สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeที่กำลังก้าวผ่าน' ช่วงวัยรุ่น 'ทุกคน ✧แม้จะอยากหลีกหนีความจริงแค่ไหน แต่สุดท้ายวัยรุ่นทุกคนก็ต้องก้าวผ่านจากวัยสนุกสนาน เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ ยังไม่รู้ประสีประสา ลองผิดลองถูกมากมาย เติบโตเข้าสู่ ' วัยผู้ใหญ่ ' ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอย่างเต็มตัวมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และตระหนักเพิ่มขึ้นทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง เพื่อให้ได้รับความนับถือ ไว้เนื้อเชื่อใจจากสังคม สาวๆ บางคนปูทางมาดีแล้วตั้งแต่ยังเด็ก มีคนอบรมสั่งสอน มีตัวอย่างมากมายให้ได้เห็น จากดอกไม้ตูมจึงกลายเป็นดอกไม้ที่ผลิบานได้อย่างงดงามแต่สำหรับบางคน คำว่าผู้ใหญ่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ ' ไกลตัว ' เอามากๆ ไม่รู้ว่าวันนึงที่ต้องรับบทบาทนี้เต็มตัว เช่น สลัดชุดนักศึกษากลายมาเป็น First Jobber จะปรับตัวให้เข้ากับสังคมภายนอกในโลกความจริงได้อย่างไร?เพราะการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีหรือไม่ดี อยู่ที่ mindset เป็นอันดับแรก เราจึงขอสาวๆ มาอ่าน' 7 วิธีเปลี่ยนแนวคิด ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มีความรับผิดชอบ เป็นคนที่ใครๆ ก็เคารพ 'ในบทความนี้ เพื่อสลัดความไม่รู้ในวัยเยาว์ เป็นสาวเต็มตัวพร้อมรับบทเรียนใหม่ๆ ในชีวิต จะมีอะไรบ้างเราไปดูกันเลยค่ะซิส (´。• ω •。`) ♡

1. ตั้งเป้าหมายในชีวิตที่อยากไปถึง ' ให้ชัดเจนและเด็ดเดี่ยว '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3879a2c6c6552fdad503272e9dd981f9.jpg

ตอนที่เธอยังเด็ก อาจจะยังใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง ล่องลอยไปเรื่อยๆ แบบไร้จุดหมายได้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัว เธอต้องเริ่มโฟกัส ' อนาคต ' ตัวเองอย่างจริงจังได้แล้วว่า

อยากพาตัวเองไปถึงจุดไหน? มีความฝันที่อยากทำไหม? จุดสูงสุดในชีวิตที่คิดไว้คืออะไร และต้องมีสกิล มีคอนเนกชันอะไรบ้างที่จะไปให้ถึงจุดนั้น?

ถ้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย ให้ตอบทันทีก็คงยาก แต่ถ้าอายุใกล้จะโบกมือลาวัยเรียนเต็มที คิดๆ ไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่าค่ะ

ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นความฝันหรูเริ่ด มีเงินในบัญชีร้อยล้านพันล้าน ต้องเที่ยวรอบโลก ต้องเป็นเจ้าของกิจการเสมอไป

บางทีความฝันของเธออาจเป็นแค่

' ใช้ชีวิตอย่างสงบๆ เรียบง่ายและมีความสุขจนกว่าจะจากไป '


ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าลืมว่าในโลกความจริง จะมีชีวิตที่นิ่งได้ เงินในบัญชีก็ต้องมีเพียงพอเสียก่อนในโลกทุนนิยมเช่นนี้ แล้วเธอจะทำงานอะไร ลงทุนแบบไหนให้ไม่ต้องดิ้นรนได้นั่นแหละคือ ' เป้าหมาย ' ที่เธอต้องขีดเส้นใต้ให้ชัด แล้วก้าวขึ้นไปอย่างเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น


เมื่อเรามีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเพื่อไปให้ถึง เราจะไม่ท้อหรือเคว้งกลางทาง เลี่ยงอาการ midlife crisis หรือ burnout ที่มาจากการตั้งเป้าหมายไว้ไม่ชัดเจนในอดีตนั่นเองค่ะ

2. พูดให้น้อยลง ฟังให้มากขึ้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6651b0de03119f1e8a8a333a3c02d091.jpg

