Pearrisa
ติดตาม

ปวดหลังทั้งๆ ที่ยังไม่แก่! 7 พฤติกรรมทำให้ “ ปวดคอ - ปวดหลัง ” ที่เผลอทำจนชิน ไม่อยากทรมานรีบหยุดด่วน
สาวซิสจ๋าาา ใครที่มีอาการปวดเนื้อเมื่อยตัวอยู่บ่อยๆ ก็ต้องรีบตามมาเช็ก 7 พฤติกรรมทำให้ “ ปวดคอ - ปวดหลัง ” ที่เธออาจเผลอทำแบบไม่รู้ตัว เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดตามจุดยอดฮิตขึ้นได้ทั้งนั้นเลยนะ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
การไม่ปวดหลัง เป็นลาภอันประเสริฐ… สาธุ (ˇʃƪˇ)

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
สวัสดีค่ะสาวซิส เราแวะมาทักทายพร้อมกับชวนทุกคนเมาท์มอยกันอีกเช่นเคยเลยค่ะ โดยท็อปปิกที่เราหยิบมาพูดคุยกันวันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพนั่นเอง เพราะเราเชื่อว่าสาวๆ แต่ละคนก็อาจมีปัญหาด้านสุขภาพหรือโรคภัยไข้เจ็บที่แตกต่างกันออกไป… แล้วขอถามหน่อยสิว่ามีใครกำลังโดนปัญหา “ ปวดคอ ” หรือ “ ปวดหลัง ” เล่นงานอยู่ในตอนนี้เหมือนกันบ้างรึเปล่า??? ต้องบอกเลยนะว่าอาการปวดบริเวณคอและหลัง มันไม่ได้เป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับคนที่อายุเยอะๆ หรือคนสูงวัยเท่านั้นหรอกนะ เพราะต่อให้เธอจะยังอายุน้อยเป็นสาววัยใสก็มีโอกาสเจอกับปัญหานี้ได้เหมือนกัน
วันนี้เราเลยจะพาไปเช็ก 7 พฤติกรรมทำให้ “ ปวดคอ - ปวดหลัง ” ที่ใครหลายคนอาจเผลอทำจนชิน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าพฤติกรรมเหล่านี้มันเป็นสาเหตุทำให้อาการปวดตามร่างกายมันรุนแรง จนอาจลุกลามถึงขั้นกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง ถ้าอยากรู้ว่าพฤติกรรมยอดแย่จะมีอะไรบ้าง ก็รีบตามไปดูได้เลย!
● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ●
① จ้องหน้าจอสมาร์ตโฟนทั้งวัน

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
สมัยนี้สมาร์ตโฟนแทบจะกลายมาเป็นอวัยวะอีกหนึ่งอย่างของคนเราไปแล้วว่ามั้ยคะ??? ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่หรอกนะที่หลายคนจะต้องจับสมาร์ตโฟนอยู่ตลอดเวลา เพื่อเช็กอีเมลของบริษัท / แชทคุยกับเพื่อน / อัปเดตข่าวคราวต่างๆ ก่อนใคร แต่เคยสังเกตรึเปล่าว่าเวลาที่สาวๆ หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาไถส่องนั่นดูนี่ ก็มักจะก้มหน้ามองจอหรือเรียกง่ายๆ ว่าเข้าสู่โหมด #สังคมก้มหน้า เป็นเวลานาน ยิ่งก้มหน้าเล่นสมาร์ตโฟนมากเท่าไหร่ คอก็เป็นอวัยวะที่ต้องแบกรับน้ำหนักของศีรษะมากขึ้นเท่านั้น เลยทำให้เกิดอาการปวดคอตามมาได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นหากใครรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนติดสมาร์ตโฟนมากๆ ก็แนะนำให้ถือสมาร์ตโฟนในระดับสายตา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องก้มหน้าก้มตานานๆ จนเสี่ยงปวดคอไงล่ะ
② ขี้เกียจออกกำลังกาย

