บทที่ 29

“คุณเผิงคะ...คือว่า...”

อวิ่นเยว่หันมามองหญิงสาวที่ก้มหน้าพูด แล้วเปรยยิ้มออกมา “นี่ก็เย็นแล้วผมจะไปจัดของให้ลูก ส่วนคุณก็เข้าไปจัดของคุณก่อน เสร็จแล้วจะออกไปหาอะไรกินกัน”

ลฎาภาเงยหน้าขึ้นมองโดยที่ยังไม่ทันพูดอะไร ดวงตากลมมองแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ความรู้สึกในหัวใจตอนนี้แทบจะระเบิดออกมา ไม่รู้ว่าคืออะไรแต่อึดอัดจนบอกไม่ถูก

ตึก... ตึก... ลฎาภายกมือขึ้นกุมที่หน้าอก ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงแบบนี้ ทั้งที่คิดว่าไม่น่าจะหวั่นไหวง่าย ๆ แล้วแต่กลับกลายเป็นว่าลงไปติดกับดักโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“คุณป้า” อาหยูเรียก

เธอสะดุ้งจากภวังค์หันมอง “ขอบคุณนะ”

ลฎาภากะพริบตามองเจ้าตัวกลมเดินเข้าไปในห้องด้วยความงุนงง เธอไม่เข้าใจเอาซะเลยทั้งพ่อ ทั้งลูก ว่าต้องการอะไรกันแน่นะ ?

ทว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้...ทำไมคุ้นเคยเหลือเกิน ยิ่งนับวันยิ่งรู้สึกว่าผูกผัน แต่เพราะอะไรกันทั้งที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นานเอง

“คุณอาบน้ำไปก่อนเลย ผมจะทำงานต่อ”

ลฎาภาพยักหน้าพลางหันมองอวิ่นเยว่ที่กำลังเดินมานั่งโต๊ะโซฟาพร้อมกับโน้ตบุ๊กและเอกสารบางส่วน ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วในวันหยุดที่เขามักจะทำงานอยู่ตลอดโดยไม่ออกมาพัก

หญิงสาวไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวยังไงเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ มันเกินขอบเขตมากกว่าเจ้านายและพี่เลี้ยงไปไหมนะ... เธอยกมือขึ้นตบแก้มตนเองสองสามครั้งแล้วรีบหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที

ลฎาภาได้แต่ยืนพิงประตูทำใจที่วุ่นวายให้สงบลง บางทีความรู้สึกทั้งหมดนั้นอาจคิดไปเองอีกก็ได้

“แค่คิดไปเองนั่นแหละ”

หญิงสาวถอนหายใจแล้วสะบัดความคิดทุกอย่างที่อยู่ในหัวทิ้งไปให้หมด ก่อนจะรีบอาบน้ำซึ่งใช้เวลาไม่นานถึงสิบนาทีก็ออกมาในชุดนอนปกติที่ใส่อยู่ประจำ

“คุณเผิงคะ ฉันอาบเสร็จแล้ว...”

อวิ่นเยว่เงยหน้าขึ้นมองลฎาภาก่อนหลบสายตาไปทางอื่น มือที่ถืออ่านเอกสารอยู่นั้นสั่นจนแทบจะร่วงหล่นไปทั้งหมด เคยคิดว่าการมาเที่ยวครั้งนี้เสียเวลาทำงาน แต่ตอนนี้ดีสุด ๆ ไปเลย

“งั้นเหรอ คุณนอนไปก่อนได้เลย” อวิ่นเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและก้มหน้าทำงานต่อ เพราะหากมองมากกว่านี้คงต้องทนไม่ไหวแน่ ๆ

ลฎาภารู้สึกเกร็งจนทำอะไรไม่ถูก ปกติแล้วไม่ใช่คนที่นอนเรียบร้อยซะด้วย แล้วทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยเล่า ! หญิงสาวถอนหายใจออกมาขณะที่มองชายหนุ่มลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอจึงหยิบของบางส่วนและรีบออกจากห้องไปทันที

ลฎาภายืนอยู่ที่หน้าห้องของอาหยู เคาะประตูเรียกนานหลายครั้งแต่ไม่มีการตอบกลับมา ใจจริงอยากจะเปิดเข้าไปเลยแต่ก็กลัวเสียมารยาทหรือรบกวนการนอน

