Hello Summer!! ค่า สาวๆSistaCafeคนสวยที่#เกลียดหน้ามันทุกคนหน้าร้อนที่ ( ไม่ได้อยาก ) รอคอยก็มาถึงสักที ฮ่าๆ! ถ้าในสถานการณ์ปกติ ก็คงมีซิสหลายคนจองตั๋วบินไปต่างประเทศเพื่อหนีร้อน แต่ช่วงนี้ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องเที่ยวทะเล ภูเขาทั่วไทยไปก่อน #ซับน้ำตาแป๊บสาเหตุนึงที่อยากออกไปเที่ยวนอกไทย ไม่ใช่ว่าสถานที่ไทยไม่สวยหรอกนะแต่มีนา เมษานี่ช่วงพีคของซัมเมอร์เลย อากาศร้อนจัด ร้อนจนสุก ร้อนเหมือนอยู่ในนรกร้อนจนผิวมันเยิ้มเหมือนกระทะทอดไข่ดาวแล้ว 1 กะว่าตอกไข่ลงไปบนหน้า ก็คือได้ไข่ดาวงี้ #ก็ว่าไป๊!!สาวผิวแห้งในฤดูนี้อาจจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบ หรือหน้ามันแบบไม่ได้เดือดร้อนชีวิตมาก ฉ่ำๆ ดิวอี้กันไป แต่คนผิวมัน ผิวผสมนี่สิ ทั้งเมคอัพเยิ้ม หน้าเหนอะ สิวขึ้น เสียบุคลิกไปหมด ยิ่งช่วงนี้ออกจากบ้านก็ใส่แมสก์ให้ผิวอับ ทั้งฝุ่นควันมลภาวะคลุก รวมมิตรให้หน้าพังแบบไม่เหลือซาก แอแง ทำไงดี??ในบทความนี้เราจึงขอมาแนะนำ' 7 ทริคเสกมนตร์ จากผิวมันเป็นผิวสวยปิ๊ง! ด้วยพฤติกรรมการแต่งหน้าและใช้สกินแคร์ล้วนๆ 'รับรองว่าผิวดีขึ้น เห็นผลเร็วสุดคือชั่วข้ามคืนแบบไม่จ้อจี้!! พูดเยอะเจ็บคอ เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าต้องทำยังไงบ้าง~~

1. ใช้สกินแคร์สูตรที่เหมาะกับ ' คนผิวมัน ' โดยเฉพาะ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/529599e71d6e1fd73a2cb420af32ed60.jpg

ข้อแรก แม้จะดูเป็นเรื่องเบๆ ที่ใครก็ควรรู้ แต่เชื่อเถอะว่าซิสหลายคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสกินแคร์ที่ทาหน้าอยู่ทุกวัน มีส่วนผสมที่ไม่เหมาะกับสภาพผิวตัวเองสักนิด ซื้อมาเพราะในรีวิวแนะนำ, เพื่อนยุให้ใช้, รับมรดกจากแม่หรือพี่สาว เขาบอกว่าใช้แล้วดีก็ใช้ตาม


แต่ลืมไปว่าสกินแคร์ 1 ตัวไม่ได้ใช้ดีกับทุกคน เพราะผู้หญิงแต่ละคนมีสภาพผิวต่างกัน คนที่ใช้แล้วเห็นผลอาจผิวแห้งแต่เธอผิวมัน ที่ยังใช้ช่วงหน้าร้อนแล้วสิวไม่ขึ้น ก็เพราะเขาไม่ได้มีต่อมไขมันบนผิวเยอะเท่าเธอ เป็นต้น

