รูปภาพ:https://media.giphy.com/media/j5KuRHfMMuOVm9yNko/giphy.gif

สวัสดีค่าาา สาวๆSistaCafeคนอยากหน้าใสทั้งหลาย!ผิวหน้าเป็นส่วนที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้หญิง แม้จะเป็นพื้นที่ส่วนเล็กๆ บนร่างกายแต่ตัดสิน First Impression ของคนคนหนึ่งได้เลย จะมองว่าคนนี้ดูแลตัวเองไหม สวยไหม ดูมีออร่าไหมก็มาจากผิวหน้าเป็นหลัก จึงมีสาวๆ มากมายที่ทุ่มทุนซื้อสกินแคร์หลักหมื่น ( บางคนหลักแสน... ) เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวเนียนนุ่มสดใสดูเด้งกว่าวัยมากที่สุดบางคนศึกษาวิธีนวดหน้า ทาครีมซะมากมาย แต่มาตกม้าตายที่ขั้นตอนแรกสุดอย่าง ' การล้างหน้า ' ล้างลวกๆ รอบเดียวแล้วลงครีมเลย ทั้งที่หน้ายังมีสิ่งสกปรกตกค้างเพียบ แบบนี้หน้าใสก็แปลกแล้ว!จะสกินแคร์ราคาแพงขายบ้านขายรถซื้อขนาดไหน ถ้าพื้นฐานหลักๆ อย่างสภาพผิวไม่สะอาดพร้อมรับสารอาหารจากครีม เซรั่มเหล่านั้นก็ไร้ค่า! ถ้าศึกษาทริคของผู้เชี่ยวชาญสายบิวตี้จริงๆ แล้วล่ะก็ จะรู้ว่าขั้นตอนการล้างหน้ามีดีเทลเยอะมาก ต้องใส่ใจทุกๆ รายละเอียดบนผิว และมีไอเทมช่วยทำความสะอาดให้หมดจดมากกว่าแค่โฟมล้างหน้าหลอดเดียวอย่างแน่นอน!ถ้าอยากใช้งานประสิทธิภาพสกินแคร์ที่ซื้อมาให้เต็มที่ ก็มาอ่าน' 7 ทริคล้างหน้าให้ล้ำลึกถึงรูขุมขน 'แล้วนำไปทำตามกันได้เลยน้า ไม่หวงสูตรค่าาา

1. ใช้ 'มาส์กโคลนสูตรเนื้อแมตต์' ควบคุมความมันบนใบหน้า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d1d05a248c2425cd16172274143f6043.jpg

การทำความสะอาดผิวหน้า ไม่ได้จำกัดอยู่ที่คลีนซิ่งโฟมเท่านั้น แต่หมายถึงขั้นตอนเสริมอย่าง' มาส์กหน้า 'ด้วย หากปกติสาวๆ มักเจอปัญหาหน้ามันระหว่างวัน หรือตื่นมาหน้าก็มันเยิ้มแล้วทั้งที่ไม่ได้ทาครีมโบกหนาแต่อย่างใด แปลว่าต่อมไขมันของเธอทำงานดีเกินไปหน่อย..เราแนะนำให้ใช้' มาส์กโคลนพอกหน้า 'เพราะเขามีคุณสมบัติช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ทำให้ใบหน้าแมตต์กำลังพอดี ไม่ทำให้หน้าเงาวาวจนน่าเกลียดค่ะวิธีใช้มาส์กโคลนก็ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงล้างหน้าให้สะอาด หลังจากนั้นใช้ช้อนหรือที่ตักแบบสปุลลี่ ทาปาดให้ทั่วทั้งผิวหน้า โดยเกลี่ยเป็นชั้นเลเยอร์เท่าๆ กัน ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วจึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นนิดๆ ( lukewarm water ) และคลีนซิ่งโฟมสูตรที่เหมาะกับผิวจากนั้นตามด้วยเซรั่มและเดย์ครีม / ไนท์ครีมได้ตามปกติ ใช้เป็นประจำ 3 ครั้ง/สัปดาห์ ผิวจะมันน้อยลงจนรู้สึกได้ ไม่เมือกระหว่างวันแน่นอน

2. ผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วย 'สครับ' อย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/57665315130ebdeb3145227cb6c705b8.jpg

ที่ผิวหน้าของสาวๆ มักเกิดสิว บางครั้งแค่ใช้คลีนซิ่งโฟมอย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะคลีนซิ่งบางตัวไม่สามารถดึงน้ำมันส่วนเกิน เหงื่อ คราบเมคอัพที่ตกค้าง ฝุ่นอนุภาคเล็กต่างๆ รวมถึงเซลล์ผิวเก่าที่ร่างกายผลัดเปลี่ยนทุก 28 วันออกไม่หมด


แม้มองเผินๆ ผิวอาจดูสะอาดแล้วก็ตาม แต่ที่จริงชั้นในมีการสะสมสิ่งสกปรกเพิ่มมากขึ้นจนเกิดการอุดตัน สุดท้ายก็สิวบุกตามธรรมเนียม

เราจึงแนะนำสาวๆ ให้ใช้ ' สครับ ' เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งการใช้สครับยังขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก นำขี้ไคลและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ทำให้ผิวสะอาดหมดจด ดูโกลว์สุขภาพดีอย่างแท้จริง ใช้เป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพผิว


หากเป็นคนผิวแพ้ง่าย ก็มีสครับสูตรอ่อนโยนมากมายให้เลือกซื้อ หรือจะทำเองแบบโฮมเมด เป็นวาสลีนผสมน้ำผึ้งและน้ำตาล แต่ใส่น้ำตาลเกล็ดละเอียดๆ และอัตราส่วนน้อยหน่อย เพื่อไม่ให้บาดระคายเคืองผิวมากเกินไปค่ะ

3. ใช้โฟมล้างหน้า 'สูตรถ่านดำชาร์โคล' ดีท็อกซ์ผิวให้สะอาดใส

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3ad346b58f8b4909e5042e6e03b5c042.jpg

หากเป็นคนผิวค่อนข้างสกปรกและมันง่าย โฟมล้างหน้าสูตรที่ recommend สุดๆ คือ ' ถ่านดำชาร์โคล ' ค่ะ! เพราะชาร์โคลขึ้นชื่อเรื่องการดูดซับความมันส่วนเกิน ดูดจับสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน เศษซากเซลล์จากรูขุมขนได้ดีสุดๆ เหมือนติดแม่เหล็กอย่างไรอย่างนั้น

อีกคุณสมบัติที่ว้าวสุดๆ คือช่วยดีท็อกซ์สารพิษที่ตกค้างบนผิว ให้หน้าสะอาดใสหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวแห้งอีกด้วยค่ะ!

ทริคลับที่อยากบอกต่อคือ หากนำคลีนซิ่งชาร์โคล ผสมกับส่วนผสมที่ช่วยละลายสิ่งอุดตันรูขุมขนอย่าง ' salicylic acid ' ที่ใช้กับสกินแคร์รักษาสิว ชาร์โคลจะยิ่งทำหน้าที่เป็นฟองน้ำที่ดูดซับสิ่งสกปรกบนผิวออกมาได้มากขึ้นใครชอบโดนล้อว่าหน้ามันจนกระทะทอดไข่ได้ เจ้าถ่านดำตัวนี้แหละคือคำตอบ ผิวจะแมตต์มากขึ้น มันน้อยลงจนเพื่อนทักแน่นอน!

4. ทำความสะอาด 'สองรอบ' ( Double Cleansing ) ให้ผิวสะอาดล้ำลึก

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0d1cf9f3021039c5f574856c0323fee4.jpg

ในยุคนี้เราต้องเจอทั้งฝุ่นควัน มลภาวะ สิ่งสกปรกมากมาย อาหารการกินก็มีส่วนให้น้ำมันส่วนเกินบนผิวเยอะขึ้น รูขุมขนอุดตันง่าย การทำความสะอาดครั้งเดียวจึงไม่พออีกต่อไป