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ ฮา-ไฮ ฮา-ไฮ~ เราเชื่อว่าตั้งแต่เล็กจนโตหลายคนก็คงจะโดนปลูกฝังจากทั้งคุณครูและคุณพ่อ - คุณแม่แล้วว่า ถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรงไร้โรคภัยก็ต้องหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งทางเราเองก็ต้องขอคอนเฟิร์มเลยนะว่าการออกกำลังกายมันช่วยเพิ่มความสตรองและแก้ปัญหาสุขภาพได้จริงๆ ค่ะ เพราะหากสาวคนไหนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยสักครั้งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพราะขี้เกียจ ไม่มีเวลา หรือเหนื่อยง่ายจนท้อและถอดใจไม่ออกกำลังกายในที่สุด ก็มีความเสี่ยงที่ข้อต่อต่างๆ ตามร่างกายจะเกิดการเสื่อมได้เร็วขึ้น พอต้องขยับตัวเคลื่อนไหวไปมาก็อาจเกิดอาการปวดได้ รู้แบบนี้แล้วสาวจอมขี้เกียจทั้งหลายก็ต้องหาเวลาลุกขึ้นมาออกกำลังกายเป็นประจำ โดยการออกกำลังกายที่ช่วยลดการปวดหลังได้ดีก็มีตั้งแต่การเดินออกกําลังกาย ไปจนถึงการฝึกพิลาทิสให้ได้เลือกตามความชอบเลย
③ นั่งท่าเดิมเป็นเวลานานๆ

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
สาวๆ สังเกตเห็นเหมือนกันบ้างรึเปล่าคะว่าคนใกล้ตัวที่เป็นมนุษย์ออฟฟิศ มักจะมาบ่นให้ฟังอยู่บ่อยๆ เลยว่าตัวเขาเหล่านั้นมีอาการปวดหลัง / ปวดคอจนรู้สึกทรมานขั้นสุด นั่นก็เพราะว่าคนเหล่านี้ต้องทำงานอยู่หน้าโต๊ะทำงานแทบจะตลอดทั้งวัน ไม่ได้ลุกขึ้นเพื่อขยับตัวเดินไปมาสักเท่าไหร่ ซึ่งการนั่งทำงานเป็นเวลานานก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้เหมือนกันนะ ก็พอนั่งท่าเดิมนานจนเกินไปก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อล้าและตึงได้ง่ายๆ เพราะกล้ามเนื้อทำงานอยู่เพียงแค่กลุ่มเดียว จนเกิดเป็นอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง หรือที่เรียกกันว่า “ Office Syndrome ” ขึ้นนั่นเอง ทางที่ดีสาวออฟฟิศหรือคนที่ Work from Home ทำงานหน้าโต๊ะคอมฯ ที่บ้าน ก็ไม่ควรนั่งท่าเดิมนานติดต่อกันหลายชั่วโมง แนะนำให้ลุกขึ้นเดินเพื่อยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนื้อ และถือโอกาสพักสายตาจากการจ้องหน้าจอคอมฯ บ้างจะดีกว่านะคะ
④ ติดนิสัยชอบนั่งไขว่ห้าง

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
“ ท่านั่งไขว่ห้าง ” ถือเป็นท่านั่งยอดฮิตท่านึงสำหรับทั้งสาวๆ และหนุ่มๆ บางคนเลยนะคะ แล้วถึงแม้ว่าการนั่งไขว่ห้างจะมองดูแล้วมีความชิคๆ คูลๆ ก็จริง แต่พฤติกรรมการนั่งไขว่ห้างบ่อยๆ จนติดเป็นนิสัย ก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังตามมาได้นะ เพราะท่านั่งไขว่ห้างเป็นการนั่งที่จะต้องถ่ายเทน้ำหนักไปที่ขาข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีสักเท่าไหร่แล้วยังทำให้กล้ามเนื้อบริเวณสะโพก เอว และกระดูกสันหลังเกิดการผิดรูป / คดงอ จนอาจถึงขั้นหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาทและปวดหลังรุนแรงมากกว่าเดิม ดังนั้น หากรู้ตัวว่าตัวเองเผลอนั่งไขว่ห้างเมื่อไหร่ ก็ให้รีบปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่งมานั่งหลังตรงและวางเท้าทั้งสองข้างแนบพื้นให้ไวเลยนะ
⑤ สะพายกระเป๋าใบใหญ่ที่ใส่ของหนักๆ

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
หูยยย ถ้าได้ลองเปิดกระเป๋าของสาวๆ บางคนดูก็จะรู้เลยนะว่าคำว่า “ บ้าหอบฟาง ” มีอยู่จริง!!! เพราะพวกเธอมักจะพกของสารพัดสิ่งยัดไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ สมุด หนังสือ ร่ม กระเป๋าเครื่องสำอาง ไอแพด ฯลฯ จนแทบไม่ต่างอะไรจากกระเป๋าโดเรมอนที่มีทุกสิ่งที่ต้องการ ซึ่งการเตรียมของที่จำเป็นต้องใช้เอาไว้ในกระเป๋ามันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่หรอกนะคะ แต่อย่าลืมสิว่ายิ่งพกของเยอะเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักกระเป๋ามากขึ้นเท่านั้น แล้วทำให้คอและไหล่ต้องแบกรับน้ำหนักของกระเป๋าที่เยอะเกินไป พอสะพายกระเป๋าหนักๆ เป็นประทำทุกวันก็จะเกิดอาการปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลังตามมาในที่สุด งานนี้ใครที่เป็นคนชอบพกของเยอะๆ ก็ควรเปลี่ยนมาใช้กระเป๋าเป้แล้วสะพายสายสองข้างขึ้นไหล่แทนจะดีกว่า จะได้ช่วยกระจายน้ำหนักกระเป๋าให้สมดุลกับทั้งไหล่ซ้ายและขวานั่นเอง
⑥ ปล่อยให้ความเครียดสะสม

