลดลงแบบไม่ทรมานด้วยค่ะ
2. ต้องกดสั่ง add on 'เพิ่มชีส', 'เพิ่มซอส', 'เพิ่มครีม' อยู่เสมอ
วิถีเด็กอ้วนพอๆ กับข้อข้างบนเลย! แม้สาวซิสบางคนเป็นผู้หญิงตัวเล็ก กระเพาะไม่ใหญ่มาก ไม่นิยมเพิ่มไซส์ก็จริง แต่คุณเธอไปเพิ่มซอส เพิ่มน้ำสลัด เพิ่มชีส เพิ่มครีมนี่ก็ไม่ไหวเหมือนกันนา!
ถึงจะเห็นเป็นแค่ของเหลวอย่างนั้นน่ะ แคลอรี่ต่อช้อนโต๊ะไม่ธรรมดาเลยเด้อ น้ำสลัดครีมช้อนนึงก็ข้าวครึ่งจานเข้าไปแล้ว ถ้าเพิ่มเข้าไปสัก 3-4 ช้อนโต๊ะในสลัดผัก ในปลานึ่ง ก็ไม่มีทางผอมหรอก #ผักเป็นกระบะก็ช่วยไม่ได้แล้วนะแบบนี้ -_-
อยากผอมลงแบบสุขภาพดี อย่างแรกต้องเลิกเพิ่มแคลอรี่ส่วนเกินเข้าร่างกายก่อน เขาเสิร์ฟมายังไงก็กินไปเท่านั้น ( ถ้ากินซอสไม่หมดก็ยิ่งดี แต่เข้าใจว่าสายกินมันทำยาก เอาแค่ไม่สั่งเพิ่มก่อน )
หรือจะเปลี่ยนชนิดน้ำสลัด จากแบบครีมเป็นแบบซีอิ๊วญี่ปุ่น เปลี่ยนชนิดชีสจากชีสเต็มมันเนยเป็นชีสไขมันต่ำ เพื่อกินได้ในปริมาณเท่าเดิมแต่ลดแคลอรี่ลง ก็ช่วยให้น้ำหนักไม่พุ่งทะยานได้เช่นกัน
3. ขี้เกียจทำกับข้าว ถ้าไม่สั่งเดลิเวอรี่ ก็ซื้อเขากินข้างนอกตลอด
ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่ชอบเข้าครัวทำอาหาร! ยิ่งในวัยทำงานที่เวลาเป็นเงินเป็นทอง กลับบ้านมาก็เหนื่อยแล้ว แค่เวลานอนยังไม่ค่อยพอ นับประสาอะไรกับมานั่งทำอาหารโฮมเมด สุดท้ายก็ลงเอยด้วยเดลิเวอรี่ grab เอย lineman เอย foodpanda เอย กดมาส่งข้าวที่หน้าออฟฟิศทุกเที่ยงเลยจ่ะ
หลังเลิกงานบางทีก็ไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนที่ร้านอาหารข้างนอกต่อ รับแคลอรี่เข้าร่างกายไปแล้วเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีน้ำหนักก็พุ่งสูงปรื๊ดจนกระโปรงตัวเดิมเอวปริแล้ว กรี๊ด!
อาจจะทำใจยากนะ แต่ถ้าอยากผอมลง และไม่เปลืองเงินเยอะเกินกับอาหารคลีนแพงๆ ที่ร้านสะดวกซื้อ สาวซิสต้องหัดทำอาหารเองบ้างแล้วล่ะค่ะ!
มีสักวันที่ไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อผักผลไม้ ขนมปังโฮลวีท ข้าวกล้อง ไข่ไก่สด เนื้อไก่สดมาเก็บไว้ที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องมีสกิลทำอาหารมากมายก็ได้ แค่ต้มทุกอย่างให้สุก แล้วใส่กล่องทัปเปอร์แวร์ทำตุนไว้สัปดาห์ละครั้ง ตอนเช้าก็หยิบจากตู้เย็นไปอุ่นกินที่ทำงานช่วงพักเที่ยง หากกลัวรสจะจืดจนกินไม่ได้ ก็ยังปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย น้ำมะนาวหรือพริกป่นได้
รับรองว่าทำต่อเนื่องสักเดือน นอกจากเงินเก็บจะเยอะขึ้นแล้ว น้ำหนักก็ลดฮวบจนตัวเธอเองยังตกใจเลยล่ะ
4. กินเรื่อยๆ อิ่มแล้วก็ยังไม่หยุด ของยังเหลือตั้งเยอะ เสียดายแย่!
' ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า สงสารบรรดา คนยากคนจน ' เราเชื่อว่าสาวๆ วัยทำงานหลายคนต้องโตมากับคำขวัญเหล่านี้ ซึ่งก็เหมือนจะดูดีที่เราเห็นใจชาวนา แต่ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราว่าสงสารกระเพาะกับไขมันในร่างกายตัวเองก่อนดีกว่า!