ลืมเทรนด์ กระแส ความเชื่อใดๆ ในโลกอินเทอร์เน็ตไปให้หมด แล้วตรวจเช็กสภาพผิวหน้าตัวเองอย่างจริงจัง วิธีง่ายๆ คือล้างหน้าปกติ ไม่ทาอะไรตามทั้งสิ้นแล้วรอสักพักนึง ถ้าผ่านไป 5-10 นาที เริ่มมันตรงทีโซน หน้าผาก ก็ชัดแล้วว่าเธอผิวมันแน่นอน! เราแนะนำให้ใช้' มอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อเบาบาง 'เป็นหลัก เช่น เนื้อโลชั่น เนื้อเจล เนื้อเซรั่ม

ไม่ควรมีตัวไหนใน Skincare Routine ที่มีส่วนประกอบของครีม ซิลิโคน หรือออยล์ใดๆ เลยเพราะเสี่ยงอุดตันสูงมากในซีซั่นนี้ ( ถ้าลดขั้นตอนการใช้ด้วยยิ่งดี หน้าร้อนใช้แค่ 1-3 ตัวก็เกินพอแล้ว ) จะโทนเนอร์ เซรั่ม ครีมบำรุง แม้แต่มาสก์หน้าก็เลือกสูตรที่สบายผิว ไม่มันเมือกจนเกินไป เพราะตอนล้างออกอาจเสี่ยงล้างออกไม่หมดแล้วสิวขึ้นได้เช่นกันค่ะ

2. จะเมคอัพหรือหน้าสด ก็ควรเช็ดผิวด้วย ' ไมเซลลาร์วอเตอร์ ' ก่อนล้างหน้า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/0178d89ca53b0bff9fdd46387f6f96d0.jpg

สาวๆ แทบทุกคน ถ้าไม่ได้อยู่ในวงการบิวตี้ มักจะมองไอเทมคลีนซิ่งแต่งหน้าทุกอย่าง เป็นของสำหรับคนแต่งหน้าเข้ม only ถ้าปกติไม่ได้แต่งหน้าเยอะ แค่ปัดแป้งทาลิปมีสี หรือหน้าสด ทาแค่กันแดดออกจากบ้าน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้รีมูฟเวอร์ ไมเซลลาร์อะไรหรอก ไร้สาระ แค่โฟมล้างหน้าตัวเดียวก็เอาอยู่ บอกเลยว่าคิดผิด!

เธอต้องอย่าลืมว่า บ้านเมืองเรามันไม่ได้สะอาดขนาดนั้น ออกไปข้างนอก ยังไงทั้งฝุ่นควัน มลภาวะ สารอะไรก็ไม่รู้ลอยมาติดหน้าเธอเต็มไปหมดแน่นอน ยิ่งใส่แมสก์อับๆ ด้วยก็แหล่งเชื้อโรคชั้นดีเลยล่ะค่ะ ยังไงก็ไม่รอดเด้อ!

ทุกวันตอนเย็นหลังกลับถึงบ้าน เราแนะนำให้เธอใช้' ไมเซลลาร์วอเตอร์ 'ชุบสำลีเช็ดทำความสะอาดหน้า 1 รอบก่อน ทำให้ติดนิสัยเลยว่ากลับมาต้องเช็ดหน้าออก เหมือนสมัยเด็กที่พ่อแม่จะเตือนให้เราถึงบ้านต้องล้างมือ ป้องกันเชื้อโรค ผิวมือสะอาดฉันใด ผิวหน้าก็ต้องสะอาดฉันนั้น!


ซึ่งไมเซลลาร์วอเตอร์จะมีคุณสมบัติดีกว่าคลีนซิ่งทั่วไป เพราะมีโมเลกุลของออยล์ที่ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็ก ดูดจับทั้งเมคอัพและสิ่งสกปรกได้ล้ำลึกกว่าโฟมปกติ โดยไม่จำเป็นต้องล้างน้ำเปล่าซ้ำอีกรอบ วันไหนเหนื่อยๆ กลับดึก แค่ปาดไมเซลลาร์บนผิวแล้วนอนได้เลย ลดความเสี่ยงเป็นสิวอุดตันได้ดีมากเลยค่ะ

3. ใช้ ' มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้า ' สูตร water-based จากน้ำเป็นหลัก

