รูปภาพ:https://64.media.tumblr.com/20f56bc0a814b39488f93b53f7640122/tumblr_ot8k61wdan1vd1993o1_640.gifv

สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeที่ชอบ' กินจุ๊บกินจิ๊บ 'ทั้งหลาย!ก็รู้นะว่าหุ่นอวบแล้ว น้ำหนักพุ่ง ห่วงยางเริ่มมา เอวก็ขยายจนเสื้อผ้าตัวเดิมจะใส่ไม่ได้ละ แต่ทำไงได้ ก็เมืองไทยของกินอร่อยมันเยอะ แก้นิสัยตามใจปากยากจริงๆ มีให้สั่งกินได้ 24 ชั่วโมง แค่เข้าแอปก็มีทุกอย่างให้เลือก หรือจะเดินไปร้านสะดวกซื้อ ตลาดหน้าปากซอยก็มีของกินเป็นสิบๆจะให้เดินมองน้ำลายไหลแล้วกลับมานอนท้องร้องโอดโอยที่บ้านก็คงไม่ไหว ทรมานเกิน TT แต่ถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ต่อไป ได้เดบิวต์จากหมูน้อยเป็นหมูยักษ์แน่ๆ ทำไงดี??ก่อนอื่นต้องหยุดความเชื่อที่ว่า ' กินหลายมื้อแล้วจะอ้วน ' ซะก่อน เพราะมันไม่จริง!การที่คนคนหนึ่งจะอ้วนขึ้น หลักๆ ไม่ได้อยู่ที่กินกี่มื้อ กินกี่โมง แต่อยู่ที่ว่ากินอะไรเข้าไปมากกว่า! ถึงกิน 5-6 มื้อต่อวัน ( ที่คนทั่วไปคงเรียกว่ากินไม่หยุดปาก ) แต่เลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ กระตุ้นการเผาผลาญ เผลอๆ ยิ่งกินยิ่งผอมด้วยซ้ำในบทความนี้เราเลยมาชวนสาวๆ กินเก่งทุกคนมาปรับการกินตาม' 7 นิสัยเลือกของกินเล่น สไตล์คนหุ่นดี 'ที่กินทั้งวันแต่ดันผอมลง ถ้ามีวินัยอาจลดได้สูงสุดถึง 5 กิโลกรัมเลยทีเดียว =w= จะต้องเริ่มจากตรงไหนบ้างเรามาดูกันค่ะ

1. เลือกของกินเล่นที่มี ' โปรตีน ' เป็นส่วนประกอบหลัก

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/dd4336ffe32934050b5bd7ee248c886c.jpg

ถ้าอาหารทุกมื้อที่กินมีแต่ ลูกชิ้นทอด ไส้กรอกทอด ต็อกบกกี คอร์นด็อก ข้าวโพดอบเนย เฟรนช์ฟรายส์โรยผงหม่าล่า ชานมไข่มุก ก็ไม่แปลกที่หุ่นจะกำลังบวมได้ที่ เพราะมันคืออาหารพาอ้วนที่แท้ทรู ทั้งแป้งและน้ำตาลที่ให้พลังงานสูง แต่หิวง่าย

ผงชูรสที่มีแต่โซเดียม ทำให้ตัวบวม ผิวแห้ง จะสังเกตว่าถ้ากินของพวกนี้ติดต่อกันสักพัก จะหิวน้ำแบบแปลกๆ ตลอดเวลา อึดอัดไปหมดทั้งตัว ทั้งที่น้ำหนักไม่ได้เยอะเป็นร้อยโล นั่นแหละเอฟเฟกต์ของโซเดียมที่แท้จริง!

แทนที่จะซัดแต่แป้งให้ตัวบวม ตัวหนาไปกว่านี้ เราขอแนะนำให้เธอเปลี่ยนไปกินอาหารที่มี ' โปรตีนสูง ' แทน ในที่นี้ก็ไม่ใช่ว่าวิ่งฝ่าไปสั่งไก่ทอด หมูทอดนะ แต่ต้องเป็นโปรตีนแบบเพียวที่มาจากธรรมชาติ ผ่านการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด ไม่โรยผงเครื่องปรุง ไม่ใส่น้ำจิ้ม เพื่อป้องกันแคลอรี่แอบแฝง

เช่น อกไก่ไร้หนัง, ปลานึ่ง, กรีกโยเกิร์ต, คอตเตจชีส หรือง่ายสุดเลยก็คือไข่ต้ม ไม่เหยาะซีอิ๊วหรือซอสใดๆช่วงแรกอาจจะรู้สึกฝืดคอ ฝืดลิ้นบ้างเพราะยังไม่เคยชิน แต่สักพักเธอจะรู้ซึ้งว่า อาหารปกติที่เธอเคยกินมา รสชาติมันเค็มปี๋ เปรี้ยวจี๊ด มันย่อง แคลอรีสูงมากๆ จนมองย้อนกลับมายังงงว่า ฉันกินเข้าไปได้ยังไงมากมายขนาดนี้?