แม้อาหารที่เสิร์ฟมาจะจานใหญ่แค่ไหน เราก็ไม่จำเป็นต้องกินให้หมด ไม่ใช่รายการแข่งกิน! ทั้งที่อิ่มจนท้องจะแตก ก็ยังพยายามจะยัดเข้าไปด้วยเหตุผลว่าเสียดายของ สุดท้ายก็ปวดท้องจะอาเจียน แบบนั้นไม่กินตั้งแต่แรกจะไม่ง่ายกว่าเหรอ?
นับจากนี้ไป เลิกนิสัยกินให้เกลี้ยง แล้วกินเท่าที่ร่างกายต้องการก็พอ! แนะนำว่าอย่าเคี้ยวข้าวเร็ว เคี้ยวช้าๆ ไปเรื่อยๆ อย่ารีบจ้วงข้าวใส่ปาก เมื่อเริ่มรู้สึกว่าอิ่มแล้วให้หยุดกินทันที ( กินอิ่มถึง 80% ของกระเพาะ ก็ถือว่าอิ่มพอดีในมื้อนั้นๆ แล้ว ถ้ารู้สึกว่าก็อิ่มแล้วนะ แต่ยังกินได้อีก นั่นแหละวางช้อนได้เลย )
หรือถ้าอยากลดน้ำหนักจริงจัง นับแคลอรี่อาหารในทุกมื้อด้วยก็ยิ่งดี จะได้รู้ว่ากินอะไรเข้าไปเท่าไหร่แล้ว และเตือนสติไม่ให้สาวๆ กินมากเกินไปด้วยค่ะ
5. "เครื่องดื่ม' ก็แค่น้ำ แคลอรี่คงไม่เยอะเท่าไหร่ ดื่มได้ ไม่อ้วนขึ้นหรอก
เสียหายกันมาเท่าไหร่แล้วกับคำว่า ' ก็แค่น้ำ จะไปอ้วนอะไรนักหนา ' น้ำหวาน ชานม กาแฟนี่แหละตัวอ้วนเลย! โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่ชอบซื้อกาแฟตอนเช้าๆ กับช่วงบ่าย ทั้งครีมเทียม ทั้งน้ำเชื่อม บางคนดื่มมากกว่าสองแก้วต่อวันด้วย
เราจึงมักเห็นกระทู้ขอวิธีลดน้ำหนักของวัยทำงาน ที่แค่ดื่มชานมหรือกาแฟ ก็น้ำหนักขึ้นได้ถึงเดือนละ 5 กิโลกรัม อย่าประมาทน้ำตาลในเครื่องดื่มเด็ดขาด อ้วนกว่ากินข้าวขาวอีก บอกไว้เลย!
ลด ละ เลิก เครื่องดื่มทุกชนิดที่ใส่น้ำตาล น้ำหวานซ่าๆ ชานมมันๆ ขอให้ตัดออกจากชีวิตไปเลย เปลี่ยนไปเป็น ' น้ำเปล่า ' แทน จะดีต่อสุขภาพมากที่สุด หรือถ้ายังติดรสหวาน ทำใจดื่มน้ำจืดๆ ไม่ไหว จะนำผลไม้สดมาหมักในน้ำเปล่าเป็น Infused Water หรือน้ำเปล่าแต่งรสที่ใส่สารให้ความหวานแทนก็ได้
แต่เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว พยายามดื่มน้ำเปล่าให้มากที่สุดจะดีกว่า ดื่ม 1 แก้วก่อนตื่นนอน ก่อนมื้ออาหาร และดื่มให้ได้ 8 แก้วต่อวัน รับรองน้ำหนักส่วนเกินหายไปแน่นอน
6. อดมื้อกินมื้อ อดมื้อเช้า มื้อเย็นฟาดเรียบ ทำจนกระเพาะชินไปแล้ว
การอดข้าวอย่างไม่มีหลักการ ไม่ได้ช่วยทำให้ผอม แต่ทำให้ร่างกายเกิดภาวะจำศีล สะสมไขมันและอ้วนขึ้นแทน! สาวๆ บางคนงานยุ่ง ลืมกินมื้อเช้า เลยไปซัดแหลกในมื้อเที่ยงและมื้อเย็น
เอาแค่กาแฟหรือชานมหวานๆ ก็อ้วนแล้ว ไม่นับข้าวกล่องหรือฟาสต์ฟู้ดในชีวิตประจำวันอีก แบบนั้นอดข้าวเช้าก็ไม่ช่วยอะไร พอทำนานจนกระเพาะชิน จะกลับไปกินมื้อเช้าก็อาหารไม่ย่อย เป็นโรคกระเพาะ กรดไหลย้อนเพิ่มอีก โอ๊ย ชีวิต!
