บทที่ 1

รูปภาพ:

แสงตะวันส่องลอดผ่านผ้าม่านในยามเช้าวันหยุด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจนน่ารำคาญ หญิงสาวใต้ผ้าห่มขยับตัวเอื้อมมือปิดเสียงก่อนจะซุกตัวลงนอนต่อ ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง จำต้องลุกขึ้นจากที่นอนเดินงัวเงียมาเปิดประตู

“เมื่อไหร่จะตื่นยะ นอนจนตะวันส่องก้นแล้ว” เสียงแหลมแสบแก้วหูของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นมองน้องสาวท้องเดียวกันที่กำลังยกมือขยี้เส้นผมด้วย สีหน้าหงุดหงิด

“วันนี้วันหยุดนะ ให้จอมได้นอนซ้อมตายไม่ได้เหรอ?” ลฎาภาตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตาทั้งสองข้างยังลืมขึ้นไม่เต็มตื่น

“ใช่! วันหยุด แต่แกไม่คิดจะตื่นมาออกกำลังกาย ไปเดินเล่นนอกจากนอนอืดอยู่ในห้องหรือไงห๊ะ! ”

คนฟังถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือปิดประตูแต่คนเป็นพี่รั้งเอาไว้และมองด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง

“การนอนเป็นปัจจัยที่สำคัญพี่รู้ไหม? ทำให้ไม่แก่เร็วน่ะ”

ถลัชนันท์ถลึงตาใส่ทันที เพราะคำว่า ‘แก่’ นั้นกระทบเต็มๆ

“รีบอาบน้ำแล้วลงมาซะ” คนเป็นพี่กัดฟันพูดส่งสายตามองน้องสาวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปทันที ขณะที่ลฎาภานั้นมองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วปิดประตูห้องลง เธอเดินกลับเข้ามาในห้องพลางถอนหายใจออกมา ส่งสายตามองไปยังโต๊ะข้างหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่

ยังไม่เที่ยงสักหน่อย...

เธอเดินเข้าห้องน้ำจัดการแปลงฟันและล้างหน้า ก่อนใช้มือสางผมที่พันกันให้เรียบร้อยและทาแป้งที่แก้มทั้งสองข้าง และกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม ครั้นกำลังจะเปิดโน้ตบุ๊กเสียงตะโกนจากชั้นล่างก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ต้องลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปในทันที

“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก” เสียงแหลม ๆ ของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่บอกไว้แล้วว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะต้องออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้

“ก็ไม่ได้ออกไปไหนนี่ จะอาบทำไมล่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม สายตามองอาหารเช้าตรงหน้า ตอนแรกตั้งใจว่าวันนี้จะไม่ลงมารับประทานอาหารช่วงเช้าเผื่อน้ำหนักที่กำลังขึ้นในช่วงนี้จะได้ลดลงบ้าง ทว่าเมื่อเห็นเมนูโปรดตรงหน้าแล้ว...ขอเปลี่ยนความคิดดีกว่า

“ไม่ต้องกิน ถ้ายังไม่อาบน้ำ” คนเป็นพี่พูดขณะที่ยกชามโจ๊กตรงหน้าของน้องสาวออกมา

ลฎาภามองด้วยความเสียดายสุด ๆ แต่ก็ไม่ยอมลุกขึ้นทำตามโดยดี

“ไม่เอา” เธอทำหน้ามุ้ย วางช้อนลงที่โต๊ะแล้วลุกขึ้น

“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเข้มแกมสั่งของพี่สาวทำให้หญิงสาวมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “ก็ได้ ถ้าไม่ไปเดือนนี้ ก็ไม่ต้องกินข้าวที่บ้าน ของใช้ ผ้าอนามัย สบู่ล้างหน้า ครีม...”

“ไป ๆ ไปอาบแล้ว !” ได้ผลทันตา ลฎาภารีบวิ่งขึ้นบันไดไปแต่ไม่วายเธอโน้มตัวลงมาและตะโกนเสียงดังว่า “พี่จ่ายนะ” ก่อนจะหายลับไปทันที

ถลัชนันท์มองและส่ายหน้าออกมาไม่ต้องพูดก็รู้อยู่แล้วว่าต้องจ่ายให้ คนอย่างลฎาภางกสุด ๆ ไม่ยอมให้เงินใน บัญชีลดลงแน่นอน ก็ยังดีที่ช่วยงานบ้านและยอมไปช่วยถือของบ้าง

...ให้ตายสิ น้องบ้า !