2. แพ็กอาหารใส่กล่อง / ถุงมาจากบ้าน แทนที่จะแวะซื้อตามร้านมินิมาร์ท

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/651845eac959d289e8130babe2f11120.jpg

บ้านเมืองของเราหาอาหารกินง่ายมากถึงมากที่สุด! โดยเฉพาะในเมือง แค่ออกจากบ้านมาไม่กี่ก้าวก็ต้องเจอรถเข็นอาหาร หรือร้านมินิมาร์ท สะดวกซื้อสักแห่งอย่างแน่นอน ซึ่งข้อดีคือมันสะดวกสบาย ไม่ต้องกลัวอด


แต่ข้อเสียคืออาหารหลายๆ อย่างในร้าน หรือของตามข้างทาง เราไม่รู้เลยว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง แคลอรีเท่าไหร่ มีประโยชน์กับร่างกายหรือไม่ บางอย่างชิ้นนิดเดียวแต่ให้พลังงานสูงจัด กินเพลิน ไปๆ มาๆ เดือนเดียวน้ำหนักพุ่งปรื๊ดเลยจ้า #เป็นเศร้า

อยู่ในช่วงคุมน้ำหนัก ควรตัดปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ออกไปให้มากที่สุด ข้อแรกเลยก็คืออาหารที่ซื้อเขากินข้างนอกนี่แหละ ใส่อะไรลงไปบ้างก็ไม่รู้ ถ้าเราคิดว่าขนมชิ้นนี้ 100 แคล แต่ที่จริง 500 แคลล่ะจะทำยังไง แพลนรวนไปหมด ไม่ดีต่อการลดน้ำหนักในระยะยาวแน่ๆ ดังนั้นฝึกนิสัยซื้อของสดจากซูเปอร์ แล้วมาทำอาหารกินเองที่บ้านดีกว่า


ทั้งประหยัดและคุมคุณภาพของวัตถุดิบได้ 100% แม้จะทำครัวไม่เป็น แค่ประกอบร่างแซนด์วิช ขนมปังกับแฮม ราดซอสนิดหน่อย, หุงข่าวใส่ไข่ต้ม, โยเกิร์ตกับขนมปังปิ้งทาแยม ก็ยังคุมแคลอรีได้ดีกว่าซื้อเขากินแน่นอนค่ะ

3. ถ้ารู้ตัวว่ากินจุบจิบบ่อย เลือกของกินเล่นที่ ' แคลอรีต่ำที่สุด ' ไว้ก่อน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/35b5577813b1fa5df453eed1e195d048.jpg

สำหรับสาวๆ คนไหนที่รู้ตัวว่าติดนิสัยตามใจปากขั้นสุด ไม่สามารถหักดิบได้ในเร็ววันนี้แน่ แม้จะกินให้พอดีตามโควต้าร่างกายก็ยังยาก กินมื้อหลักแป๊บเดียวปากเริ่มอยากขนมอีกแล้ว ลองเริ่มจากขั้นแรกด้วยการ' เลือกของกินที่แคลอรีต่ำที่สุดที่อร่อยและรับได้ 'เสียก่อน


ถ้าทำใจซดแต่น้ำเปล่า 0 แคลอรีทั้งวันไม่ได้ โหดร้ายกับจิตใจเกินไป ยุคนี้ก็มีขนมพลังงานต่ำให้เลือกมากมาย เช่น นมอัลมอนด์หวานน้อย, คุกกี้คลีน ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่แป้ง, โยเกิร์ตน้ำตาลน้อย, เจลลี่บุกใส่หญ้าหวาน เป็นต้น

ต้องยอมรับว่ามันจะไม่ฟินเท่ากินชานมไข่มุกหวานเน้นๆ หรือเค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่นๆ อยู่แล้วละนะ แต่ถ้ากินขนมพลังงานต่ำ มันสามารถกินในปริมาณที่เยอะกว่ามากๆ เพื่อให้ท้องอิ่ม เช่น กินเค้กชิ้นเดียวก็หมดโควต้าแล้ว


แต่ถ้ากินโยเกิร์ตน้ำตาลน้อย จะกินได้ 3-4 ถ้วยในจำนวนแคลอรีที่เท่ากัน หรือถ้ากินบุกหญ้าหวาน ก็จะกินได้ 10-20 ถุง ( ถ้ากินไหว ไม่ท้องแตกไปซะก่อน ) ก็ถือเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ในการลดน้ำหนักแบบไม่ทรมานค่ะ

.

