บทที่ 26

รูปภาพ:

“นายก็ควรรีบบอกเธอ” อาโปพูดเตือนด้วยความหวั่นใจ

รชตมองอาโปที่กำลังหายไปกับอากาศ คำพูดที่ทิ้งท้ายเหมือนเป็นการเตือนหรืออย่างไร ทว่าลึก ๆ ในแววตามีแต่ความสับสนและกังวลใจ เขาไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่ถูกตัดตายไปแล้วหลายร้อยปีนั้นหวนกลับคืนมาตอนไหน

ทำไม่ได้...ไม่อาจบอกเธอได้ในตอนนี้

ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกจากห้องลับในขณะที่แสงไฟก็ค่อย ๆ ดับลง ทันใดนั้นแผ่นหินโบราณที่ตั้งอยู่บนแท่นกลับมีควันสีดำปรากฏขึ้นรอบ ๆ ก่อนที่จะหายไปกับอากาศ เสียงอากาศผ่านหูไม่ได้ทำให้เขาสนใจแม้กระทั่งประตูปิดลงไปแล้ว

แม้รู้ดีว่าอาจจะต้องพลาดโครงการใหญ่ที่เคยเข้าร่วมเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ลึก ๆ แล้วมิราวดีก็ยังพยายามให้ถึงที่สุดเผื่อว่าลูกค้าจะเปลี่ยนใจ เอกสารข้อมูลตรงหน้าที่นำเสนอรวมถึงรายละเอียดโครงการของลูกค้าด้วยงบที่ขอมาและสิ่งที่พวกเขาต้องการ ทำให้เธอลังเลจนไม่อยากจะสู้กับคู่แข่งต่อ

หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจขณะที่ส่งอีเมลตอบกลับลูกค้ารายอื่น ๆ เธอตัดสินใจพักงานนี้ไว้และลุยงานที่คิดว่าจะต้องไม่พลาดและได้รับคำสั่งซื้อแน่นอน

“พี่รักคะ เซ็นเอกสารให้หน่อยค่ะ”

ศิตราเดินเข้ามาหาพร้อมวางเอกสารบนโต๊ะ

มิราวดีเซ็นเอกสารก่อนเงยหน้าขึ้นถาม

“งานของคุณสิน สินค้าเข้าแล้วใช่ไหม”

“ที่สั่งเมื่อสองเดือนก่อนนะคะ เข้าแล้วและก็ส่งของเรียบร้อยค่ะ แต่ล่าสุดยังค่ะ”

“ถ้างั้นจัดการตามงานให้พี่หน่อยนะ ไม่อยากให้เปิดบิลล่าช้า”


“ได้ค่ะ” ศิตรารับเอกสารที่เซ็นเสร็จก่อนจะเดินออกไป มิราวดีนั่งจัดการงานและส่งราคาให้ลูกค้าก่อนที่จะมองเวลาและขนเอกสารโครงการบริษัทที่เคยเข้าร่วมประมูลเดินตรงไปยังห้องทำงานของชายหนุ่ม

ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ

หญิงสาวเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป เห็นชายหนุ่มมีสีหน้าเครียดหลังจากวางสายโทรศัพท์

“ฉันคุยด้วยได้ไหมคะ”

“ได้สิ” รชตปรับสีหน้าและส่งยิ้มให้เธอ

รูปภาพ:

“ฉันไม่ได้มาผิดจังหวะใช่ไหมคะ”

ดวงตากลมมองเขาด้วยความลังเลใจเพราะสีหน้าดูนิ่งขรึมจนน่ากลัว

“ไม่หรอก แค่เหมือนมีหนูที่ผมต้องจัดการ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนพูดต่อไปว่า “คุณล่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“คือฉันอยากจะปรึกษาเรื่องโครงการที่เราไปเข้าร่วมเมื่ออาทิตย์ก่อนค่ะ” มิราวดีเดินเข้ามาวางเอกสารลงและนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของชายหนุ่ม ก่อนยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้เขาอ่าน

“ฉันคิดว่าปีนี้อาจจะต้องพลาดอีกเพราะทางนั้นเรียกเงินใต้โต๊ะมาเยอะกว่าเดิมค่ะ และดูเหมือนว่าบริษัทที่ได้จะเป็นบริษัทใหม่ที่นำเข้าของ ก๊อปปี้แม่แบบจากเราด้วย”

นัยน์ตาคมมองเอกสารโดยไม่หยิบเปิดอ่าน เขารู้อยู่แล้วไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนมนุษย์ก็ยังโลภมากเสมอ แม้กระทั่งเงินที่ไม่ใช่ของตัวเอง

“คุณอุทรณ์ไปที่บริษัทแม่สิ”

“คะ คุณหมายถึงว่า...”