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/dd06ffc3760d29f1fff289d94107992d.jpg

จากที่บอกไว้ในข้อบนๆ แล้วว่า มอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวช่วงหน้าร้อน ไม่ควรมีส่วนผสมของซิลิโคน ครีม หรือน้ำมันใดๆ ที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ( oil-based ) ดังนั้นจึงต้องใช้ส่วนผสมขั้วตรงข้ามอย่าง ' น้ำ ' เป็นหลัก ( water-based ) นั่นเอง


ไม่ว่าจะเป็นเจล โลชั่น เซรั่ม โทนเนอร์ เอสเซนส์ เป็นต้น อย่าคิดว่าหน้าร้อนแบบนี้ งั้นไม่ต้องทาอะไรเลยง่ายสุด ไม่ได้ค่ะ ทำแบบนั้นหน้ายิ่งมันกว่าเดิม เพราะไม่มีสกินแคร์เข้าไปปรับสมดุลผิว หน้าก็ยิ่งผลิตน้ำมันเยอะเข้าไปใหญ่!!

นั่นเป็นเพราะว่า ช่วงหน้าร้อน ปัจจัยภายนอกอย่างมลภาวะ ฝุ่นควัน รังสียูวี และการเช็ดถูผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งมากเกินไป ( เพราะกลัวผิวไม่สะอาด ) จะทำลายป้อมปราการผิว ทำให้ผิวมัน หยาบกร้านแต่ขาดความชุ่มชื้น จึงต้องทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ทุกวันเช้าเย็น เพื่อให้ผิวผลิตน้ำมันน้อยลง


จะใช้ครีมยี่ห้อไหนก็ได้ที่ช่วยปลอบประโลมผิว เช่น ครีมที่ผสม ' hyaluronic acid ' เพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำ และ ' aloe vera ' เพื่อเยียวยาผิวแสบไหม้จากแดด ลองเลือกส่วนผสมที่เหมาะกับปัญหาผิวในช่วงนั้นดู เพื่อให้ครีมทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพสุดนะคะ

4. ใช้ ' เมคอัพไพรเมอร์ ' ก่อนแต่งหน้าตามขั้นตอนปกติ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/f786d54c00966a376856619f7e420468.jpg

เชื่อว่ามีสาวๆ มากมายตามท้องถนนที่แต่งหน้า แต่ไม่เคยลง ' ไพรเมอร์ ' เพื่อเตรียมผิวมาก่อนเลยในชีวิต! เพราะคิดว่าไม่จำเป็น มันก็ทำหน้าที่คล้ายรองพื้นไม่ใช่เหรอ จะทาซ้ำซ้อนไปทำไม, ยิ่งทาหลายตัวบนผิว หน้าก็ยิ่งเหนอะ มัน สิวขึ้นง่ายกว่าเดิมสิ, ร้อนแบบนี้ทาไปเมคอัพก็หลุดอยู่ดี เป็นต้น

แต่เราขอให้เธอเชื่อใจไอเทมตัวนี้ แล้วเปิดใจลองใช้สักครั้ง จะพบว่าผลลัพธ์ของมันต่างกับการทาแค่รองพื้นตัวเดียวแน่นอน


เมื่อทาลงผิวไปแล้ว เมคอัพจะเกาะติดผิวนานตลอดวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทำให้ไม่เกิดอาการหน้าลอก หน้าหลุดให้ต้องอับอายคนรอบข้าง เพราะชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น' ไพรเมอร์ 'ที่ช่วยเตรียมผิว หากเปรียบผิวหน้าเป็นหน้าดินขรุขระ ไพรเมอร์ก็คือรถแทรกเตอร์ที่ช่วยไถหน้าดินให้เรียบ พร้อมสำหรับการลงรองพื้นให้ผิวสวยฉ่ำยิ่งๆ ขึ้นไป