นิสัยอย่างนึงที่ค่อนข้างแยกได้ชัดว่าใครเป็นเด็ก ใครเป็นผู้ใหญ่ ( ที่ดี ) ก็คือ' ผู้ใหญ่จะฟังมากกว่าเด็กเสมอ 'คนส่วนใหญ่มักอยากเป็นผู้พูดมากกว่าผู้ฟัง จะสังเกตว่าในวงสนทนาทั่วๆ ไป หรือแม้แต่ในสัมมนาวิชาการ ถ้าไม่แบ่งบทบาทหน้าที่คนพูดให้ดี ก็จะเกิดอาการแย่งกันพูด

เสียงตีกันไปมา เหมือนแข่งกันว่าใครจะพูดได้เยอะและนานที่สุด สุดท้ายก็ไม่มีใครฟังเนื้อหาหรือสนใจจุดประสงค์ในการคุยจริงๆ สักคน ซึ่งในวัยผู้ใหญ่มันช่างเป็นอะไรที่เสียเวลา และเสียอารมณ์เอามากๆ เลยละค่ะ

เริ่มบทเรียนการเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการทำตัวเป็น' ผู้ฟังที่ดี 'ให้มากขึ้น ถ้ามีคนที่กำลังพูดอยู่ ไม่ว่าจะคุยกันสองต่อสองหรือแบบกลุ่ม จะแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ รอให้เขาพูดจบประโยคก่อน อย่าพูดแทรก อย่าผ่ากลางปล้อง เป็นนิสัยที่บ่งบอกว่ายังไม่โตมากๆ

ตอนเด็กคนอาจจะยังไม่ถือสา  แต่ถ้าโตแล้วไม่มีใครมาตำหนิต่อหน้าหรอก แต่เขาจะมองว่าคนนี้พฤติกรรมน่ารังเกียจแทน ดังนั้นจงฟังให้มากกว่าพูด และสนใจที่จะฟังจริงๆ ไม่ใช่เอาหูทวนลม แล้วเธอจะพบว่า การคุยบางหัวข้อไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อหรือทะเลาะกันเลย ถ้าตั้งใจฟังตั้งแต่แรกค่ะ

3. ข่มใจ ควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ แม้ในใจจะรู้สึกแบบไหนก็ตาม

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/13937c97db216d46cfe1b3af890c089c.jpg

เรื่องนี้ค่อนข้างสำคัญมากหากต้องการเติบโตเป็นผู้ใหญ่' ที่มีคุณภาพ 'เธอต้องเรียนรู้ว่า ในโลกภายนอกนั้นคนเราไม่สามารถพูดทุกสิ่งในใจออกไปได้ แม้จะบอกว่าเป็นคนตรงๆ ไม่เฟคแค่ไหน แต่ในวัยทำงาน บางอย่างก็ต้องเคารพ ให้เกียรติผู้อื่น มีมารยาทสังคม

หากพูดสิ่งที่อาจจะจริง แต่ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกคนอื่นอย่างมาก ( หรือเรียกง่ายๆ ว่าหักหน้า ) คนจะไม่ได้มองว่าเธอเท่หรือเป็นฮีโร่ แต่จะมองว่าเธอไร้มารยาท หรือไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งอาจกระทบต่อโอกาสทางหน้าที่การงานของเธอได้เลยค่ะ

ดังนั้นเมื่อเข้าสู่โลกความเป็นจริงแล้ว ถ้าต้องประชุมงาน คุยกับคนแปลกหน้า ลูกค้า เจ้านาย หรือคนที่จะมีผลต่อการงาน ภาพลักษณ์ของเรา ต้องหัด ' ข่มใจ ' เก็บสีหน้า เก็บอารมณ์ แสดงความเป็นมิตรเสมอแม้ในใจจะอยากกรี๊ด ร้องไห้ หรือไม่ชอบหน้าฝ่ายตรงข้ามแค่ไหนก็ตาม

ต้องก้าวผ่านตรงนั้นและแสดงความเป็นมือโปรออกมาให้ได้ ช่วงแรกอาจจะยากหน่อย แต่ในระยะยาวเชื่อเถอะว่า คนที่ควบคุมตัวเองได้ มีเครดิตดีกว่าคนที่เอะอะก็น็อตหลุด กรีดร้อง ด่าหยาบๆ คายๆ ให้คนระอาอย่างแน่นอน

4. รับฟังและเคารพในการตัดสินใจของคนอื่น แม้จะไม่ถูกใจเธอก็เถอะ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/40a015d216b4a51b78f32b3ac93157b0.jpg

อีกนิสัยที่แสดงถึงความไม่โต คือความคิดประเภท' โลกหมุนรอบตัวเอง 'ความคิดของฉันดีที่สุดในโลกหล้าแล้ว ทำไมต้องฟังคนอื่นด้วย ถ้ายึดมั่นถือมั่นแค่ตัวเองยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าลามไปถึงเจ้ากี้เจ้าการ วิจารณ์ไลฟ์สไตล์ การดำเนินชีวิตของคนอื่นด้วยมาตรฐานของตัวเองด้วยแล้วนั้น ชักไม่ใช่ละ!