4. เลือกอาหารที่ ' ปรุงแต่งน้อยที่สุด ' ถ้ากินดิบ กินสดได้ ยิ่งควรกิน!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/91e950801db461ea1b5f0812104eb710.jpg

เรายังยืนยันอีกรอบว่า สาวๆ ไม่จำเป็นต้องเลิกกินจุบจิบ เพียงแต่ต้อง' เลือกประเภทอาหารที่กินให้ถูกต้อง 'และ' คุมแคลอรีให้ไม่เกินต่อวัน 'สองข้อเท่านั้นเอง ซึ่งการกินขนมถุงทั่วไปที่ขายตามร้าน หลายยี่ห้อไม่มีฉลากโภชนาการบอกแคลอรีและสารอาหารชัดเจน


บางชนิดแอบผสมเกลือ น้ำตาล ผงชูรสอื่นๆ ลงไปด้วยในกระบวนการผลิต ทำให้กะจำนวนแคลอรีไม่ได้ กินแล้วอ้วน แถมไม่ดีกับสุขภาพอีกด้วย ทั้งโรคไต หัวใจ ความดัน ไขมันในเลือดสูง มากันครบแน่นอน!

เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เราจึงแนะนำให้สาวๆ เลือกเป็นของกินที่มาจากธรรมชาติให้มากที่สุด หรือเรียกง่ายๆ ก็คือเป็น' ของดิบ / ของสด 'ที่ยังไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปใดๆ มาเลย

ข้อดีคือไม่มีพลังงานส่วนเกินแอบแฝง และในบางชนิดเช่นผักผลไม้สด ถั่ว ธัญพืชไม่โรยเกลือ ไม่เคลือบน้ำเชื่อม หากกินสดก็จะมีคุณค่าทางอาหาร แร่ธาตุและวิตามินที่ครบถ้วนมากกว่า

5. ถ้าหิวไม่รู้สาเหตุ บางทีแค่ ' ดื่มน้ำเปล่า ' ก็อิ่มได้แล้วนะ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/228d71a9d0a637c2f5dfc9ea32f007f0.jpg

ความหิวอย่างหนึ่งที่แอบน่ารำคาญ และทำให้สาวๆ ตกหลุมพรางของมันจนอ้วนขึ้นกันมานักต่อนัก คือ' ความหิวหลอกๆ ที่ไม่รู้สาเหตุ 'เหงาปากอยากกินอะไรสักอย่าง ทั้งที่เพิ่งกินมื้อหลักมาแท้ๆ ท้องยังอิ่มแปล้อยู่เลย


แต่สมองกลับสั่งให้หาของหวานไขมันสูงมากิน ทั้งที่จริงแล้วร่างกายแค่ ' กระหายน้ำ ' ไม่ได้ต้องการอาหารเพิ่มเลยสักนิด แค่ดื่มน้ำเปล่าก็หายหิวแล้ว ( แต่นั่นแหละ คนส่วนใหญ่ก็เลือกจะกินขนมอยู่ดี.... )

ถ้าจะไดเอทอย่างจริงจัง หากแน่ใจว่ากินมื้อหลักอย่างพอดีแล้ว แต่กลับมีอาการอยากขนม ปากอยากเคี้ยว ให้ดื่มน้ำเปล่าลงท้องไปก่อนเลย 1-2 แก้ว แล้วสังเกตตัวเองอีกทีว่ายังหิวอยู่หรือเปล่า


ถ้าอิ่มก็แปลว่าหิวน้ำจริงๆ แต่ถ้ายังโหยไม่หยุด เป็นไปได้ว่าวันนั้นร่างกายต้องการพลังงานเพิ่ม แนะนำให้กินอาหารเน้นโปรตีนเพื่อดับหิวให้เร็วที่สุด เช่น ไข่ต้ม โยเกิร์ต ถั่ว ชีส เต้าหู้ ข้าวโอ๊ต อัลมอนด์ เป็นต้นค่ะ

6. พยายามอย่า ' เคี้ยวไป ทำอย่างอื่นไป ' จะยิ่งเพลิน กินเกินจำเป็น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/c4a5656fc292647386f9b2c2fc4ff8e0.jpg

หนึ่งในสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้สาวซิสกินเยอะ กินเพลิน กินจนทะลุโควต้าของร่างกายไปไกลโข เพราะมีสิ่งยั่วยุที่ทำให้เราจิตใจว่อกแว่กระหว่างกินนี่แหละค่ะ! อาหารจานเดียวกัน ถ้าโฟกัสกับการกินจนหมดจาน ค่อยๆ เคี้ยวให้รู้รสก็คงอิ่มไปนานแล้ว