“นอนตรงโซฟาข้างนอกก็ได้มั้ง” ลฎาภาพูดอย่างจำใจ ขณะที่เดินมานั่งยังโซฟาก่อนวางหมอนและขยับตัวลงนอน

ทางด้านอวิ่นเยว่เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาไม่พบกับหญิงสาวจึงกวาดสายตามองหาและเห็นว่าหมอนกับผ้าห่มได้หายไป จึงเดาได้ว่าเธออาจจะออกไปนอนข้างนอกไม่ก็นอนกับอาหยู

ชายหนุ่มเดินออกจากห้องครั้นหันมองไปยังโซฟาก็เห็นเธอนอนขดตัวอยู่ เขายิ้มที่มุมปากก่อนสาวเท้าเข้าไปหา โน้มตัวลงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอก่อนจะรีบดึงมือกลับมา ยกขึ้นปิดปากและเบี่ยงใบหน้าที่รู้สึกผ่าว ๆ ไปทางอื่น เขาควรจะปล่อยให้เธอนอนตรงนี้ดีหรือไม่...

อวิ่นเยว่หันมองหญิงสาวด้วยความลังเลใจ แต่สุดท้ายก็โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมาและเดินเข้าไปในห้อง

“อื้อ” เสียงครางงัวเงียทำให้เขาสะดุ้งและผละถอยออกห่างจากเธอ

อวิ่นเยว่เดินออกจากห้องก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับหมอนและผ้าห่มจัดวางลงที่เดิม

ลฎาภาปรือตาขึ้นก่อนรีบขยับตัวลุกขึ้นและเรียกเขาทันทีด้วยความตกใจ “คุณเผิง !”

“คุณนอนต่อไปเถอะ ผมจะทำงานอีกสักหน่อย” อวิ่นเยว่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่มองอย่างสับสนและตกใจ

ลฎาภารีบขยับตัวลุกขึ้นลงจากเตียงและไม่ลืมที่จะหยิบหมอนติดมือมาด้วย อวิ่นเยว่มองแล้วเงียบนิ่งไปชั่วขณะ

“คุณนอนที่นี่เถอะ ผมจะไปนอนข้างนอกเอง” เขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นทำให้เธอรู้สึกตกใจและทำอะไรไม่ถูก คนที่ควรนอนด้านนอกเป็นเธอถูกแล้ว แล้วทำไมล่ะ...ทำไมเขาต้องทำแบบนี้

“เดี๋ยวค่ะคุณเผิง !” หญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาก่อนก้มหน้าลงแล้วเอ่ยถามขึ้น “คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันก็แค่ลูกจ้าง...”

“งั้นเหรอ” อวิ่นเยว่นิ่งและส่งสายตามองเธอ

ลฎาภาไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขาเลยสักนิด ใบหน้าของเธอผ่าวร้อนจนคิดว่าแก้มทั้งสองข้างคงจะแดงไม่น้อย โชคดีที่มีเสียงจากทางด้านนอกทำให้บรรยากาศดูไม่เงียบจนได้ยินเสียงของหัวใจเธอ

“คะ...คุณเผิงคะ คือว่า...”

“นอนที่นี่เถอะ ถ้านอนข้างนอกคุณไม่สบายขึ้นมาอาหยูจะอดเที่ยว”

นับว่าเป็นข้ออ้างที่ได้ผลเลยทีเดียว ลฎาภายืนนิ่งตัดสินใจอย่างลำบากใจแต่สุดท้ายก็เดินกลับไปนอนบนเตียงเงียบ ๆ โดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรอีก เธอไม่ลืมที่จะทำกำแพงกั้นแบ่งเขตระหว่างกัน ทั้งใช้หมอนและผ้านวมที่อยู่ในตู้อีกชุดแบ่งไว้อย่างชัดเจน แล้วนอนหลับตาลงทันที

อวิ่นเยว่ถอนหายใจออกมา รู้ดีว่าเป็นข้ออ้างเพื่อรั้งให้เธอนอนในห้องนี้ แค่อยากอยู่ข้าง ๆ อยากกอดมากกว่าแค่มองเท่านั้น แต่กั้นแบบนี้จะมองเห็นได้ยังไงกันล่ะ !

แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้นอนใกล้กัน...

โปรดติดตามตอนต่อไป...