“วันนี้กินหม้อไฟกันนะ” ลฎาภาหันไปพูดขณะที่จอดรถเข้าซองแล้วคนเป็นพี่สาวหันมองเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้เจ้าน้องสาวขี้งก “เออ ๆ ไปช่วยซื้อของก่อนแล้วกัน” พูดตัดด้วยความรำคาญเสียมากกว่า เพราะตั้งแต่ลฎาภาย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลวงด้วยแล้ว มารดาและพี่ชายก็ฝากให้เธอเป็นคนดูและน้องสาวคนนี้ ด้วยเพราะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่ใครให้งกขนาดนี้กันละ ถ้าไม่ติดว่าเงินเดือนของเธอมากพอที่จะดูแลน้องด้วย คงไม่ยอมแน่ ๆ“เย้!” หญิงสาวร้องขึ้นทันที เพราะว่าเงินในเดือนนี้ใช้ไปกับเรื่อง ไร้สาระจนเกือบจะหมดแล้ว “มีสายเปย์แบบนี้ นี่ดีจริง ๆ”ลฎาภาเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าที่เบาะหลังลงขณะที่ถลัชนันท์นั้นเปิดประตูลงมารอข้างนอก หญิงสาวปิดประตูและเดินอ้อมเข้ามาหาพี่สาวเกาะแขนอ้อนราวกับบอกว่า ‘หม้อไฟอย่าลืมนะ’ถลัชนันท์ได้แค่ถอนหายใจมองหน้าน้องสาวคนเล็กจอมเอาแต่ใจขณะที่เดินผ่านประตูเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ครั้นเดินเข้ามาแล้ว เสียงผู้คนก็ดังไม่ขาดสาย ทั้งเสียงตะโกนเรียกของพนักงานหน้าร้าน หรือแม้กระทั่งเสียงพูดคุยของคู่รัก...แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของลฎาภาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับคนเป็นพี่ที่ทำสีหน้าหงุดหงิดออกมา“ไปซื้อของเสร็จแล้วเอาของไปเก็บแล้วมากินหม้อไฟ แล้วต่อด้วยขนมหวานหน่อยดีไหม”“ไม่” ถลัชนันท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ทำให้คนฟังเดาได้ไม่ยากจากอารมณ์ที่แปรปรวนนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องการมองคู่รักเดินจับมือกันหวานชื่น แต่พี่สาวอายุเลยเลยสามมาแล้วหลายปีก็ยังไม่มีหวังเรื่องแต่งงานสักที แฟนที่คบกันอยู่ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้สักนิด“ถึงจะไม่ตะโกนออกมาว่า ‘อยากแต่งงาน’ แต่หน้าชัดเจนมาก ๆ”

“วันนี้กินหม้อไฟกันนะ” ลฎาภาหันไปพูดขณะที่จอดรถเข้าซองแล้วคนเป็นพี่สาวหันมองเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้เจ้าน้องสาวขี้งก “เออ ๆ ไปช่วยซื้อของก่อนแล้วกัน” พูดตัดด้วยความรำคาญเสียมากกว่า เพราะตั้งแต่ลฎาภาย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลวงด้วยแล้ว มารดาและพี่ชายก็ฝากให้เธอเป็นคนดูและน้องสาวคนนี้ ด้วยเพราะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่ใครให้งกขนาดนี้กันละ ถ้าไม่ติดว่าเงินเดือนของเธอมากพอที่จะดูแลน้องด้วย คงไม่ยอมแน่ ๆ“เย้! ” หญิงสาวร้องขึ้นทันที เพราะว่าเงินในเดือนนี้ใช้ไปกับเรื่อง ไร้สาระจนเกือบจะหมดแล้ว “มีสายเปย์แบบนี้ นี่ดีจริง ๆ”ลฎาภาเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าที่เบาะหลังลงขณะที่ถลัชนันท์นั้นเปิดประตูลงมารอข้างนอก หญิงสาวปิดประตูและเดินอ้อมเข้ามาหาพี่สาวเกาะแขนอ้อนราวกับบอกว่า ‘หม้อไฟอย่าลืมนะ’ถลัชนันท์ได้แค่ถอนหายใจมองหน้าน้องสาวคนเล็กจอมเอาแต่ใจขณะที่เดินผ่านประตูเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ครั้นเดินเข้ามาแล้ว เสียงผู้คนก็ดังไม่ขาดสาย ทั้งเสียงตะโกนเรียกของพนักงานหน้าร้าน หรือแม้กระทั่งเสียงพูดคุยของคู่รัก...แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของลฎาภาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับคนเป็นพี่ที่ทำสีหน้าหงุดหงิดออกมา“ไปซื้อของเสร็จแล้วเอาของไปเก็บแล้วมากินหม้อไฟ แล้วต่อด้วยขนมหวานหน่อยดีไหม”“ไม่” ถลัชนันท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ทำให้คนฟังเดาได้ไม่ยากจากอารมณ์ที่แปรปรวนนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องการมองคู่รักเดินจับมือกันหวานชื่น แต่พี่สาวอายุเลยเลยสามมาแล้วหลายปีก็ยังไม่มีหวังเรื่องแต่งงานสักที แฟนที่คบกันอยู่ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้สักนิด“ถึงจะไม่ตะโกนออกมาว่า ‘อยากแต่งงาน’ แต่หน้าชัดเจนมาก ๆ”

