รูปภาพ:https://thumbs.gfycat.com/WeightyFantasticAustraliansilkyterrier-size_restricted.gif

สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeที่อยาก' เรียนดี ทำงานเด่น 'ทั้งหลาย ~(^з^)-♡' โฟกัสกับสิ่งตรงหน้าให้ได้สิ มีสมาธิหน่อย! 'เชื่อว่าคนรุ่นใหม่เยอะมากๆ ที่กำลังเจอกับปัญหาประมาณนี้ แต่ไม่รู้จะแก้ไขยังไง ด้วยยุคโซเชียลที่มีสิ่งยั่วยุให้เรา ' หลุด ' ได้ง่ายมาก ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือโทรศัพท์มือถือแป๊บนึงเด้งโนติเฟซบุ๊ก เปิดดู วางลง จะอ่านหนังสือหรือทำงานต่อ ไม่ถึง 5 วิเด้งอีกละ ยิ่งตอนนี้เฟซบุ๊กมีออฟชันแจ้งเตือนโนติที่ไม่เกี่ยวกับเราอีก ยิ่งเพิ่มความถี่รัวๆ จนสุดท้ายก็วางหนังสือ ละสายตาจากคอมมาเล่นมือถือต่ออีกเป็นชั่วโมงเลยจ้า //เรารู้เธอก็เป็นถ้ายังปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทำอะไรก็ไม่เสร็จสักอย่างแบบนี้ มันส่งผลกับเกรดการเรียน หรือผลลัพธ์ในการทำงานของเธอแน่นอน พอจดจ่อกับเนื้อหาไม่ได้ งานก็ออกมาไม่ดี เกรดตก งานคุณภาพต่ำจนโดนเรียกคุย สาวซิสคงไม่อยากลงไปอยู่ถึงจุดนั้นกันใช่ไหมเอ่ย?ในวันนี้เราเลยมี' 7 ทริคเด็ดบูสต์ความจำ ให้สมาธิพุ่งพรวด 'เพื่อช่วยให้ทั้งการเรียนและทำงานของสาวๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใครอยากหลุดจากลูปนรก สมาธิสั้นทำชีวิตใกล้พัง ที่นี่มีทางออกให้แน่นอน ตามมาเลยจ้า!

1. จงนึกถึง ' คุณค่าของเวลา ( ผัดวันประกันพรุ่ง ) ที่เสียไป '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/2f13018f36b4b8afaa2319f460f81cd8.jpg

เชื่อไหมว่าข้อแรกเราก็เป็น เป็นบ่อยด้วย! คือตอนไหนมีงานต้องทำ หรือมีหนังสือที่ต้องอ่าน ก็จะพยายามเลื่อนวันไปเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ใกล้เดตไลน์ก็ไม่แตะเลย หรือถ้าแตะก็ทำนิดหน่อยพอเป็นพิธี แล้วไปเผาเอาวันส่ง One Night Miracle ไปไม่รู้กี่หนต่อกี่หน


ซึ่งตอนมัธยมก็อาจจะพอทำได้แหละ แต่พอขึ้นมหาลัย เริ่มเข้าทำงานในบริษัท มันจะวันไนท์มิราเคิลไม่ได้แล้วเด้อ สิ่งที่ต้องทำมันยาก ซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจระดับนึงเลยค่ะ

มีอยู่งานหนึ่งที่ควรเตรียมตัวเป็นสัปดาห์ แต่เรากลับเอ้อระเหยลอยชาย ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อย สุดท้ายมาไฟลนก้นตอนสองวันสุดท้าย ซึ่งเนื้อหาเยอะมากจนเราไม่สามารถย่อยทันในระยะเวลาเท่านั้นได้ สุดท้ายก็ต้องส่งงานไปแบบคุณภาพต่ำมากๆ จนอายตัวเองไปพักนึงเลย


