บทที่ 17

“งั้นป้ารบกวนหนูยกไปให้คุณเผิงหน่อยนะ อยู่ที่ชั้นสอง เดินขึ้นไปแล้วเลี้ยวขวาห้องริมสุด”

หญิงสาวพยักหน้ารับขณะเอื้อมมือรับถาดมา ก่อนจะเดินขึ้นบันไดชั้นสองไปตามทางที่ถูกบอกมา เธอเคาะประตูสองสามครั้งแต่ไม่มีการขานรับจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง

ห้องทำงานบนชั้นสอง ภายในห้องเรียกว่าเป็นโทนน้ำตาลดำทั้งหมดจนดูน่าหม่นหมอง แต่ก็เหมาะกับเขาดีเหมือนกัน ลฎาภาเดินเข้ามาวางของว่างบนโต๊ะทำงาน ครั้นเงยหน้าหันตัวพบกับตู้หนังสือจึงเดินเข้าไปหา แต่ละเล่มดูแล้วเป็นหนังสือกวีนิพนธ์ส่วนใหญ่เป็นของของวิลเลียม เชกสเปียร์ ดวงตากลมมองหนังสืออย่างหลงใหล ถึงแม้เธอจะไม่ใช่พวกหนอนหนังสือมากก็จริง แต่สมัยเรียนก็ชอบยืมหนังสืออ่านจากหอสมุดมาบ่อย ๆ

“The Tempest” เธอพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นกับหนังสือตรงหน้าจำได้ว่าสมัยเรียนเคยจะยืมมาอ่านแต่ที่หอสมุดนั้นไม่มี และเธอก็ไม่อยากซื้อหนังสือเก็บจะลำบากตอนย้ายหอถ้าหากของเยอะ

สายตามองอย่างอดใจ แม้จะเอื้อมมือแตะของสันหนังสือที่วางอยู่โดนไม่หยิบออกมา

“เฮ้อ...ตัดใจซะยัยจอม” ลฎาภาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะหันตัวออก “อุ้ย !”

หญิงสาวเผลอหลุดคำอุทานออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนจ้องมองอยู่ เธอยิ้มออกมาเจื่อน ๆ แล้วก้มหน้าลงก่อนจะเดินขยับข้างไปทีละนิด

“ฉันนำอาหารว่างมาให้ค่ะ”

เธอพูดขึ้นโดยไม่กล้าสบตามองเขาเพราะอีกฝ่ายเงียบนิ่งจะเดาไม่ออกว่าโกรธ ไม่พอใจ หรืออะไรกันแน่

“วันนี้ป้าผ่องจะกลับบ้าน ช่วงเย็นหลังอาหยูกินข้าวเสร็จแล้วจัดการดูแลอาบน้ำให้อาหยูด้วย ผมมีงานต้องจัดการให้เสร็จ” อวิ่นเยว่พูดขณะที่เดินมานั่งยังโต๊ะทำงาน เขาไม่ได้สนใจเพียงแค่พูดจบและก้มหน้าหยิบเอกสารที่วางอยู่เปิดอ่าน

ทางด้านลฎาภามองและพยักหน้าก่อนจะรีบออกจากห้องไปโดยไม่ปริปากพูดอะไร เมื่อลงมาชั้นล่างแล้ว พบเจ้าตัวกลมเดินเข้ามาหาด้วยอาการงัวเงีย “ป๊ะป๋า...”

หญิงสาวย่อตัวลงก่อนพูดขึ้น “อยู่ข้างบนทำงานอยู่น่ะ”

เด็กชายพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้องรับแขกเช่นเดิม เธอรู้สึกว่าความเย็นชาของเขาไม่ใช่โดยนิสัยหรือเปล่าเหมือนกับว่าไม่อยากจะอยู่ใกล้เด็กคนนี้...เฮ้อ ดีนะที่ตัดสินใจเกาะคานอย่างจริงจัง

“หนูจอม ป้าจะต้องไปแล้วนะเดี๋ยวจะตกรถ ถ้ายังไงอาหารเย็นถึงเวลาแล้วนำมาอุ่นอีกรอบแล้วตั้งโต๊ะนะ”

“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

ติ๊ด—ติ๊ด

เสียงนาฬิกาปลุกแต่ไม่อยากจะตื่นขึ้นและลุกจากเตียงเพราะความเหนื่อยล้าทางร่างกาย นานแล้วที่ลฎาภาไม่ได้ใช้พลังงานกายมากขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยคิดว่าการเป็นพี่เลี้ยงเด็กจะใช้แรงมากขนาดนี้ เธอขยับร่างกายลุกขึ้นนั่งและปิดตัวไปมาก่อนลงจากเตียง

ลฎาภาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัว จนกระทั่งเดินทางมาถึงบ้านของชายหนุ่มก็เกือบหกโมงเช้า ไม่คิดเลยว่าต้องตื่นมาทำอาหารเช้าให้ด้วย แล้วทำไมถึงไม่จ้างเธออาศัยอยู่ในบ้านด้วยเลยละ ไปมากลับแบบนี้ออกจะลำบาก ถึงแม้เงินจ้างจะเยอะก็เถอะ

หญิงสาวใช้กุญแจสำรองเปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้าน ก่อนจะตรงไปที่ห้องครัวทันที เธอมีเวลาเตรียมอาหารเช้าสี่สิบห้านาทีก่อนที่ทั้งสองคนจะลงมา

“เสร็จเรียบร้อย” ลฎาภาปิดเตาแก๊สพลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินออกมาเพื่อจัดเตรียมโต๊ะซึ่งพอดีกับที่ชายหนุ่มเดินมา เธอส่งสายตามองแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าลูกชายของเขานั้นไม่มาด้วยหรือ

“แล้วอาหยู...”

“วันนี้ผมมีประชุมเช้า คุณจัดการพาเขาไปส่งที่โรงเรียนด้วย ส่วนนี่เงินค่ารถ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและหยิบเงินวางบนโต๊ะให้กับเธอ

ห๊า...!

ลฎาภาไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลของชายหนุ่มเท่าไหร่ เขารีบมากถึงขนาดไม่ไปส่งลูกชายเลยหรือ ถ้าไม่ว่างขนาดนั้นจ้างคนขับรถอีกคนมาก็สิ้นเรื่องออก

จะรวยขนาดนี้แท้ ๆ

“เออ...ค่ะ” เธอขานรับ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัวเก็บของให้เรียบร้อยและเดินขึ้นบันไดขึ้นสอง ขณะที่ได้ยินเสียงรถขับออกจากรั้วประตู

หญิงสาวเดินมาที่ห้องห้องของเด็กชาย เคาะเรียกก่อนจะเปิดเข้าไปและยังพบว่าอาหยูยังนอนอยู่บนเตียง

“เด็กน้อย ตื่นได้แล้วน้า” ลฎาภาส่งเสียงเรียกแต่ไม่มีท่าทีที่เจ้าตัวกลมจะขยับตัวสักนิด จึงเดินเข้าไปไกลและเอื้อมมือแตะที่ตัวเด็กน้อยเพื่อสะกิดให้ตื่น แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสีหน้าและเหงื่อที่ไหลออกมา

“ตายแล้ว ไม่สบายนี่”

หญิงสาวตั้งสติลุกขึ้นหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เด็กชายแล้วรีบพาเด็กชายส่งโรงพยาบาลทันที เพราะเธอเองก็ไม่กล้าดูแลตอนที่ป่วยหากไม่หายและอาการหนักกว่าเดิมคงไม่ดีแน่

ลฎาภานั่งรอหมออยู่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะโทรศัพท์บอกเขา แต่ลืมไปอีกว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขา แต่ก็ได้จังหวะพอดีที่ป้าผ่องโทร. กลับมาหา

ทันทีที่ป้าผ่องรับสายหญิงสาวก็พูดรัวใส่ปลายสายด้วยความร้อนใจ “ป้าผ่องคะ คือน้องอาหยูไม่สบายค่ะ...จอมเลยพาน้องมาโรงพยาบาลแล้ว แต่ยังไม่โทร.บอกคุณเผิง...”

[เดี๋ยวป้าจะโทร.หาคุณเผิงให้ ฝากหนูดูแลน้องเขาไปก่อนนะ]

“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

ลฎาภาเดินเข้าไปหาเด็กชายที่นอนอยู่ มองแล้วก็รู้สึกสงสารเหมือนกันนอกจากพ่อของเขาจะไปว่างแล้วยังไม่ค่อยสนใจลูกตัวเองอีก ทั้งที่จริงออกจะเป็นเด็กขี้อ้อนแท้ ๆ

โปรดติดตามตอนต่อไป...

อ่านไปเรื่อย ๆ เเล้วจะหลงรักอาหยูตัวน้อยนะคะ