รูปภาพ:https://media2.giphy.com/media/WzjY7ADBdfBAY/giphy.gif

ฮัลโหลล ขอเสียงสาวๆSistaCafeที่กำลัง' กักตัวอยู่บ้าน 'หน่อยค่า =/\=เฮ่อออ กักตัวรอบที่เท่าไหร่ขี้เกียจนับแล้ว แต่เอาเป็นว่าร้านอาหารปิด งานก็ต้องหอบกลับมาทำที่บ้านอีกรอบ ( เพิ่งจะได้ไปออฟฟิศอย่างเฉิดฉายแท้ๆ... ) ชีวิตที่กำลังจะกึ่งปกติ ก็นั่งจม เดินวนไปวนมาในบ้าน 24 ชั่วโมงอีกครั้งยิ่งถ้าใครทำงานฟรีแลนซ์ที่งานเสร็จแล้วว่างไปยาวๆ  นั่งเหม่ออยู่ในห้อง มองของกองรกสุมๆ กันในบ้านเต็มไปหมดก็รู้สึกอึดอัด ฟุ้งซ่านยังไงไม่รู้ อย่างที่มาริเอะ คนโดะบอกว่าถ้าของในบ้านรก จิตใจก็ไม่สบายตามไปด้วยนั่นแหละค่ะหลายคนถือโอกาสตอนอยู่บ้าน เคลียร์ของเก่าต่างๆ เพื่อจัดบ้านใหม่ให้สภาพแวดล้อมสวยงาม สบายหูสบายตามากขึ้น ซึ่งตอนแยกประเภท หมวดหมู่ของยังไม่น่ากลัวเท่าขั้นตอนสุดท้าย คือ ' ไม่กล้าทิ้งของ ' ที่เชื่อว่าหลายคนก็เป็น รู้นะว่าตอนนี้ไม่ได้ใช้หรอก แต่ซื้อมาแล้วก็เสียดาย สรุปวางไว้ที่เดิม รกเท่าเดิม #แล้วจะจัดทำไม -..-เอางี้ดีกว่า ลองมาถามตัวเองกับ' 7 สิ่งต้องถามตัวเองก่อนเคลียร์ของเก่าในบ้าน 'ในบทความนี้กับของแต่ละชิ้นดู แล้วเธอจะจัดของได้ดีขึ้น ชีวิต spark joy กว่าที่เคยเป็นแน่นอน มาค่ะซิส

1. เธอใช้ของชิ้นนี้ ใน 12 เดือนที่ผ่านมาหรือเปล่า?

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/4d8641c46bfeaccee5ddbcfe18d26b84.jpg

ถ้าสาวๆ ไม่เคยใช้ของชิ้นนี้เลยในช่วง 12 เดือนหรือ 1 ปีเต็มที่ผ่านมา มันก็น่าจะพอบ่งบอกได้แล้วนะว่า  ' มันไม่ได้จำเป็นสำหรับเธอขนาดนั้น '  ถ้าเป็นไอเทมพิเศษที่ใช้ในช่วงฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถังดับเพลิง กระเป๋าเป้เดินทาง อุปกรณ์ช่างไม้ต่างๆ อันนี้อาจจะเป็นข้อยกเว้น

แต่ถ้าเป็นของหมวดทั่วไป เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือแม้แต่อาหารในตู้เย็น... ( อึ๋ย เสียหรือยังน่ะ ) ก็น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีที่ต้องอัญเชิญมันออกจากบ้านได้แล้วละค่ะ

ใครที่ชอบกด F เสื้อผ้า กดสั่งซื้อของลดราคาตามโปรในแอปช้อปปิ้งออนไลน์ จนของในตู้กองล้นออกมาแน่นขนัด หาวันว่างๆ วันนึงมาคัดออกเลยว่าชิ้นไหนยังอยู่ได้ ชิ้นไหนไม่ได้ไปต่อ ยิ่งหมวดเมคอัพ สกินแคร์ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะมันไม่ได้อยู่ตลอดไป ทิ้งไว้นานๆ มันหมดอายุนะจ๊ะ!