หนึ่งคือไปตัดสินเขายังไง เขาก็ใช้ชีวิตอย่างที่เขาชอบอยู่ดี ไม่มีอะไรเปลี่ยน และสอง มันบ่งบอกว่าเธอล้ำเส้นชีวิตคนอื่น ซึ่งไม่มีใครอยากโดนครอบงำหรอก เธอเองยังไม่อยากให้คนมาจ้ำจี้จ้ำไชตัวเองเลย จริงไหมล่ะ

อยากเป็นผู้ใหญ่ที่ใครๆ ก็เคารพ ต้องเปิดใจให้กว้างและเป็นกลางให้มากที่สุด อย่ามองทุกคนด้วยพื้นฐานที่ตัวเองรับรู้ และมีความเชื่อมาเพียงอย่างเดียว เพราะโลกใบนี้มันกว้างใหญ่กว่านั้นมาก ทุกคนมีประสบการณ์มาต่างกัน จึงไม่แปลกที่เขาจะเลือกทางเดินต่างจากสิ่งที่เธอคิด


ขอแค่ให้เกียรติกันและกัน เราทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข! กฎนี้ใช้ได้ตั้งแต่คนแปลกหน้า คนรู้จัก รวมถึงเพื่อนสนิท พ่อแม่และคนรักในอนาคตได้เลยค่ะ

5. ยอมรับในสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ' ที่ควบคุมไม่ได้ ' ของโลกใบนี้

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9fe343575c4911081453a3d3a6cb0537.jpg

ความจริงของโลกที่เธอต้องทำใจยอมรับ เมื่อก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ก็คือ' เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ 'บางเรื่องถ้ามันจะเกิดขึ้น มันก็จะเกิดขึ้น ไม่ว่าเธอจะดีใจหรือไม่ก็ตาม มีทั้งเหตุตามธรรมชาติที่ยับยั้งไม่ได้ เช่น ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ตึกถล่ม น้ำท่วม การเกิดแก่เจ็บตาย


และเหตุที่เป็นระดับที่ใหญ่เกินตัวเธอคนเดียวจะแก้ไขได้ เช่น ความไม่สงบของดินแดน ปัญหาการวางผังเมือง หรือแม้แต่เรื่องง่ายๆ เช่น ความรัก ที่เธอบังคับใครให้รักเธอไม่ได้นั่นแหละ

สิ่งที่ทำได้ ไม่ใช่ว่ายอมรับแล้ว ' ยอมแพ้ ' ไม่ใส่ใจ ไม่คิดถึงประเด็นเหล่านั้นอีกต่อไป แต่หมายถึงการถอยห่างออกมาหลายๆ ก้าว รับฟังมุมมองจากหลายฝ่ายให้มากที่สุด คิดและวิเคราะห์ให้ดี แล้วแก้ปัญหาอย่างระมัดระวัง


บางอย่างแก้ที่ต้นเหตุได้ก็ค่อยๆ แก้ไป แต่ถ้าบางปัญหาเกินตัวเราจะแก้ไข ก็อาจต้องแก้ที่ตัวเราแทน เช่น ถ้าบ้านน้ำท่วม เรายังยกของขึ้นที่สูงได้ ถ้าไฟไหม้บ้าน เรายังสร้างบ้านใหม่ได้ แต่ถ้าเขาไม่รัก ก็อย่าไปดึงดัน ทำใจแล้วมูฟออนออกมาน่าจะง่ายกว่า เป็นต้น

6. เปิดใจ มองโลกในแง่ดี คิดบวกในทุกสถานการณ์ ( แต่ยังนึกถึงความเป็นจริง )

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/790b873b2d6b77ca895a136961aafa22.jpg

สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เธอได้เติบโตก้าวไปอีกขั้นแล้วจริงๆ ก็คือ' รู้จักคิดแบบปรับมุมมอง หาข้อดีได้แม้ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุด 'คนที่มี mindset ทุกอย่างในแง่ลบตลอดเวลา โทษทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นตัวเอง


นอกจากมีออร่าหม่นหมองที่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้แล้วนั้น ยังแสดงให้เห็นว่ามุมมองของเขาค่อนข้างแคบ ยังเป็นเด็กอยู่นั่นแหละว่าง่ายๆ พออารมณ์เสีย ก็คิดหาทางแก้ไม่ออกอีกต่างหาก