“อุทรณ์ไปที่บริษัทใหญ่ นี่เป็นโครงการของบริษัทในเครือไม่ใช่เหรอ

ถ้าผู้บริหารใหญ่ทราบ แน่นอนว่าพวกเขาต้องไม่ปล่อยของไม่ได้มาตรฐานใช้ในอุตสาหกรรมแน่นอน และต่อให้ผมจะเข้าไปคุยกับผู้รับผิดชอบงานเขาก็ไม่มีทางสนใจ คุณไม่เห็นเหรอว่า กำหนดที่เขานัดเราเข้ามาอีกครั้งดูเลื่อนลอยขนาดไหน”

“ตอนแรกฉันก็จะทำแบบนั้นนะคะ แต่ว่าบริษัทในเครือผู้บริหารนั้นคนละคน ฉันกลัวว่า...”

“ยังไงสุดท้ายแล้วประธานใหญ่ก็มีคนเดียว” รชตมองและยิ้มด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ถึงจะไม่อยากยุ่งมากนักแต่เขาก็ไม่ค่อยชอบการกระทำของผู้รับผิดชอบพวกนั้น

“คุณแค่หาข้อมูลของอีกฝ่ายว่าสินค้าด้อยกว่าเราอย่างไรไปสู้ด้วย”

“ขอบคุณมากนะคะ” มิราวดีรู้สึกชื่นชมเขาในฐานะเจ้านายมาก

“ผมยินดี และรู้ดีว่าคุณจริงจังกับงานนี้”

รชตขยับตัวลุกขึ้นเดินมานั่งพิงที่ขอบโต๊ะข้างหญิงสาว

“คุณชื่นชมผมในฐานะเจ้านายเท่านั้นเหรอ”

มิราวดีตกใจกับคำถาม ราวกับว่าอีกฝ่ายอ่านใจของเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่มันหลายครั้งจนคิดว่าเขามีสัมผัสที่หกจริง ๆ

“คุณอ่านใจฉันได้เหรอคะ”

ชายหนุ่มยิ้มให้กลับสิ่งเดียวที่ไม่สามารถทำได้คือ

“ถ้าผมอ่านใจคุณได้ ผมคงไม่ถามคุณหรอกว่าคุณคิดอย่างไรกับผม”

อ่า...นั่นมันแม้แต่ตัวเธอยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้เลยต่างหาก

“แล้วคุณล่ะคะ” เธอถามกลับด้วยสายตาหวาดหวั่น แต่ก็รู้ตัวว่าไม่ควรเอ่ยถามออกไป “ฉันขอโทษค่ะ ไม่ควรถามคุณแบบนั้นเลย”

ถึงแม้จะไม่เคยบอกว่าห้ามคาดหวังความรักจากเขา แต่เธอกลับรู้สึกว่าสายตาที่มองมาในบางครั้งเป็นเช่นนั้น

มิราวดีขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้และเอื้อมหยิบเอกสารหวังจะเดินออกไปจากห้องทำงานที่แสนอึดอัดนี้

รชตได้แค่นิ่งเงียบ เขารู้ดีว่าตัวเองไม่อาจให้คำตอบหรือพูดออกไปได้ เชื่อว่าอีกไม่นานความรู้สึกที่สับสนนี้มันจำต้องถูกขจัดไป ทว่าพอมองสีหน้าของเธอแล้วข้างในอกกลับไม่สามารถทำตามที่สมองสั่งได้เลย เขาเอื้อมมือไปคว้าที่ต้นแขนของหญิงสาวในขณะที่กำลังหมุนตัวเดิน

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“คุณคือภรรยาของผม” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม

เธอเงยหน้าดวงตากลมสบตามองนัยน์ตาคม มิราวดียิ้มหวานให้ราวกับว่ากำลังขอบคุณความรู้สึกและคำพูดของอีกฝ่าย

“ขอบคุณนะคะ”

ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ รชตได้แค่มองแววตานิ่งก่อนจะยอมปล่อยมือ

มิราวดีได้เพียงแต่ส่งยิ้มให้อีกครั้ง และรีบเดินออกจากห้องทำงานไป

ในทันที เธอไม่เคยสงสัยหรือถามว่าทำไมเขาถึงต้องแต่งงานกับเธอ คิดเพียงว่านั่นคือทางออกที่จะหลุดพ้นจากคนเลวพวกนั้น แต่แล้วนับวันหัวใจที่ไม่เคยคาดหวังอะไรกลับรู้สึกหวั่นไหวกับการตัดสินใจครั้งนั้น

โปรดติดตามตอนต่อไป...

ถึงคนอ่านที่น่ารัก ที่คอยส่งกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่า

ช่วงนี้นักเขียนยุ่งกับการจัดเล่มเข้าโรงพิมพ์อาจจะไม่ได้มาอัปเท่าไหร่นะคะ

หนังสือกำลังเป็นเล่มเเล้วดีใจมาก ๆ เลย

ไว้ออกมาเป็นเล่มเเล้วจะส่งภาพมาอวดนะคะ

Mamaya Writer