แต่ถ้าดันกินไป ดู netflix ไป, อ่านหนังสือไป, ขับรถไป สมาธิก็จะไปจดจ่อกับดวงตาแทนกระเพาะ สุดท้ายขนมที่กะจะกินแค่สองคำ ก็หมดถุงไซส์ JUMBO ไปโดยไม่รู้ตัว #รู้ดีเพราะเคยผ่านมาก่อนจ้า TT^TT

ครั้งหน้าถ้าหิวของกินเล่น ขอให้' กินอย่างมีสติ 'ตั้งสมาธิไปที่การกินเท่านั้น ไม่ทำอย่างอื่นไปด้วย เพราะจะรบกวนทำให้เสียสมาธิ และเผื่อเวลาให้สมองสั่งการว่าอิ่มแล้ว ( ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ) แล้วค่อยไปทำงานอดิเรกอื่นๆ ที่ต้องการ

อย่าทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน จะพังทั้งคู่ ขนมก็กินเกินโควต้า งานก็ใส่ใจกับมันได้ไม่เต็มที่เพราะห่วงกิน เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งนะคะซิสขา

7. อย่าพยายาม ' หาขนมใส่ปาก ' เพียงเพราะสุข เศร้า เหงา โกรธ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5c6d6be138737af761fb1b03dc0d5f87.jpg

สาวๆ มากมายมักเชื่อมโยงการกินกับ' อารมณ์ 'สุขก็กิน เศร้าก็กิน โกรธก็กิน ทั้งที่ไม่ได้หิวหรืออยากกินอาหารชนิดนั้นจริงๆ ด้วยซ้ำ แต่ของกินเป็นตัวแทนธรรมเนียมการฉลองตามเทศกาล ก็ห้ามใจได้ลำบาก ฝรั่งเรียกว่า emotional eating

เช่น วันเกิดที่ต้องเป่าเค้ก กินบุฟเฟ่ต์, วาเลนไทน์ต้องกินช็อกโกแลต, คริสต์มาสต้องกินเค้ก กินไก่งวง เป็นต้น หรือบางทีเครียดงาน โดนแฟนทิ้ง อกหัก ก็หลีกหนีความจริงด้วยการกินขนมก็มี ( แต่สุดท้ายก็หนีไม่ได้ เศร้าอยู่ดี ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ )

จากที่แก้ปัญหาของอารมณ์ต่างๆ ด้วยอาหารและขนมหวาน ลองเปลี่ยนจากการกินเป็นทำงานอดิเรกอื่นๆ แทน เช่น โกรธแล้วไปแช่น้ำอุ่นให้ผ่อนคลาย, มีความสุขแล้วไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ แต่งหน้าสวยๆ ไปเที่ยว, เศร้าก็โทรปรึกษาเพื่อนสนิท พ่อแม่ คนที่ไว้ใจ เป็นต้น

อย่าเอาของกินไปผูกไว้กับอารมณ์เกินไป เพราะจะทำให้เธอไม่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวเองได้เลยตลอดชีวิตค่ะ (╯︵╰,)

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/44/81/4a/44814a46d7be9aaeeae8e140b4101a54.gif

----------------------------------------

หากปรับพฤติกรรมการกินให้เข้ากับ 7 ข้อในบทความนี้ได้ แม้จะยังติดนิสัยกินจุบจิบ ไม่สามารถกินน้อย อดข้าว หรือกินวันละมื้อสองมื้อ แต่เธอก็จะยังลดน้ำหนัก ลดไขมันในร่างกายได้อย่างแน่นอน เพราะสุดท้ายแล้วหลักง่ายๆ ก็คือ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ มาจากธรรมชาติให้มากที่สุด, กินแต่พอดี เมื่ออิ่มแล้วก็หยุด ไม่ต้องยัดต่อ, หากเป็นไปได้แพ็กของกิน จัดมื้ออาหารเองมาจากบ้านก็จะคุมสารอาหารและแคลอรีต่อวันได้มากกว่า เป็นต้นเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ต้องกินเวย์ อาหารเสริม หรือยาลดความอ้วนด้วยซ้ำ แต่เชื่อเถอะว่าแค่นี้ก็ช่วยเปลี่ยนรูปร่างได้ อย่างที่มีคำพูดว่า you are what you eat คือไม่เกินจริง กินของดี ไม่ต้องอดหุ่นก็เป๊ะ ถ้ากินของไม่ดี ถึงจำกัดแคลแทบตายหุ่นก็ไม่เฟิร์ม! ขอให้ทุกคนสมหวังกับน้ำหนักเป้าหมายที่ตั้งใจไว้น้า วันนี้ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่ะ