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
หลายคนพอมีอาการปวดเนื้อเมื่อยตัวทีไรก็ชอบหันไปโฟกัสที่ร่างกายภายนอกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ดันลืมส่วนสำคัญอย่างเรื่องของจิตใจไปซะสนิท โดยเฉพาะ “ ความเครียด ” ที่เรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่คอยบ่อนทำลายสุขภาพแบบไม่รู้ตัว ก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดคอได้เหมือนกันนะ เพราะสาวๆ คนไหนที่มีเรื่องให้คิดให้เครียดแทบจะตลอดเวลา หรือปล่อยให้เกิดความเครียดสะสมเป็นเวลานาน ช่วงไหนที่ความเครียดทะลุพิกัดหรือรู้สึกกังวลใจ ก็มักจะมีอาการปวดหัวและทำให้รู้สึกปวดบริเวณศีรษะ คอ บ่า และไหล่ตามมาด้วย เธอเลยควรหาเวลาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและผ่อนคลายตัวเองจากเรื่องเครียดๆ ทั้งหลาย พอจิตใจสดชื่นแจ่มใสไม่มีเรื่องเครียดก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดเหล่านี้ไปได้
⑦ กินอาหารขยะมากเกินไป

- ที่มารูป:
i.pinimg.com
ถ้าสาวซิสอยากสุขภาพดีและไร้โรคภัยไข้เจ็บ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ อย่างนึงเลยก็คือเรื่อง “ อาหารการกิน ” นี่แหละค่ะ เพราะอาหารชนิดต่างๆ ที่ตักเข้าปากและกลืนลงท้อง ย่อมส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคนเราได้ทั้งนั้น หากเลือกกินอาหารดีที่มีประโยชน์ก็จะช่วยบำรุงให้สุขภาพดีและแข็งแรง แต่สำหรับคนที่ชอบกินอาหารขยะที่รสชาติถูกปาก ( แต่ไร้ประโยชน์ ) ปริมาณมากๆ ร่างกายก็จะไม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียงพอ แถมกินเข้าไปแล้วยังทำให้อ้วนง่ายขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าอีกด้วยนะ พอน้ำหนักตัวเพิ่มสูงขึ้นจนเกิดมาตรฐานก็อาจยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะเกิดอาการปวดหลังเรื้อรังได้ เพราะกระดูกสันหลังต้องรองรับน้ำหนักตัวที่มากขึ้นนั่นเอง ถึงแม้ว่าอาหารขยะมันจะรสชาติอร่อยกินเพลินก็จริง แต่ต้องห้ามใจและห้ามปากให้ได้ ควรลดปริมาณการกินลงหรือกินแค่นานๆ ครั้งก็พอแล้วละ
● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ● ○ ●
เป็นยังไงบ้างคะ??? หลังจากที่ได้อ่าน พฤติกรรมที่ทำให้ “ ปวดคอ - ปวดหลัง ” ไปจนครบทั้ง 7 ข้อแล้ว สาวๆ ก็คงรู้แล้วนะว่าสาเหตุที่ทำให้เธอมีอาการปวดคอ / ปวดหลังจนทรมานอยู่ ณ ตอนนี้ มันอาจเกิดจากพฤติกรรมแย่ๆ ที่เผลอทำบ่อยจนชินของตัวเองก็เป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นการติดสมาร์ตโฟน นั่งท่าเดิมนานๆ ไม่ชอบออกกำลังกาย หรือแม้แต่การกินอาหารขยะที่ไม่มีประโยชน์ แต่ในเมื่อวันนี้รู้ตัวแล้วว่าพฤติกรรมแบบไหนที่ทำแล้วส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอาการปวดคอ / ปวดหลัง ก็ต้องรีบหยุดหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้น แล้วหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพให้มากขึ้นกว่าเดิมด่วนๆ เลย
v(=∩_∩=)