ในทางกลับกัน ถ้าเธอลงรองพื้นตัวเดียว ก็เหมือนปลูกต้นไม้บนพื้นที่ขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ เกิดอาการรองพื้นหลุด ตกร่องแน่นอน ยิ่งช่วงใส่แมสก์ที่เจอเหงื่อเตรียมละลายเมคอัพเต็มที่ ไม่กล้าคิดตอนถอดแมสก์ออกเลยค่ะซิสขา

5. ใช้ ' ไพรเมอร์ ' กับส่วนเปลือกตาและริมฝีปากด้วย อย่าลืม!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5f36cc71d67959375daa247ab199c031.jpg

อย่างที่บอกว่าแสงแดดทำให้เกิดเหงื่อ หน้ามันง่าย จึงต้องใช้ไพรเมอร์ก่อนรองพื้นเสมอเพื่อคุมมัน เมคอัพเกาะติดผิวได้นานตลอดวัน แต่ถ้าอยากมีลุคเป๊ะทั้งใบหน้าจริงๆ ต้องอย่าลืมลงไพรเมอร์ที่ ' เปลือกตา ' และ ' ริมฝีปาก ' ด้วย เพื่อให้ลงอายแชโดว์และลิปสติกได้แบบปั๊วะปังอลังเวอร์


เพราะคงไม่มีใครอยากผิวหน้าสวย แต่เปลือกตาสีลอกหลุดเป็นดวงๆ หรือสีปากแหว่งเป็นจุดจนดูน่าเกลียดหรอกใช่ไหมล่ะ #แค่คิดก็สยองขวัญแล้ว

นอกจากทำให้สีตา สีปากติดทนแล้ว มันยังช่วยเกลี่ยผิวตา ผิวปากให้เรียบเนียน เหมือนผืนผ้าใบที่พร้อมละเลงสีลงไปอีกด้วย


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าไม่มีไพรเมอร์เฉพาะสำหรับตาและปาก และไม่อยากซื้อใหม่จริงๆ จะใช้เป็นรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์แตะเบาๆ แล้วเกลี่ยให้ทั่วแทนก็ได้เช่นกันค่ะ

6. ใช้ ' มาสก์บำรุงผิวหน้า ' เพื่อปรับสมดุลผิว ไม่แห้งกร้าน ไม่มันเกิน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/f53e496304f995672a0715a4494ebe57.jpg

นอกจากไมเซลลาร์ที่ต้องเช็ด ครีมที่ต้องทาทุกวันแล้ว อีกไอเทมเสริมที่สาวๆ หลายคนหลงลืมไป แต่ช่วยบูสต์ผิวหน้าได้อย่างเร่งด่วน จากผิวมันเป็นผิวปกติสมดุลได้ดั่งใจก็คือ ' มาสก์หน้า '


จะเป็นแบบแผ่นหรือแบบโคลนก็ได้ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในรูขุมขนของเธอออกมาให้หมด เพราะแม้จะใช้โฟมล้างหน้าย้ำหนักๆ ยังไง ก็อาจยังมีคราบที่ยังมองไม่เห็นหลงเหลืออยู่ดีค่ะ

มาสก์แผ่นในท้องตลาด ยุคนี้ก็มีมากมายหลายสูตรให้เลือกสรร หากไม่รู้จะใช้ส่วนผสมแบบไหนดี ก็เลือกสรรพคุณ ' ลดสิว ' ไว้ก่อน เพราะพวกนี้จะมีส่วนผสมช่วยปรับสมดุลผิว ลดหน้ามัน และปลอบประโลมผิวไปด้วยในเวลาเดียวกัน


เมื่อผิวหน้าไม่แห้งไป ไม่มันไป สิวก็ขึ้นลดลง อาการอุดตันก็เบาบางลง อาจจะไม่ถึงกับกลับมาหน้าใสปิ๊ง แต่สภาพผิวหน้าก็จะดูดีขึ้นจนพอโชว์หน้าสดได้อย่างแน่นอนค่ะ