ถ้าซิสไม่อยากเสียดายเวลาแบบเรา ก็ขอให้นึกถึง ' คุณค่าของเวลาที่เสียไป ' ให้มากๆ ลองคิดดูว่า ถ้ายอมใช้เวลากับมันตั้งแต่แรก งานก็คงเสร็จแบบสมบูรณ์แบบให้ตัวเองและคนตรวจภูมิใจไปแล้ว ที่สำคัญเวลามันไม่ไหลย้อนกลับนะคะ ผ่านแล้วผ่านเลย ดังนั้นมีเวลาในมือแล้วก็จัดการให้มีประโยชน์และคุ้มค่าที่สุดดีกว่า

2. ถ้าอยู่ที่เดิมแล้วล่อกแล่ก ใจไม่อยู่กับตัวก็ ' เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ' ซะ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1cd0156bac64463be0ebaa986147fb9b.jpg

ต้องยอมรับว่า ในงานบางสายโดยเฉพาะงานแนวความคิดสร้างสรรค์ ต้องใช้จินตนาการและไอเดียใหม่ๆ ค่อนข้างเยอะ เช่น กราฟิกดีไซเนอร์ ครีเอทีฟ นักวาดภาพประกอบ นักเขียน ถ้าทำงานในสถานที่เดิมซ้ำซากเป็นเวลานาน ก็จะทำให้ความคิดเริ่มตัน เพราะมันไม่มีวัตถุดิบสดใหม่เลย


งานก็ไม่เดินหน้า ฟุ้งซ่าน สุดท้ายก็กลับไปเล่นมือถือแก้เซ็ง เราเคยไถฟีดโซเชียลซ้ำๆ เป็นร้อยรอบ ทั้งที่ก็ไม่มีข่าวหรือข้อมูลอะไรใหม่ เพียงเพราะเราอยากหลีกหนีความจริงว่างานไม่ไปถึงไหนเลย เศร้าเนอะ

ดังนั้นถ้าสาวๆ คนไหนกำลังเบื่อ เหนื่อย อึดอัด มึนหัวกับการทำงานหรืออ่านหนังสือเรียน ลองเปลี่ยนสถานที่ทำงานดูบ้าง จากที่บ้านก็ลองไปคาเฟ่หรือ co working space ให้สมองเราได้เปลี่ยนการรับรู้ใหม่ๆ กลิ่นกาแฟ กลิ่นเครื่องปรับอากาศ กลิ่นต้นไม้จากสถานที่อื่น บางทีก็กระตุ้นให้เราจดจ่อมีสมาธิได้มากขึ้นจริง บางคนทำงานที่บ้านเงียบๆ งานไม่ดีเท่าไปคาเฟ่ที่มีเสียงพูดคุยกันก็มี


แต่ถ้าช่วงนี้ใครกลัวโควิด ไม่อยากออกไปข้างนอก แค่เปลี่ยนมุมทำงานในบ้าน จัดวางข้าวของใหม่ หามุมที่มีแสงเข้าให้จิตใจปลอดโปร่ง หาของกินอร่อยๆ กับไอเทมที่ต้องใช้ระหว่างทำงานมาไว้ข้างตัว ออกไปเดินเล่น หาฟังเพลงหรือ podcast ใหม่ๆ ก็ช่วยได้ แม้แต่การลองใส่เสื้อผ้าใหม่ก็ทำให้มู้ดอารมณ์เราเปลี่ยนได้นะคะ ลองดู

3. ทำ ' To Do List ' อย่างจริงจัง ว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง ในแต่ละวัน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/631dd44f78e4c320d674b8c48b4ac336.jpg

ไม่ใช่แค่ส่วนนึง แต่แทบเป็นส่วนใหญ่เลยของคนไม่ค่อยมีสมาธิ อ่านหนังสือก็ไปไม่ถึงไหน งานก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะเธอไม่มี ' กำหนดการที่ชัดเจน ' ว่าชีวิตในวันหนึ่งต้องทำอะไรบ้าง แค่รู้ว่าวันนี้ต้องทำสิ่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มกี่โมง จบกี่โมง พอกะเวลาไม่ได้สุดท้ายก็เละเทะ