“วันนี้กินหม้อไฟกันนะ” ลฎาภาหันไปพูดขณะที่จอดรถเข้าซองแล้วคนเป็นพี่สาวหันมองเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้เจ้าน้องสาวขี้งก “เออ ๆ ไปช่วยซื้อของก่อนแล้วกัน” พูดตัดด้วยความรำคาญเสียมากกว่า เพราะตั้งแต่ลฎาภาย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลวงด้วยแล้ว มารดาและพี่ชายก็ฝากให้เธอเป็นคนดูและน้องสาวคนนี้ ด้วยเพราะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่ใครให้งกขนาดนี้กันละ ถ้าไม่ติดว่าเงินเดือนของเธอมากพอที่จะดูแลน้องด้วย คงไม่ยอมแน่ ๆ“เย้! ” หญิงสาวร้องขึ้นทันที เพราะว่าเงินในเดือนนี้ใช้ไปกับเรื่อง ไร้สาระจนเกือบจะหมดแล้ว “มีสายเปย์แบบนี้ นี่ดีจริง ๆ”ลฎาภาเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าที่เบาะหลังลงขณะที่ถลัชนันท์นั้นเปิดประตูลงมารอข้างนอก หญิงสาวปิดประตูและเดินอ้อมเข้ามาหาพี่สาวเกาะแขนอ้อนราวกับบอกว่า ‘หม้อไฟอย่าลืมนะ’ถลัชนันท์ได้แค่ถอนหายใจมองหน้าน้องสาวคนเล็กจอมเอาแต่ใจขณะที่เดินผ่านประตูเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ครั้นเดินเข้ามาแล้ว เสียงผู้คนก็ดังไม่ขาดสาย ทั้งเสียงตะโกนเรียกของพนักงานหน้าร้าน หรือแม้กระทั่งเสียงพูดคุยของคู่รัก...แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของลฎาภาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับคนเป็นพี่ที่ทำสีหน้าหงุดหงิดออกมา“ไปซื้อของเสร็จแล้วเอาของไปเก็บแล้วมากินหม้อไฟ แล้วต่อด้วยขนมหวานหน่อยดีไหม”“ไม่” ถลัชนันท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ทำให้คนฟังเดาได้ไม่ยากจากอารมณ์ที่แปรปรวนนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องการมองคู่รักเดินจับมือกันหวานชื่น แต่พี่สาวอายุเลยเลยสามมาแล้วหลายปีก็ยังไม่มีหวังเรื่องแต่งงานสักที แฟนที่คบกันอยู่ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้สักนิด“ถึงจะไม่ตะโกนออกมาว่า ‘อยากแต่งงาน’ แต่หน้าชัดเจนมาก ๆ”

ถลัชนันท์หันขวับมองด้วยสายตาขุ่นเคือง

“วันนี้ซื้อของเสร็จแล้วกลับ! ”

ลฎาภายืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบสาวเท้าตามพี่สาวไปในทันที

ก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ทำเป็นงอนไปได้ ชิ!