จะ limited edtion แพง หายากแค่ไหน ถ้าอายุเกิน 1 ปีก็เก็บใส่ถุงดำโลด อย่าฝืนใช้เพราะเสียดาย ไม่คุ้มกับค่าหาหมอผิวหนังถ้าหน้าแหกเด้อ เตือนไว้ก่อน!

2. ที่ไม่อยากทิ้งของชิ้นนี้ เพราะแค่รู้สึกว่า ' อุตส่าห์ซื้อมา ' หรือเปล่า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3fd7a092cabfd99836bab67adbb0106f.jpg

ข้อที่สอง เชื่อว่าชาวซิสเป็นกันเยอะ ( เราเองก็เป็นในหลายๆ ครั้ง ) คือไม่กล้าทิ้งของเพียงเพราะ ' เสียดายเงิน กลัวเปลืองเงิน อุตส่าห์ซื้อมาแล้ว ' ทั้งที่ร้อยวันพันปีมันก็วางอยู่ที่เดิม เราไม่เคยไปแตะต้องด้วยซ้ำ เผลอๆ ลืมไปแล้วว่ามี พอวันจะทิ้งเท่านั้นแหละ อาลัยอาวรณ์ขึ้นมาเชียว #เพื่อออ


บอกเลยว่า ไม่ต้องกลัวเปลืองค่ะ เพราะเธอใช้เงินโดยเปล่าประโยชน์ไปเรียบร้อยแล้ว การซื้อเก็บไว้แต่ไม่ใช่ ปล่อยให้ฝุ่นเกาะ ราขึ้น มันก็แทบจะเป็นขยะอยู่แล้วหรือเปล่า?

สายบิวตี้ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็พวกเครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือน้ำหอมนี่แหละค่ะ ซื้อเก่ง แต่ใช้ไม่ค่อยเก่ง บางคนซื้อน้ำหอมมาหลายกระปุกมากๆ จนใช้ไม่ทัน เปิดมาอีกทีกลิ่นเปลี่ยน เหม็นหืนไปแล้วแต่ไม่กล้าทิ้งเพราะซื้อมาขวดละหลายพัน ( บางทีเป็นหมื่น )

เครื่องสำอางก็เช่นบลัชออน บรอนเซอร์ อายแชโดว์ที่ใช้แค่ครั้งสองครั้งแล้วเก็บใส่กรุดองยาว จะแพงแค่ไหนก็ขอให้ทิ้ง เพราะมันเกี่ยวกับสุขอนามัยด้วย ถ้าสีเปลี่ยน กลิ่นเปลี่ยน จะซื้อมาเป็นแสนก็ไม่คุ้มกับผิวพัง หน้าพังนะคะ

ทั้งนี้ ถ้าเป็นของอื่นๆ ที่ไม่มีวันหมดอายุ เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า มันก็จะวนกลับไปที่ข้อ 1 ว่า เธอได้ใช้ในหนึ่งปีที่ผ่านมาไหม ถ้าไม่ ก็ตัดใจขาย ยกให้คนอื่นหรือบริจาคไปดีกว่า ถึงเก็บไว้ ปีหน้าเธอก็ต้องมานั่งถามตัวเองอีกรอบอยู่ดี เพราะยังไงเธอก็ไม่ใช้ เธอแค่เสียดายขึ้นมาเฉียบพลันเท่านั้นเอง

3. ที่ยังเก็บของชิ้นนี้ไว้ เพราะมันมี ' คุณค่าทางใจ ' หรือเปล่า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/cba60848e85f5ac924becc8c4517a2d3.jpg

ข้อนี้จะเรียกว่าเป็นกับดักของ ' คนชอบเก็บของ ' ก็ว่าได้ เพราะของนอกกายยังไม่สำคัญเท่าของที่มีคุณค่าทางใจเนอะ ยิ่งของที่มีชิ้นเดียวในโลกอย่างจดหมาย รูปถ่าย ของจากแดนไกล ของในวัยเด็กที่ย้อนเวลากลับไปทำซ้ำไม่ได้แล้ว จะให้ทำใจทิ้งหรือบริจาคให้คนแปลกหน้า มันก็ค่อนข้างลำบากอยู่


ที่จริงถ้าบ้านของเธอค่อนข้างใหญ่ พื้นที่เยอะ มันก็เก็บได้แหละ แต่บางคนที่บ้านเล็ก พื้นที่แคบ ของใหม่ๆ ก็มีเข้ามาทุกวัน ถึงเวลาต้องเลือกแล้ว จะทำยังไงดีล่ะ?