นี่คือข้อเสียอย่างนึงของการมีอิสระมากเกินไป เพราะถ้าเราคุมตัวเองไม่ได้ อิสระนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเธอเอง เราเคยเป็นมาแล้ว กะจะเขียนบทความ 4 ชิ้นในวันนั้น สุดท้ายไม่ได้งานสักชิ้น เพราะคิดแต่ว่าเดี๋ยวก่อนๆ สรุปส่งไม่ทัน เจ็บนี้จำไปอีกนาน

เพื่อไม่ให้สาวๆ ที่เข้ามาอ่านต้องพลาดแบบเรา ก็อยากให้ทุกคนมี ' To Do List ' ของตัวเอง คิดและเขียนให้ชัดเจนว่าวันที่จะต้องทำงานหรืออ่านหนังสือทบทวน เตรียมสอบ จะต้องทำอะไรในช่วงเวลาไหนบ้าง

เช่น

8 โมงตื่นนอน, 9 โมงกินข้าวเช้า, 10 โมงเช้า - เที่ยง อ่านหนังสือ 2 วิชา, พักเที่ยง บ่าย 2-4 โมงเย็น อ่านหนังสืออีก 1 วิชา

เป็นต้น

การจำกัดเวลาจะทำให้เธอไม่อยากว่อกแว่ก เพราะรู้ว่ายังมีอย่างอื่นจ่อคิวรอที่ต้องทำต่อ ถ้าเลื่อน 1 ไปแล้ว 2 3 4 ก็จะล้มตามเป็นโดมิโน่ไปด้วย จึงเป็นการดัดนิสัยให้มีวินัยขึ้นไปด้วยในตัวค่ะ

4. สร้างบรรยากาศดีๆ จัดสถานที่ทำงานให้ ' สะอาดและเนี้ยบ '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b9555fd8e199e900d68e28defddd69af.jpg

อาจจะไม่ได้เกี่ยวกับการฝึกสมาธิโดยตรง แต่เป็นเหตุผลทางจิตวิทยาว่า เวลาเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่สิ่งของสกปรก รกรุงรัง อะไรก็วางไม่เป็นที่เป็นทาง มันจะส่งผลให้เราจิตใจฟุ้งซ่าน รุงรังเหมือนของที่เราเห็นไปด้วย


เธอคงเคยเห็นคนรู้จัก หรือแม้แต่ตัวเธอเองที่เวลาคิดงานไม่ออก อ่านหนังสือไม่เข้าหัว ไปทำงานบ้าน จัดหนังสือ ล้างจาน ถูบ้านสักหน่อย กลับคิดงานออกเสียอย่างนั้นเพราะหัวโล่ง บางทีไม่ได้โล่งเพราะทำงานบ้านหรอก แต่โล่งตั้งแต่เธอเดินออกจากพื้นที่รกๆ นั้นแล้วมากกว่า

เพื่อให้จดจ่อ มีสมาธิที่ดีขึ้น เราแนะนำให้เธอจัดโต๊ะ หรือพื้นที่ทำงานให้มีระเบียบเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ( เพราะเข้าใจว่างานบางอย่างมันเก็บของให้เนี้ยบไม่ได้จริงๆ เช่น งานทางศิลปะ ) แยกสิ่งของที่ใช้ตามหมวดหมู่ ตามสีสัน ตามความสำคัญในการใช้ แล้วเก็บเข้าแฟ้ม, กล่อง ติดชื่อว่ากล่องนี้เก็บอะไรไว้บ้างกันลืม


ถ้ามีเศษทิชชู่ ขี้ดินสอ ซองขนมวางทิ้งไว้เกลื่อนกลาด ก็โกยลงถังขยะให้หมด เอาจริงๆ ไม่ต้องถึงกับจัดของด้วยซ้ำ แค่ทิ้งขยะที่ไม่จำเป็นก็ทำให้โต๊ะสะอาด พร้อมอ่านหนังสือได้ยาวๆ แล้วละค่ะ