7. ปิดท้ายขั้นตอนแต่งหน้าด้วย ' แป้งฝุ่นโปร่งแสง + Setting Spray '

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/76bcfba3654c14c70c19509d3e65dbb7.jpg

หากต้องแต่งหน้า เจอแดดเจอลมข้างนอกอยู่ทุกวัน ถ้าอยากให้เมคอัพเกาะติดผิวหน้าแน่นหนึบเหมือนกาวตราช้าง คู่หูดูโอ้ที่ขาดไม่ได้ก็คือ' แป้งฝุ่นโปร่งแสงและ setting spray 'ในขั้นตอนสุดท้าย

ที่ช่วยล็อกรองพื้น ลิป บลัชออน อายแชโดว์ใดๆ ที่บรรจงแต่งบนหน้าให้ไม่ลบเลือน ฟีลเหมือนลงแล็กเกอร์เคลือบเงาสีรถยนต์ ยิ่งในช่วงหน้าร้อน ทุกอย่างเสี่ยงเยิ้มแบบนี้ ไม่ใช้ถือว่าผิดมาก!

เมื่อแต่งหน้าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยตามปกติแล้ว ใช้แปรงแตะที่กระปุกแป้งฝุ่นโปร่งแสง แล้วแตะเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า ( แนะนำว่าอย่าใช้พัฟ เพราะถ้าเกลี่ยไม่ดีจริงหน้าจะยิ่งเป็นคราบขาวปื้นๆ ) ให้ผิวแมตต์ทั้งหน้า

แล้วจึงใช้กระป๋อง setting spray ถือให้ห่างจากตัวประมาณ 30 เซนติเมตร แล้วฉีดทแยงมุมซ้ายขวาเป็นรูปตัว X และฉีดตรงๆ เป็นรูปตัว T เพื่อให้คลุมผิวทุกส่วน ฉีดซ้ำ 4-6 ครั้งจึงใส่แมสก์และออกจากบ้านได้ รับรองว่าเช้ามาหน้าเป๊ะแบบไหน ตอนค่ำเมคอัพก็ยังอยู่ครบไม่โป๊ะชัวร์!

-----------------------------------------

ซิสหลายคนอาจมีความเชื่อฝังใจที่ผิดๆ ว่า ถ้าเกิดมาผิวมันแล้ว ก็คือเกิดมาพร้อมคำสาป ต้องมีสภาพผิวเยิ้มๆ เมือกๆ เหมือนเทียนไขละลายตลอดกาล รักษายังไงก็ไม่มีทางหายเพราะมันอยู่ใน DNA ซึ่งไม่จริงนะคะซิส! ข้อหนึ่งคือ สภาพผิวหน้า ผิวตัวของทุกคนเปลี่ยนแปลงได้ตามอายุ สภาพแวดล้อม และอาหารที่กิน ผิวมันตั้งแต่เด็ก ไม่ได้หมายความว่าจะผิวมันจนแก่ และข้อสอง แม้จะมีผิวมันมาก ฮอร์โมนไม่สมดุล หากเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตให้ลดความเสี่ยงสิว คอยปรับสมดุล pH บนหน้าจากทุกสิ่งที่ทาลงไปบนผิวหน้า ( ทั้งเมคอัพและสกินแคร์ ) ยังไงก็ทำให้ปัญหาผิวบรรเทาลงได้ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนแต่ถ้าทำทุกอย่างแล้วหน้ายังมันย่องเกินรับไหว แถมสิวอักเสบก็ขึ้นไม่หยุดหย่อนสักที อาจจะต้องนัดปรึกษาหมอผิวหนังเพื่อรักษาเพิ่มเติมน้าลองนำทั้ง 7 ข้อนี้ไปปรับใช้กันดูค่ะ แล้วจะไม่ผิดหวัง!! ไปก่อนน้า เจอกันใหม่คราวหน้าค่า บัยยย! (っ˘ω˘ς )