เกือบสามชั่วโมงได้กว่าจะซื้อของใช้จำเป็นเสร็จทั้งหมด ไม่คิดว่าจะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ ลฎาภามองของในมือและรีบเดินนำเข้ามาในร้านขนมหวาน วางของลงก่อนจะกวักมือเรียกพี่สาวให้เดินเข้ามาด้วย

“ไม่เลี้ยงนะ”“ใจร้าย” ลฎาภามองด้วยสีหน้าผิดหวัง ก่อนหันไปสั่งเมนูโปรดกับพนักงานโดยไม่ต้องเปิดรายการขึ้นดูถึงแม้ว่าจะเข้าใจพี่สาวก็เถอะ แต่การทำหน้าบูดงอนนี่ ไม่รู้ได้อะไรขึ้นมา งอนไปใช่ว่าแฟนจะเดินมาขอแต่งงานสักหน่อย“ใครจะเป็นแบบแกล่ะ อายุยังไม่ขึ้นเลขสาม แกไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงที่ต้องการมีครอบครัวหรอก”ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือสงสารพี่สาวดี เพราะนิสัยงอนเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้ไม่ค่อยชอบ ไม่รู้สึกแปลกเลยสักนิดที่ทำไมยังไม่แต่งงานกันสักที“พี่จะไปใส่ใจทำไม ไม่ได้แต่งงานก็อยู่โสดไปซะสิ จอมยังตั้งใจเลยว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอด” ลฎาภาพูดด้วยสีหน้าที่มีความสุขต่างจากถลัชนันท์ที่ทำหน้าอย่างไม่เห็น

“ใครจะไปคิดแบบแกกันล่ะ! ”

ก็อาจจะจริงที่ไม่เข้าใจ เพราะเธอไม่เคยสนใจเรื่องมีคนรักเลยสักนิด มากไปกว่านั้นคือการมีอิสระอย่างเต็มที่แบบไม่ผูกมัด ลฎาภายิ้มเจื่อนๆ ก่อนก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นรอ

“แกรู้ไหมว่าผู้หญิงพอถึงเวลาก็อยากจะมีครอบครัว...”

เฮ้อ...หญิงสาวถอนหายใจพลางส่ายหน้าเหลือบมองพี่สาวที่เอาแต่พูดตัดพ้อต่างๆ นานา

“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงอยู่ได้โดยไม่ต้องง้อผู้ชายกันแล้ว มีเงินซะอย่าง”

“ใครจะคิดแบบแกกันล่ะ”

ลฎาภามองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่พนักงานเดินเข้ามาเสิร์ฟขนมหวานที่สั่งไป หญิงสาวจดจ้องอยู่กับของหวานตรงหน้า แต่ก็ช้าไปเพราะถลัชนันท์หยิบช้อนและตักเข้าปากไปก่อน

“ไหนว่าไม่กินไง” เธอเงยหน้าขึ้นมอง

“บอกว่าไม่จ่าย แต่ไม่ได้บอกว่าไม่กินนี่”

“ชิ !” หญิงสาวเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหยิบช้อนตักน้ำแข็งราดด้วยสตรอว์เบอร์รีเข้าปาก

เวลาผ่านไปนานพอสมควรจนกระทั่งชามตรงหน้าว่างเปล่า ลฎาภาหันมองไปตามสายตาที่พี่สาวมองด้านนอกร้าน

“พี่มองอะไร?”

“เปล่า” ถลัชนันท์พูดขึ้นไม่เต็มเสียหลังจากที่นั่งเงียบมานาน “แค่มองผู้ชายหล่อ ๆ เป็นอาหารสายตา”

“ไหน?” เธอยังคงส่งสายตามองตามด้วยความอยากรู้

“ผู้ชายสูง ๆ เสื้อสีดำนั่นไง” คนเป็นพี่ชี้บอกไปมั่ว ๆ เพราะสายตาไม่ได้จ้องตามที่บอก ดวงตากลมกลอกไปมาด้วยความสับสน และคิดว่าเมื่อครู่คงจะตาฝาดไปเองแน่ ๆ ที่เห็นแฟนหนุ่มเดินจับมือกับผู้หญิงคนอื่น

ลฎาภาเพ่งสายตามองไปยังเป้าหมายที่พี่สาวบอกอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มยิ้มออกมาเจื่อนๆ แล้วหันกลับมาแล้วมองพี่สาวก่อนพูดขึ้น “พี่มีแฟนแล้วนะ”

เธอมองพี่สาวที่จ้องผู้ชายอยู่นานมากจนกระทั่งเดินลับสายตาหายไป จึงขยับตัวลุกขึ้นสะกิดเรียกให้ลุกและหยิบของเดินออกจากร้านไป

………………………………

#คุณเผิงสายอ่อย #อาหยูคนดี