ขอเสนอทริคส่วนตัวของเรานะคะ ให้เรียงลำดับความสำคัญของไอเทมทุกชนิดที่มีก่อน จากสำคัญสุดๆ หายไปขาดใจตายแน่ กับแค่ของที่ระลึกจากความทรงจำ มีก็ดีไม่มีก็ช่างมัน ให้เก็บแค่อันที่ทำให้เรามีความสุข ทำให้เรามีเป้าหมายใช้ชีวิตต่อเท่านั้น


ส่วนของที่มาจากเพื่อนไม่สนิท คนรู้จักห่างๆ ที่ให้เรามาเป็นมารยาท แต่ของชิ้นใหญ่เทอะทะเกะกะบ้าน พวกนี้เราทิ้งๆ ไปบ้างก็ได้ เพราะถ้าสำคัญจริงมันก็คงไม่ได้อยู่ในห้องเก็บของตั้งแต่แรกหรอก จริงไหม?

ในยุค 2021 แบบนี้ หากเป็นพวกเอกสาร จดหมาย อัลบั้มรูป แนะนำให้สแกนเข้า google drive หรือระบบ cloud ข้อดีคือไม่เปลืองพื้นที่ ตัวอักษร รูปต่างๆ ก็ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลาด้วยถ้าเป็นพวกตุ๊กตา กรอบรูป รูปปั้น หรือของที่กินพื้นที่ ก็ถ่ายรูปเก็บไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่อยปล่อยต่อ เชื่อเถอะว่าจะได้พื้นที่โล่งๆ ในบ้านกลับมาเยอะเลยละค่ะ

4. ถ้าเธอเห็นของชิ้นนี้ครั้งแรก เธอจะอยากซื้อมันไหม?

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/dba87f38dac6f168394237f204274e09.jpg

ข้อนี้น่าจะเหมาะกับสาวๆ ที่ชอบซื้อของ สั่งพัสดุมาเต็มบ้านจากโปรแอปช้อปปิ้งแบบไม่มีสติ เห็นแก่ของถูก พรีออเดอร์แล้วราคาถูกกว่าปกติ 50% ซื้อ 1 แถม 1 ค่าส่งฟรี หรืออะไรก็ตามแต่ที่สาเหตุการซื้อหลักๆ ไม่ได้มาจากสรรพคุณสินค้า


แต่มาจากโปรโมชันหรือการขายพ่วง

ตอนของมาส่งที่บ้าน แกะพัสดุมานั่งชื่นชมไม่กี่นาทีหรอก สุดท้ายก็ไปเก็บสุมรวมไว้ในตู้ ลิ้นชัก ห้องเก็บของ จากนั้นก็ลืมมม ไปเลย รู้อีกทีก็ไม่มีพื้นที่จะเก็บแล้ว - -

ถามตัวเองคำเดียวเลยค่ะว่า" ของชิ้นนี้เนี่ย ถ้าเห็นครั้งแรกในห้าง หรือเห็นในแอปแบบราคาเต็ม ไม่มีโปรเนี่ย จะยังอยากซื้ออยู่ไหม? "ถ้าคำตอบแวบแรกของเธอคือ' ไม่ 'ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเธอไม่จำเป็นต้องมีสิ่งนี้อยู่ในชีวิต


ความช้อปแหลกของผู้หญิงบางคนรุนแรงถึงที่ว่า เป็นของที่เธอไม่มีวันใช้แน่ๆ แต่เธอก็ยังซื้อเพราะส่งฟรี อยากได้แต้ม #มาร์เกตติ้งนี่มันน่ากลัวจริงๆ!! แยกของเหล่านั้นแล้วเอาไปปล่อยขาย บริจาค หรือช่องทางใดๆ ตามสมควรเถอะ เธอก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีวันได้ใช้ อย่า-หลอก-ตัว-เอง!!