ต้องทำให้ผิวสะอาดอย่างน้อยสองรอบ หรือที่เรียกว่า Double Cleansing นั่นเอง เพื่อให้หน้าเกลี้ยงเกลาไร้สิ่งตกค้างจริงๆ ค่ะ

ถ้าไม่อยากมีขั้นตอนเยอะ จะใช้แค่โฟมล้างหน้าตัวเดียวล้างสองรอบก็ได้ แต่ถ้าผิวแห้ง กลัวล้างเยอะหน้าจะหยาบกร้านเกินไป แนะนำให้รอบแรกเช็ดด้วยคลีนซิ่งสูตรไมเซลลาร์ชุบสำลี


เพื่อกวาดคราบสกปรกต่างๆ ออกมาก่อน เรียกความสดชื่นให้ผิวโดยไม่ระคายเคืองหน้า เพราะปาดเดียวก็เรียบร้อย ไม่ต้องถูซ้ำ! หลังจากนั้นจึงตามด้วยคลีนซิ่งโฟมตามปกติได้เลย

5. ใช้ 'อุปกรณ์' ทำความสะอาดรูขุมขน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ab4f0b9b9c828556b394e106f192c984.jpg

สำหรับสาวๆ ที่สนใจในเทคโนโลยีล้างหน้า อยากลองอะไรใหม่ๆ ที่ทำให้หน้าสะอาดใสขึ้นกว่าเดิม ใช้มือทำความสะอาดอย่างเดียวไม่ตอบโจทย์ ยุคนี้ก็มีนวัตกรรมที่เรียกว่า ' เครื่องล้างหน้า ' แบบอิเล็กทรอนิกส์


สามารถตั้งโปรแกรมล้างในมือถือได้ ทำความสะอาดง่าย ใช้ง่ายแค่กดปุ่มเปิด แล้วถูให้ทั่วผิวหน้าเบาๆ ระบบสั่นของเครื่องจะทำให้สิ่งสกปรกหลุดออกมาอย่างง่ายดายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องมานั่งขัดถูเอง หลายคนก็บอกว่าเวิร์คจริง!

ทั้งนี้ราคาของ gadget พวกนี้ก็ค่อนข้างสูง ถ้าอยู่ในงบที่จ่ายไหว เงินเหลือๆ ก็น่าลอง แต่ถ้ายังเรียนอยู่หรืองบน้อย เครื่องเหล่านี้ก็ยังถูกจัดอยู่ในหมวดฟุ่มเฟือย ไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตอะไรขนาดนั้น

ใช้มือนวดวนนานๆ หน่อย ตั้งใจใช้เวลาดูแลผิวสักนิดก็มีผิวสะอาดกิ๊งได้ อีกทั้งแต่ละคนก็ตอบสนองกับเครื่องไม่เหมือนกัน บางคนแพ้ง่ายใช้เครื่องยิ่งกระตุ้นสิว หรือผิวระคายเคืองมากขึ้นก็มี

6. ไม่ควรใช้ 'แผ่นลอกสิวเสี้ยน' บ่อยเกินไป รูขุมขนจะกว้าง!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1e4ba0ede125d32fcf8014d66df9f1ba.jpg

วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ น่าจะเคยผ่านการลอกสิวเสี้ยนจมูกด้วยตัวเองผ่าน ' แผ่นลอกสิว ' กันมาแล้วเกือบทั้งนั้น ยิ่งตอนลอกออกมาแล้วเห็นหัวสิวสีขาวๆ กับสิวหัวดำออกมาเยอะเท่าไหร่ยิ่งสะใจ ( แม้ตอนลอกจะแอบสะดุ้งนิดนึงก็ตาม )

ข้อดีคือมันก็ช่วยแก้ปัญหาจมูกสตรอว์เบอร์รี่ ดึงสิ่งสกปรกจากรูขุมขนได้เร็วจริงๆ นั่นแหละ แต่ผลข้างเคียงก็มีหลายอย่างเหมือนกันค่ะ

นอกจากทำให้ผิวบริเวณจมูกและข้างจมูกทั้งสองด้านระคายเคือง แดงได้ง่ายแล้ว หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผิวส่วนนั้นจะรูขุมขนกว้างอย่างถาวรและเห็นได้ชัดมาก