แต่ในทางกลับกัน การมองโลกในแง่บวก พยายามหาข้อได้เปรียบ ข้อคิดหรือบทเรียนจากสถานการณ์ไม่ดี แต่ยังอยู่ในขอบเขตความเป็นจริง จะบ่งบอกว่าเธอเป็นคนที่สามารถพึ่งพาได้ เพราะคนที่คิดดีจะจิตใจแข็งแกร่ง ไม่ล้มง่ายๆ

และไม่ทำให้บรรยากาศโดยรวมเสีย แต่จะเป็นฝ่ายให้กำลังใจ cheer up แทน ดีต่อสุขภาพจิตทั้งตัวเธอเองและผู้อื่น เมื่อจิตใจยังแจ่มใส ก็คิดหาวิธีแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ

7. หลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ อิจฉาริษยา นินทาผู้อื่น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/eb7d33f922b35ad23edb331a24d08465.jpg

ข้อสุดท้าย อยากจะเตือนสาวซิสทุกคนที่กำลังอ่านอยู่ว่า คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ อยู่ได้สบายๆ เป็นที่เคารพนับถือในสังคมภายนอกนั้น เธอต้องมีคุณสมบัติหนึ่งคือ' ไม่ขี้นินทา อิจฉาริษยา หรือขี้แซะคนอื่น '


เพราะนั่นคือนิสัยเด็กๆ ที่เด็กมัธยม มหาลัยเขาทำกัน เมื่อก้าวสู่วัยทำงานเต็มตัว เพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพการงานและสุขภาพจิตของเธอเอง ควรโฟกัสที่ความสามารถและผลงานในแต่ละวันของตัวเอง ดีกว่าหาเรื่องจ้องจับผิดคนอื่นจะดีมากๆ ค่ะ

ทั้งนี้ก็อยากให้ทำใจยอมรับไว้อย่างนึงว่า แม้เราจะไม่นินทา ไม่ด่าคนอื่น แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าคนอื่นจะไม่นินทาเรา เช่นคนที่ทำงานเดียวกัน คนข้างบ้าน หรือคอมเมนต์ toxic ในอินเทอร์เน็ต ยิ่งถ้าเธอมีอะไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น ก็อาจเป็นเป้าหมายของพวกปากหอยปากปูที่มีนิสัย' ยังไม่โต 'เหล่านั้น


ซึ่งก็จะตรงกับข้อ 5 ที่ว่าเราควบคุมทุกอย่างบนโลกไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าโชคร้ายต้องเจอจริงๆ ก็นิ่งไว้ เก็บอารมณ์ให้ดีที่สุด อันไหนปล่อยได้ปล่อย อันไหนล้ำเส้นมากๆ ก็จัดการไปตามระเบียบบริษัทหรือกฎหมาย จะเป็นการแก้แค้นที่ดีที่สุดค่ะ

--------------------------------------

คนแต่ละคนเติบโตมาในบริบทแวดล้อมที่แตกต่างกัน บางคนถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่เร่งกระตุ้นให้เขาเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว แต่บางคนก็สามารถใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่ต้องปรับนิสัย ไม่ต้องคิดอะไรใหม่ๆ แม้อายุยังเยอะแล้ว นิสัยและการใช้ชีวิตก็ยังเด็กอยู่ ซึ่งถ้าชีวิตมีแต่ครอบครัว ( ที่ยอมเธอตลอด ) ก็คงไม่มีปัญหา แต่คนเราสักวันหนึ่งก็ต้องโดนตัดปีก ตัดหาง ปล่อยสู่โลกความจริงอยู่ดีค่ะ ไม่วันที่อายุ 30 ก็วันที่อายุ 50-60 ที่พ่อแม่ปกป้องเราไม่ได้แล้ว

ถ้าเธอยังไม่ปรับ mindset จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมยากแน่นอน รวมถึงพลาดโอกาสหลายๆ อย่างจากนิสัยที่ยังไม่โตของเธออีกด้วยในทางกลับกัน ถ้าเธอค่อยๆ เรียนรู้การเป็นผู้ใหญ่เช่น ควบคุมอารมณ์ให้นิ่ง เป็นผู้ฟังที่ดี เคารพการตัดสินใจของผู้อื่น และโฟกัสที่ความพยายามของตัวเองมากกว่าการอิจฉา นินทา ที่แน่ๆ คือดีต่อตัวเธอเอง และทำให้ได้รับโอกาสใหม่ๆ จากผู้อื่น ได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีกด้วย ยังไงก็ลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ ^^ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า