5. จัดตารางวันเวลาที่ตัวเอง ' สะดวก ' เพื่อให้จิตใจแน่วแน่กว่าเดิม

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/fd05021bdafb25a35063c11d21c3cfab.jpg

อีกปัญหาหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่มีสติ หรือสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้า เพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องคิดเยอะไปหมด และยังหาทางออกให้มันไม่ได้ เช่น วันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะทำงานให้เสร็จ แต่ช่วงเช้าต้องออกไปส่งของ ตอนเย็นก็ต้องไปรับน้องที่โรงเรียน รถเก็บขยะจะมาวันนี้ ต้องรีบเอาถุงขยะออกไปทิ้ง สรุปก็คือยุ่งทั้งวัน


ทำงานไปในหัวก็คิดว่าจะออกไปรับน้องทันไหม กลัวรถติด ถ้าขยะทิ้งไม่ทันก็ต้องรอสัปดาห์หน้าเลย บลาๆ หรือบางคนจะไปเดตกับแฟนครั้งแรกวันพรุ่งนี้ วันนี้ก็คือใจเต้นตึกตัก ไม่มีกะจิตกะใจจะรับเนื้อหาใดเข้าสมองทั้งสิ้น แบบนี้ก็มีค่ะ

ดังนั้นจะดีมาก ถ้างานไหนที่ยังเหลือกำหนดระยะเวลาอยู่ และเธอมีธุระอื่นที่ต้องทำให้เสร็จก่อนหน้านั้น ก็เลื่อนงานนั้นไปเป็นวันที่เธอว่าง ไม่ติดนู่นนี่จะดีกว่า จะได้ทุ่มเทให้กับงานนั้นได้ดีขึ้นด้วยแต่ถ้าโชคร้ายงานนั้นใกล้เดดไลน์แล้ว ยังไงก็ต้องทำวันสองวันนี้แน่ๆ ก็ต้องไปบริหารจัดการธุระส่วนตัวนั้นเอาเอง บางอย่างอาจต้องเลื่อน บางอย่างอาจต้องงดเพื่อให้งานเสร็จทัน สุดท้ายก็คือ ต้องลำดับความสำคัญให้เป็นค่ะ

6. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ให้ร่างกายสบาย พร้อมทำงานมากที่สุด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9923aa80570733f7710e1e7f6864a392.jpg

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นอกจากเรื่องจิตใจและสมองที่ไม่ฟุ้งซ่านแล้วนั้น จะทำงานให้มีประสิทธิภาพได้ สุขภาพร่างกายก็สำคัญ เช่น งานที่ต้องใช้กำลังแรงกายเยอะๆ ก็ต้องออกกำลังกายเพื่อฟิตกล้ามเนื้ออยู่เสมอ


แต่เราจะขอเจาะลึกถึงงานนั่งโต๊ะสักนิด เพราะคนรุ่นใหม่น่าจะทำงานออฟฟิศกันเยอะ และนักเรียนนักศึกษาก็ยังต้องอ่านหนังสืออยู่ การจัดระเบียบร่างกายให้ถูกต้องจึงจำเป็นมาก ถ้ากระดูกผิดรูป นั่งผิดท่า office syndrome มาแน่นอน เผลอๆ ต้องไปกายภาพบำบัดอีก

ถ้าเธอเป็นคนหนึ่งที่ยังไงก็ต้องทำงานนั่งแช่ที่โต๊ะนานๆ สิ่งหนึ่งที่ต้องลงทุนมากที่สุดก็คือ ' เก้าอี้ทำงาน ' ที่ออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตหลังได้ดี ป้องกันอาการปวดหลังในระยะยาว รวมถึงไฟในห้องต้องสว่างเพียงพอ และจัดเครื่องคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปให้อยู่ในระดับสายตาพอดี


