บทที่ 11
หลังจากที่ย้ายมา มิราวดีต้องตื่นเช้าไปทำงานเร็วกว่าปกติ เพราะระยะทางจากคอนโดฯ ที่นี่ห่างจากบริษัทมากพอตัว อีกทั้งเส้นทางจราจรที่ไปก็มีรถติดจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่นั่งลงที่เก้าอี้ทำงานก็หยิบแท่งสี่เหลี่ยมขนาดพอดีมือวางต่อกับไฟ ไม่ถึงหนึ่งนาทีภาพทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นส่องเป็นแสงและภาพสะท้อนในสายตา เธอเข้าอ่านอีเมลที่ยังไม่ได้ตอบกลับหลายฉบับ
หญิงสาวที่เร่งตอบอีเมลฉบับอื่นจนเสร็จ เมื่อเห็นเมลใหม่จึงเปิดอ่าน ดวงตากลมกลอกมองและหันมองเวลาก่อนอ่านอีเมลอีกรอบ
“เปลี่ยนผู้บริหารใหม่งั้นเหรอ”
การที่ผู้บริหารใหม่ที่จะเข้ามาดูแลแผนกขาย แสดงว่าเรื่องที่พยายามปิดบังไว้ได้ถึงหูของซีอีโอแล้ว
“ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมานั่งระแวงว่าจะถูกลวนลามตอนไหน”
มิราวดีถอนหายใจออกมา นับว่าเป็นโชคที่เธอทำผลงานได้ดีจึงไม่มีข้ออ้างมาให้ตาแก่หัวงูนั่นลวนลาม หรือแสดงท่าทีน่ารังเกียจใส่ แต่ทว่าพนักงานหญิงคนอื่นคงจะไม่ใช่ แน่นอนว่าคราวนี้ก็ต้องรอดูว่าผู้บริหารใหม่จะเป็นใคร แต่จะเป็นใครก็ช่างเพราะเธอแค่ทำงานให้ตามเป้าหมายก็พอ
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานพอสมควร หญิงสาวที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานวุ่นวายกับการรับสายโทรศัพท์จากลูกค้าไม่ขาด
“จวนจะได้เวลาประชุมแล้วนะคะ”
ศิตราเดินเข้ามาเรียกพอดีกับที่มิราวดีวางสายลง
“งั้นเหรอ เราไปก่อนเลยเดี๋ยวพี่จะตามไป”
“ค่ะ งั้นรีบนะคะ” ศิตราเดินเข้ามากระซิบบอก “เห็นมีข่าวแว่ว ๆ มาว่า ผู้บริหารใหม่ค่อนข้างโหดค่ะ”
มิราวดีพยักหน้ารับรู้และรีบก้มหน้าส่งอีเมลให้ลูกค้าก่อนจะลุกเดินไปยังห้องประชุมทันที
ทุกคนต่างเดินทยอยเข้ามาในห้องประชุมจนเกือบครบ มิราวดีนั่งประจำที่เคยนั่งทุกครั้ง ในใจรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อคิดถึงเรื่องผู้บริหารใหม่ทำไมเธอถึงรู้สึกหนาวเย็นแบบนี้ ทั้งที่แอร์ก็ไม่ได้เย็นเลยสักนิดแต่การเปลี่ยนผู้บริหารใหม่นับเป็นเรื่องที่ดีต่อคนในแผนก เเต่ก็ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ จึงตัดสินใจเปลี่ยนกระทันหัน โดยไม่มีการแจ้งพนักงานให้ทราบเลยสักนิด
“อาจจะดีกว่าก็ได้มั้ง” เธอพึมพำกับตนเอง ก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์ กระทั่งประตูปิดลงเสียงฝีเท้าย่างก้าวเข้ามาในห้อง มิราวดีจึงเงยหน้าขึ้นมองถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออกด้วยความตกใจ
ใบหน้าที่คุ้นเคย รอยยิ้มเเละเเววตาเเบบนั้น ไม่ใช่เรื่องบัญเอิญอย่างเเน่นอนที่จะมาเจอ ‘เขา’ ในบริษัท
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องประชุมด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ครั้นเหลือบสายตามองจึงยิ้มที่มุมปากให้หญิงสาวเป็นเชิงบอกว่า ‘เจอกันอีกเเล้วนะครับ’
นี่มันบ้าบอมากที่สุด! เขากำลังจะบอกว่า เเต่งงานกับผมซะ คุณไม่มีทางหนีผมพ้น อย่างนั้นเหรอ!
มิราวดีรีบหลบสายตาแล้วเลี่ยงมองไปทางอื่นทันที นี่มันยิ่งกว่าตกนรกซะอีก แบบนี้เอาตาแก่หื่นกามกลับมายังดีกว่าสตอล์กเกอร์อีกนะ!
หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเคยเจอก่อนหน้านี้จะกลายมาเป็นเจ้านาย ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนของบริษัทด้วย ถึงจะรู้อยู่เเล้วว่ายุคสมัยนี้ถ้ามีเงินก็ย่อมทำทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เเต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะบ้าขนาดนี้ เธอเเทบไม่สนใจการเเนะนำหรือการพูดคุยภายในห้องประชุมเลยสักนิด ในสมองมีเเต่ความพะวงเรื่องของเขาจนไม่มีสมาธิ
“ผมขอฝากตัวด้วยนะครับ” เขากล่าวปิดท้ายเป็นการสิ้นสุดการประชุมเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ ๆ
เมื่อทุกคนทยอยลุกเดินออกจากห้องประชุมไป มิราวดีก็หลบสายตาทำเป็นไม่เห็นและรีบเดินออกไปเช่นกันแต่ทว่า
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณมิราวดี”
หญิงสาวหยุดชะงัก ทำสีหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันไปหาเจ้านายหนุ่มแล้วยิ้มหวานให้ ‘โปกเกอร์เฟส’ ระดับเธอไม่มีทางที่เขาจะจับได้!
รชตยิ้มที่มุมปาก ก่อนส่งยิ้มหวานกลับให้ “เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“ค่ะ เจอกันอีกแล้ว” มิราวดีพยายามระงับอารมณ์ฉีกยิ้มหวานตอบกลับ สติแทบหลุดในตอนนี้ ไม่อยากจะคิดอย่างอื่นนอกจากถามเขาว่าจงใจตามเธอมาถึงที่ทำงานใช่หรือไม่!
“ผมรวย มีเงินเยอะ คุณจะไม่แต่งงานกับผมจริง ๆ เหรอ” เขาถามด้วยแววตาใสซื่อราวกับว่าเป็นเด็กน้อยที่รอคุณแม่อุ้มขึ้นมาในอ้อมกอด “ผมจะรอคำตอบจากคุณนะ”
มิราวดียืนอึ้งไม่ทันพูดชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องประชุมไปซะแล้ว
“นี่มันปีซวยอะไรเนี่ย!”
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะบริเวณประตูดังขึ้น หญิงสาวส่งสายตามองรชต
“เย็นนี้เรากลับด้วยกันไหม”
“คะ”
“งั้นหลังเลิกงานเจอกันที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินนะ”
เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็เดินหายไป ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและความอึ้งที่ไม่ทันให้หญิงสาวตอบ
มิราวดีสะบัดหัว ยกมือขึ้นตบแก้มทั้งสองข้างเพื่อเรียกสติกลับคืนมา ก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมกลับไปทำงานต่อ เพราะเธอเชื่อว่าหากไม่ตอบรับสัมพันธ์นี้เดี๋ยวเขาก็คงเบื่อและเลิกยุ่งไปเอง
ส่วนทางด้านรชตหลังจากเดินเข้ามาในห้องทำงานที่ถูกเตรียมไว้ ก็นั่งลงและถอนหายใจออกมาเป็นระยะ เขามีเงินมากพอแทบไม่ต้องลงทุนทำธุรกิจเพิ่มเงินที่มีอยู่แล้ว มากพอที่จะใช้แบบสบาย ๆ ไปอีกหลายร้อยปี ซ้ำบริษัทตัวเเทนเล็ก ๆ นี้แทบมองไม่เห็นกำไรที่เพิ่มมาเท่าไหร่ด้วย แต่ทว่าการที่ต้องเสียเงินกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็เพราะเธอคนเดียว
ชายหนุ่มนั่งมองเอกสารตรงหน้า ถึงจะเป็นการมาแทนแบบเร่งด่วนแต่ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ เพราะชีวิตที่ยืนยาวนั้นทำให้เขาได้ทำแทบทุกอาชีพที่อยู่บนโลกแล้วให้ตายสิแทนที่จะนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์ กลับต้องมาทำอะไรแบบนี้ชายหนุ่มสถบในใจด้วยความหงุดหงิด เป็นเพราะว่า หญิงสาวหัวแข็งจนไม่ยอมใจอ่อนให้ แต่ก็โชคดีที่ใช้เงินเเก้ไขปัญหาทุกอย่างได้
หึหึ อยากจะรู้นักว่าจะหนีไปไหนได้อีก
เรื่องนี้มีฉบับนิยายนะคะ สามารถติดตามเเละเปย์ได้ค่า
จะบอกว่าช่วงเเรก ๆ จะฟิน ๆ พอไปหลัง ๆ จะออกเเนวดราม่านิด ๆ ( มั้ง ) คะ
ขอบคุณที่ติดตามเเละกดเข้ามาอ่านนะคะ หากชอบฝาก comment ให้กำลังใจกันได้นะคะ
ติดตามผลงาน หรือ ส่งกำลังใจให้ได้ค่ะ
Mamaya Writer