บทที่ 10

ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างมิราวดี กว่าจะหาห้องพักในคอนโดฯ ราคาพอเหมาะ ห่างจากโรงแรมที่พักและคอนโดฯ ที่เคยอาศัยมากพอสมควร ทั้งยังมีระบบความปลอดภัยที่ทำให้รู้สึกเบาใจในระดับหนึ่ง คือคนนอกไม่อาจเข้ามาใช้บริการลานจอดรถได้หากไม่ได้ลงทะเบียนไว้ แต่ก็เป็นห้องคอนโดที่ต้องแชร์ร่วมกับคนอื่นอีกหนึ่งคนที่เข้ามาอยู่ก่อนแล้วซึ่งเธอก็ไม่มีปัญหาอะไร แน่นอนว่า ห้องน้ำแยก มีแค่ห้องครัว และห้องรับแขกที่ใช้ร่วมกันเท่านี้เธอก็พอใจแล้ว

เจ้าของห้องบอกรหัสเข้าห้องเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงคีย์การ์ดส่วนตัว ซึ่งเขาบอกว่าจะวางไว้ในห้องนอนที่เธอไปเช่าอยู่

มิราวดีเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องชุดของคอนโดฯ พลางสอดส่องสายตามองห้องรับแขกและห้องครัว ภายในตกแต่งทันสมัยและหรูหรา แต่อุปกรณ์เทคโนโลยีแบบใหม่ที่เปิดตัวใช้มาได้สิบกว่าปีก่อนยังมีไม่มากนัก

มิราวดีลากกระเป๋า และยกของใช้ที่ขนมาด้วยเข้าไปในห้องก่อนนั่งลงตรงปลายเตียง ถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกขึ้นมานิดหนึ่ง แม้จะยังหวาดระแวงอยู่ว่าเมื่อไหร่ที่พวกนั้นจะมาตามตัวอีก และไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นได้บอกข้อมูลการตามหาตัวเธอไปมากน้อยแค่ไหน หากมาถึงขั้นลุกล้ำในที่บริษัทคงไม่ดีแน่

หญิงสาวชั่งใจเรื่องการตัดสินใจลาออก เธอกำลังมีชีวิตที่ดี อนาคตสดใส เพียงข้ามวันทุกอย่างกลับพังทลายเพราะคนชั่วเพียงคนเดียว

ปัง !

เสียงปิดประตูใหญ่ดังขึ้นทำให้เดาได้ว่าเพื่อนที่แชร์ห้องร่วมกันคงกลับมาแล้ว มิราวดีลากกระเป๋ามาไว้ข้างเตียงก่อนเปิดประตูออกไปหวังทักทายเพื่อนร่วมห้อง

“สะ สวัสดีค่ะ เอ๊—คุณ !”

เมื่อมองบุคคลผู้มาใหม่ดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจและผงะถอยกลับเข้าไปในห้องทันที

เป็นไปไม่ได้ !

เขาเป็นสตอล์กเกอร์หรือยังไงกัน !

รูปภาพ:

“ต้องตาฝาดไปแน่ ๆ” หญิงสาวปลอบใจตัวเอง พลางสูดลมหายใจเข้าและหันไปเปิดแง้มประตูเพื่อดูอีกครั้ง

บ้าน่า !มิราวดีพยายามขยี้ตาเพราะคิดว่ามองผิดหรือเห็นภาพหลอน

“ถ้าคุณขยี้ตาแบบนั้น จะอักเสบเอานะ”

หญิงสาวผงะเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้ เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเดินมาหาตั้งแต่เมื่อไหร่

“คุณ!”

“คุณมองไม่ผิดหรอก” รชตยิ้มสดใสให้ “ห้องนี้ก็ของผม”

เขาเป็นราชาหรือยังไง !มิราวดีมองด้วยสายตาวิเคราะห์ ไม่รู้ว่าที่ อีกฝ่ายพูดมาเป็นความจริงหรือไม่ หรือแค่จงใจติดตามเธอเท่านั้น

“แล้วคุณจะย้ายออกเหรอ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่คืนเงินให้หรอกนะ”

หญิงสาวอ้าปากค้างพูดไม่ออก ก็เธอใช้เวลาดูห้องและตกลงโอนเงินมัดจำไปหกเดือนในเวลาไม่ถึงสิบนาที เพราะไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะมาเป็น   ผู้ร่วมอาศัยอยู่ด้วย ทั้งยังบอกว่าเป็นเจ้าของห้องทั้งที่เลขบัญชีโอนเป็นของผู้หญิงอีกคนชัด ๆ

แต่เรื่องอะไรจะยอมเสียเงินก้อนนี้ไปฟรี ๆ ล่ะ

“คะ...ใครว่าฉันจะย้ายออกคะ ฉันก็แค่ตกใจที่คุณทำตัวเหมือนสตอล์กเกอร์ต่างหาก”

สตอล์กเกอร์เหรอเขาหน้านิ่งมองยิ้มที่มุมปาก ก่อนเดินเข้าไปใกล้และโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างใบหู

“ถ้าคุณไม่อยากตกใจที่ผมเหมือนสตอล์กเกอร์ก็แต่งงานกับผมสิ”

“ไม่มีทางค่ะ” มิราวดีรีบถอยออกห่างและตอบกลับในทันที

“ผมไม่รีบหรอกนะ ยังไงก็ลองคิดดู ผมจะรอคำตอบ” ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก แล้วขยับตัวออกห่าง

เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องของเธอ มิราวดีไม่เชื่อว่าเจอกันไม่กี่ครั้งจะทำให้อีกฝ่ายมีความรู้สึกดี ๆ ถึงขั้นขอแต่งงาน ซ้ำสีหน้าและแววตาที่แสดงออกมันไม่ใช่สายตาที่มองเธอด้วยความรักใคร่แต่กลับเป็นสายตาที่รู้สึกอยากเอาชนะมากกว่า

ผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ !

หลังจากรชตปิดประตูทุกสิ่งก็นิ่งเงียบ ใบหน้าแสร้งยิ้มอย่างอ่อนโยนนั้นจางหายไปทันที เขาไม่เพียงไม่รักเธอแค่หวังว่าจะได้ถอนคำสาปนี่ไว ๆ เท่านั้น นี่ก็ลงทุนมามากพอแล้วเห็นทีจะช้ามากกว่านี้ไม่ได้ ทีแรกตั้งใจว่าจะค่อย ๆ ดำเนินแผน แต่พอเห็นปฏิกิริยาของเธอคงคิดว่ารอช้าไม่ได้อีก

+++ สนใจเล่มกระดาษเปย์ได้ที่ช่องทางที่ลงไว้ในโปรไฟล์นะคะ ++

ฝากติดตามนิยายเรื่องหนีรักมาพบคุณด้วยนะคะ

จะมาอัปให้ทุกวันจ้า