ไม่อย่างนั้นเธอจะต้องก้มลงหรือเงยหน้าเพื่อทำงานนานๆ โดยไม่รู้ตัว นานไปอาจมีปัญหาปวดคอ ลามไปถึงปวดหัว ปวดเบ้าตาได้ แค่ปรับสามอย่างนี้ ชีวิตก็ดีขึ้นเป็นกอง เชื่อเรา

7. ' ให้รางวัลตัวเอง ' เมื่ออ่านหนังสือ / ทำงานที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/001b98ba8c9f8d100c59087d6b94faf5.jpg

บางครั้งถ้าการทำงานจบเสร็จไปเรื่อยๆ ตามระยะเวลา มันก็เป็นเรื่องน่าเบื่อ ไม่รู้จะทำไปทำไม ยิ่งถ้าไม่ได้มีแพชชันในสิ่งที่ทำ เช่น เป็นงานรูทีนที่ทำให้มันเสร็จๆ ไป หรืออ่านหนังสือเรียนวิชาที่ไม่ชอบ


จะหลุดโฟกัส สมาธิแตกบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ ' ต้องทำ ' หนีไม่ได้ จะบังคับตัวเองยังไงให้กลั้นใจทำเสร็จ... .ก็ต้องใช้สิ่งที่ตัวเองชอบเป็นเหยื่อล่อแทนยังไงล่ะ!

ลองวางเงื่อนไขให้ตัวเองว่า ถ้าทำงานนี้เสร็จแล้ว จะให้รางวัลตัวเอง เป็นสิ่งอะไรก็ได้ที่เธอชอบและ ' รัก ' มันมากพอที่จะทำสิ่งไม่ชอบเพื่อมันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร อาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ในชีวิตประจำวันนี่แหละ

เช่น อ่านหนังสือจบบทนี้เสร็จจะกินเค้ก 1 ชิ้น, ทำงานชิ้นนี้เสร็จ จะฟังเพลงที่ชอบ 2 เพลง เป็นต้น แล้วเธอจะมีกำลังใจและจดจ่อกับงานนั้นๆ ได้แบบพุ่งปรื๊ดเลย เราทำบ่อยช่วงเบื่อๆ เฉาๆ ช่วยกระตุ้นตัวเองได้ดีจริงๆ นะ

รูปภาพ:https://thumbs.gfycat.com/WeightyFantasticAustraliansilkyterrier-size_restricted.gif

------------------------------------------

แม้จะเป็นคนหลุดโฟกัส จดจ่อกับอะไรไม่ค่อยได้นาน แต่ถ้าทำตามทริคทั้ง 7 ข้อในบทความนี้ ยังไงก็ช่วยให้มีสติ มีสมาธิกับงานตรงหน้าได้ชัวร์! ความรวดเร็วของเทคโนโลยีในโซเชียลที่ทำให้คนรุ่นใหม่ความอดทนน้อยลงก็จริง แต่ส่วนนึงที่หลายคนอาจหลงลืมไป ทั้งที่เป็นส่วนสำคัญของการสร้างสมาธิก็คือ ' เธอไม่ได้ตั้งใจอยากทำงานนั้นจริงๆ ' จึงทำให้จิตใจล่องลอย ฟุ้งซ่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมีสิ่งรบกวน เธอก็พร้อมที่จะเสียสมาธิทันที! ดังนั้นความตั้งใจจริงและมีระเบียบวินัยจึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะสรุปสั้นๆ คือถ้าอยากเรียนเก่ง อยากทำผลงานให้ดี ก็ต้องมุ่งมั่นกับเป้าหมาย วางแผน และทำตามแผนที่ตั้งไว้ให้ได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด เท่านี้เธอก็จะเป็นคนสมาธิดีขึ้น เก่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยละ!! ลองไปปรับใช้กันดูน้า วันนี้เราขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้าค่า See You!!