เพื่อให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีที่สุด อย่าอดมื้อกินมื้อเป็นอันขาด! ควรตั้งบรรทัดฐานไว้ที่ 3 มื้อต่อวัน โดยเฉพาะมื้อเช้าที่เป็นมื้อแรกของวัน ควรกินอาหารที่มีประโยชน์และสารอาหารเยอะที่สุดในมื้อนั้น
เมื่อเราเติม ' เชื้อเพลิง ' ในมื้อแรกไว้ดีแล้ว เราก็จะควบคุมตัวเองได้มากขึ้นในมื้อต่อๆ ไป ไม่ตบะแตก ทั้งนี้ ถ้ากลัวจะหิวระหว่างวัน จะแบ่งเป็น 5 มื้อย่อยๆ แล้วเพิ่มมื้อว่างเป็นถั่ว ธัญพืช หรือผลไม้สดก็ได้ค่ะ
7. สุขก็กิน เศร้าก็กิน เครียดก็กิน จะฟีลลิ่งไหนก็ไม่เคยขาดอาหาร!
ผู้หญิงมากมายที่เอาชีวิตไปผูกติดกับการกิน เชื่อว่าการกินทำให้มีความสุข! ( เราเองก็หนึ่งในนั้น ) ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน ก็หาเรื่องฉลอง หาของกินได้ตลอด เหนื่อยก็กิน เครียดก็กิน เศร้าก็กิน ยิ่งมีความสุขยิ่งกินจนกระเพาะต้องร้องขอชีวิต
แต่พฤติกรรมแบบนี้จะทำให้มีปัญหาในอนาคตแน่ๆ เมื่ออายุมากขึ้น เผาผลาญได้ไม่ดีเท่าเดิม แต่เรายังหยุดกินไม่ได้ โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันถามหา 100% ไม่ต้องสืบ!
นับจากนี้ขอให้จัดระเบียบชีวิตใหม่ รู้ทันอารมณ์ตัวเองให้ได้ จงกินแค่ตอนที่ ' หิว ' และกินแค่พอดีอิ่ม กินเท่าที่ร่างกายต้องการ อย่ากินเพียงเพราะตอบสนองกิเลสของตัวเอง
เพราะอารมณ์เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จะมาบ่อยแค่ไหนก็ได้ แต่กระเพาะเรามีขนาดจำกัด แคลอรี่ที่เผาผลาญได้ก็จำกัด ถ้าไม่คุมปริมาณเลย น้ำหนักก็มีแต่จะเด้งขึ้น จนวันนึงที่อ้วนจนเป็นโรค จะรักษาให้เหมือนเดิมก็ยากแล้ว
ดังนั้นตัดไฟแต่ต้นลมเสียตั้งแต่ตอนนี้ เปลี่ยนจากการกินเป็นการคลายเครียดด้วยวิธีอื่นๆ แทน เช่น ดูหนัง อ่านหนังสือ เดินเล่น คุยกับเพื่อนแทนจะดีกว่า
----------------------------------------
ไหนมาเช็คชื่อซิ! ใครที่เคยผอมเพรียวสมัยมัธยม มหาลัย แต่เริ่มอ้วนขึ้นช่วงทำงาน และมีนิสัยการกินทั้ง 7 ข้อนี้รวมกันบ้าง สารภาพมาด่วนๆ! เราเข้าใจความสุขของสายกินนะคะ เวลาทำงานมาเหนื่อยๆ กินอาหารอร่อยๆ ให้เต็มอิ่มมันก็ฟินอยู่แหละ แต่ด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น ร่างกายเราอ่อนแอลง ไม่เหมือนตอนเด็กๆ แล้ว ต้องใส่ใจตัวเองมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากสุขภาพพังค่ะซิส!เพื่อเลี่ยงปัญหาไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดัน และน้ำหนักเกินเกณฑ์ที่จะตามมาในอนาคต เธอควรเริ่มปรับพฤติกรรมตามใจปากเสียตั้งแต่วันนี้ หัดออกกำลังกายจริงจัง กินอาหารคลีน ผักผลไม้สดบ้าง แม้จะไม่อร่อยรสเลิศเหมือนแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด ชาบูปิ้งย่างที่สาวๆ โปรดปราน แต่ดีต่อสุขภาพร่างกาย และช่วยประหยัดค่ายา ค่าหาหมอเมื่ออายุมากขึ้นอย่างแน่นอน เริ่มเปลี่ยนเสียตั้งแต่วันนี้ จะได้มีอายุยืนแบบไม่ทรมานนะคะ สู้ๆ ทุกคนทำได้! ヽ(♡‿♡)ノ