5. เธอยังมีของชิ้นอื่นๆ ที่ฟังก์ชันไม่ต่างกัน ใช้ได้เหมือนกันหรือเปล่า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3ace83de6c1ffc10703032997e36d7da.jpg

ผู้หญิงบางคนชอบเก็บสะสมเครื่องสำอางเป็นคอลเลกชัน ต้องมีทุกเนื้อ ทุกเฉดสี ยี่ห้อไหนออกสีนี้มาต้องซื้อเก็บหมด รู้ตัวอีกทีมันกำลังจะทยอยหมดอายุในอีกเดือนสองเดือนข้างหน้า แต่ยังเหลืออีกเป็นร้อยแท่ง

,

บางคนชอบซื้อเสื้อผ้าแบบคล้ายๆ กัน สีเหมือนๆ กัน ลงเอยด้วยการมีเสื้อแบบเดิมเป็นสิบๆ ตัวเต็มตู้ไปหมด เป็นต้น ถึงจุดนึงของมันจะล้นจนเธอต้องเลือกบางสิ่ง เพื่อทิ้งบางสิ่งจนได้ค่ะ

ในส่วนของเครื่องสำอาง เราแนะนำให้เลือกยี่ห้อและเฉดสีที่เธอชอบ หรือเข้ากับบุคลิกของเธอที่สุด เป็นตัวยืนหนึ่งในหมู่บ้าน แล้วคัดเลือกชิ้นอื่นๆ ว่า ' ทำได้คล้ายคลึงหรือเหมือนกับลิปตัวโปรดของเธอหรือไม่ '

ถ้าทำได้เหมือนกัน ไม่ได้โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ ไม่ต้องเก็บไว้ จะทิ้งหรือบริจาคก็ว่าไป เพราะเธอจะเก็บของที่ใช้ได้เหมือนๆ กันหลายชิ้นไปเพื่ออะไร? เปลืองพื้นที่

หากเป็นพวกเสื้อผ้า หากลายเสื้อแนวเดียวกัน ตอนใส่ก็ลุคเหมือนๆ กัน ก็ลองคัดเลือกว่าตัวไหนใส่สบาย เข้ากับสรีระของเธอที่สุด ที่เหลือตกรอบ อัญเชิญออกจากบ้านได้

เหมือนรายการ survivor นั่นแหละค่ะ ในเมื่อมันมีของใช้ได้คล้ายๆ กันเยอะแยะไปหมด แต่พื้นที่มีจำกัด ก็ต้องเลือกเก็บอันที่ดีที่สุดไว้ นี่แหละความจริงที่โหดร้ายของโลกใบนี้!!

6. เธอมีแพลนจะใช้ของชิ้นนี้ ' ในอนาคต ( จริงๆ แบบไม่มโน ) ' หรือเปล่า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6c2d03e10e98523d83a077d1b829ead4.jpg

ไม่ว่าจะของชิ้นไหนก็ตามที่เธอเก็บสุมไว้ ทั้งของที่มีวันหมดอายุอย่างอาหาร เครื่องสำอาง สกินแคร์ หรือของที่ใช้ได้ยาวๆ อย่างเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทุกชิ้นควรจะต้องมี ' วันที่ได้ใช้ '

ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างกับเราเก็บขยะไว้ในบ้าน อาจไม่ได้ใช้วันนี้ พรุ่งนี้ หรือสัปดาห์หน้า แต่ขอแค่ในอนาคตข้างหน้ามีวันได้ใช้แน่ๆ แบบไม่มโนไปเอง มันก็มีคุณค่ามากพอที่จะเก็บไว้แล้วละค่ะ

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นผงเครื่องปรุง น้ำพริก ที่คนส่วนใหญ่ชอบซื้อแล้วก็ลืมไว้ในตู้เย็น เปิดมาอีกทีก็เน่าแล้ว หาวันว่างเคลียร์ตู้สักหน่อยว่า ผงๆ เหล่านี้จะยังมีโอกาสได้เอามาใช้ทำอาหารไหม? ถ้ามันใกล้จะหมดอายุแล้ว แต่มองยังไงก็ไม่น่าได้ใช้แน่ๆ ก็เคลียร์พื้นที่ออกไปให้อาหารที่เรากินอยู่ทุกวันแทนจะดีกว่า,