ถึงใช้สกินแคร์กระชับรูขุมขนก็รักษาไม่หาย 100% ต้องไปเลเซอร์ ( ซึ่งไม่แน่ว่าเลเซอร์จะช่วยได้ทั้งหมดหรือเปล่าด้วย ) จึงไม่ควรใช้บ่อยจนเกินไป หรือใช้เป็นสครับ มาส์กดูดสิวแบบพอกเฉพาะที่จะดีต่อสภาพผิวมากกว่า

7. ใช้โทนเนอร์แบบแผ่น สูตรผสม 'กรดผลไม้ (Glycolic Acid)'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/dba4a2dd7f21696b946651612325ffd4.jpg

อีกไอเทมที่ทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึก อยากให้สาวๆ ได้ลองใช้ คือโทนเนอร์แบบแผ่น ( Peeling Pads ) ที่อยู่ในลักษณะกระปุกกลม ข้างในเป็นสำลีแผ่นแบบสองด้านที่ชุบโทนเนอร์มาแล้ว ใช้ง่าย เช็ดแล้วสดชื่นผิว


แนะนำให้เลือกสูตรที่มีส่วนผสมของ AHAs อย่าง glycolic acid หรือกรดผลไม้อ่อนๆ ที่ให้ผลลัพธ์เหมือนใช้สครับผิว ทำให้ผิวสดชื่น เฟรชขึ้นกว่าเดิม แต่อ่อนโยนกว่าสครับแบบปกติค่ะ

เพียงหยิบหนึ่งแผ่นจากกระปุก แล้วรีบปิดฝากันโทนเนอร์ระเหย ค่อยๆ เช็ดไล่ไปตามผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ด้วยส่วนผสมของกรดไกลโคลิก จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าชั้นบนสุด ทำให้ผิวหน้าโดยรวมเนียนขึ้น กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่

อีกทั้งยังช่วยรักษารอยดำ รอยสิว ลดรอยแผลเป็นได้ หากใช้อย่างต่อเนื่อง ถ้ายังไม่เคยใช้ บอกเลยว่าตัวนี้เด็ด ผิวอ่อนเยาว์ หน้าเด็ก ผิวนุ่ม ลดริ้วรอยและลดสิวเกิดใหม่ได้อีกด้วย!

รูปภาพ:https://media.giphy.com/media/j5KuRHfMMuOVm9yNko/giphy.gif

------------------------------------

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว โลกแห่งการล้างหน้าของสาวซิสจะต้องเปลี่ยนไป! บางคนอาจเพิ่งถึงบางอ้อว่าทำไมเพิ่งได้รู้ ถึงว่า ประโคมสกินแคร์ยังไงหน้าก็ยังมีสิว หรือไม่ใสเปล่งปลั่งเท่าที่ควรเสียที อาจเพราะเธอละเลยหรือไม่รู้ว่าควรทำความสะอาดเพิ่มเติมในขั้นตอนใด บางทีล้างหน้าสะอาดเนี้ยบ บำรุงดี แต่ไม่เคยสครับหน้าเลย ก็อาจทำให้เกิดสิวได้ เพราะเซลล์ผิวเก่าที่ไม่ขัดออกไปรวมตัวกับแบคทีเรียบนหน้าจนเกิดเชื้อสิว หรือการกระตุ้นให้ผิวไบรท์กว่าที่เคยด้วย Glycolic Acid ก็เป็นออฟชั่นทางเลือกที่ช่วยเคลียร์สิ่งสกปรกบนรูขุมขนเหมือนสครับ แต่ให้ความไบรท์และสดชื่นกว่า เป็นต้น

ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปปรับใช้กับ Skincare Routine ของตัวเองกันดู รับรองว่าสภาพผิวหน้าจะดูดีขึ้นจนคนรอบข้างทักแน่นอน อย่าลืมแชร์สูตรหน้าใสกับเพื่อนๆ หรือคุณแฟนด้วยน้า จะได้หน้าใสไปด้วยกันค่ะ

(♥ω♥ ) ~♪