หากเป็นสายตุนสกินแคร์ มาสก์ ครีมต่างๆ ถ้าดูแล้วใกล้หมดอายุ อนาคตปีหน้า สองปีข้างหน้าก็ไม่น่าจะใช้ทัน เราแนะนำให้รีบขายลดราคาหรือยกให้เพื่อนๆ ไปเลย จะได้ไม่เสียของฟรี แถมยังเผื่อแผ่น้ำใจให้ผู้อื่นอีกนะคะ

7. ถ้าต้องเอาไปทิ้ง เธอจะ ' หาประโยชน์ ' อะไรจากของชิ้นนี้ได้บ้าง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/feae62a1733e0d2419a20cab83ec41e6.jpg

เวลาเราเคลียร์ของในบ้าน มันจะมีของบางอย่างที่เราไม่ลังเลหรอก ยังไงก็จะเอาออกไปทิ้งแน่นอน

แต่ถ้าแค่มัดเชือกฟางขายให้ซาเล้ง หรือโยนใส่ถุงดำให้รถเก็บขยะมารับ บางทีก็อาจจะเป็นวิธีที่ ' สูญเปล่า ' ไปนิดนึง

เธอสามารถปล่อยของออกได้ฉลาดมากกว่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องโยนทิ้งเสมอไป

วิธีเคลียร์ของออกจากบ้านมีมากมาย เช่น

มอบหรือยกให้เพื่อน คนรู้จัก รุ่นพี่รุ่นน้องที่ต้องการใช้, ถ้าสภาพยังพอใช้ได้ ก็ขายตามตลาดนัดเปิดท้ายขายของ หรือขายลงแอปช้อปปิ้งออนไลน์ , ถ้าเป็นของมีมูลค่า ลองลงประมูลในเว็บไซต์, บริจาคให้มูลนิธิ หากเป็นของชิ้นเล็กเธอส่งพัสดุไปเองได้เลย แต่ถ้าของชิ้นใหญ่มากๆ บางมูลนิธิสามารถเรียกรถให้มารับไปได้

เป็นต้น

เธอยังสามารถถือโอกาสนี้ทำบุญด้วยการใช้เงินจากการขายของ ทำบุญเพื่อคนยากไร้ไปในตัว บ้านก็โล่ง แถมยังได้ช่วยเหลือผู้คนอีกด้วย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/58/e3/99/58e3992eb64f2a5e9874bb60fbc8ac85.gif

-----------------------------------------------

ไม่ต้องมีมาริเอะ คนโดะ เจ้าแม่แห่งการจัดบ้านมาบอก ทุกคนก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ของทุกชิ้นในบ้านควรจะมีคุณค่าต่อเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากไม่ได้สร้างรายได้ ไม่ได้อำนวยความสะดวกให้เราอย่างชัดเจน การมีอยู่ของสิ่งนั้นก็ควรจะทำให้เรามีความสุข เพิ่มความมั่นใจ เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปให้เราได้ อย่างที่คำถามทั้ง 7 ข้อในบทความนี้ถามให้เธอย้อนกลับไปทบทวนตัวเองค่ะ ว่าเรา ' ต้อง ' มีของชิ้นนี้จริงๆ หรือเปล่า

ถ้าสาวๆ หาคำตอบไม่เจอว่าเธอควรมีมันไปทำไม เธอก็ไม่ควรลังเลในการปล่อยมือจากมันไปเช่นกัน เพราะมีหรือไม่มีก็ไม่ต่าง อย่าลืมว่าของทุกอย่างมีค่าบำรุงรักษา อย่างน้อยๆ เลยก็ต้องมีพื้นที่ให้เก็บ บางอย่างเก็บไว้นานก็เสีย พัง เก็บกวาดยากกว่าเดิมอีก สู้เคลียร์ของ ขายออกหรือบริจาคยังจะดีกับบ้าน ดีกับโลกมากกว่า ไม่ต้องฮาร์ดคอร์ทิ้งของยกบ้านก็ได้ แค่เก็บของที่ไม่จำเป็นกับเธออีกต่อไป เชื่อเถอะว่าบ้านจะน่าอยู่ สร้างแรงบันดาลใจได้มากกว่าที่เคยเป็น ลองดูนะคะซิส :)