ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับวงคร่าว ๆ ก่อนนะคะ ONE OK ROCK อ่านตามตัวเลยค่ะ วันโอเคร็อก เป็นชื่อทางการใช้ในระดับอินเตอร์ฯ แต่ถ้าในญี่ปุ่นแล้วจะคุ้นหูกับชื่อ ワン オク ロック ( wanokurokku ) และในกลุ่มแฟนคลับในไทยเองมักจะเรียกว่าวันโอ วันโอคุ หรือบางทีก็จะเรียกกันว่าวงตีหนึ่ง เนื่องจากความเป็นมาของชื่อวงนั้นมีที่มาจากคำว่า 1 O’Clock ซึ่งทั้งหมดก็คือวงเดียวกันเลยค่ะ วันโอเป็นวง J-Rock ชื่อดังแห่งประเทศเกาะ ก่อตั้งวงเมื่อปี 2005 ปัจจุบันมีสมาชิกวงทั้งหมด 4 คน คือ โทรุ ยามาชิตะ ( มือกีตาร์ ลีดเดอร์ ) ทากาฮิโระ โมริอุจิ ( นักร้องนำ ) โทโมยะ คังกิ ( มือกลอง ) เรียวตะ โคฮาม่า ( มือเบส ) ปัจจุบันวงก็เดินทางมา 13 ปี แล้วบนเส้นทางแห่งดนตรีร็อก ด้วยบทเพลงและดนตรีที่แน่นด้วยประสิทธิภาพจนมีชื่อเสียงโด่งดังไกลทั่วโลก ผ่านการทัวร์คอนเสิร์ตมานับไม่ถ้วน ทั้งในญี่ปุ่น อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชีย

รู้จักประวัติเกี่ยววงกันพอสมควรแล้ว ต่อไปเราจะพูดว่าทำไมวงนี้ถึงมีอิทธิพลกับชีวิตเราอย่างมาก ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้วตอนที่เรากำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตหลาย ๆ อย่างที่รุมร้าวเข้ามา นับได้ว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ชีวิตตกต่ำมาก ๆ และแย่มาก ๆ ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ก็เหมือนมีปาฏิหาริย์กับชีวิต เมื่อเราได้เห็น Account หนึ่งบน Twitter ได้แนะนำเพลงของวงนี้ จนเราได้ลองเปิดมาฟังและกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตเราเลย หลังจากนั้นเป็นต้นมาเราเริ่มสนใจทำความรู้จักกับวง อ่านบทแปลเนื้อเพลง ดูสัมภาษณ์ อ่านบทความต่าง ๆ เกี่ยวกับวงและค้นพบว่าพวกเขามีอะไรมากกว่าที่คิด เนื้อเพลงที่พวกเขาได้ถ่ายทอดออกกลับมีผลต่อจิตใจเราอย่างมาก มันเข้าถึงส่วนลึกความต้องการในจิตใจเราและทำให้เรามีทัศนคติต่อโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จนทำให้เรามีชีวิตที่เข้มแข็งและรอดจนทุกวันนี้

การทำตามความฝันของตัวเอง เพ้อฝันและตัดสินใจลงมือทำอย่างเต็มที่ อย่าไปหวั่นกับคำพูดของใคร เพราะนี่คือการตัดสินใจของฉัน เพราะฉันคือนักฝันที่สมบูรณ์แบบ !

การค้นหาคำตอบในชีวิต คำตอบในที่นี้คือการประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่วาดฝัน ในโลกนี้ไม่มีอะไรถูกผิดแน่นอนหรอก ถ้าเกิดเราทำผิดพลาดอะไรขึ้นมาอย่าได้หันหลังให้มัน แต่จงลุกขึ้นสู้และเริ่มค้นหาคำตอบใหม่ตราบที่เรายังมีชีวิตอยู่ เพราะสุดท้ายคำตอบมันไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล แต่มันอยู่ในตัวเรานั่นเอง

เหมือนเป็นเครื่องระบายความอัดอั้นในใจหลังจากที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายต่าง ๆ ให้ได้ระบายออกมา คอยเป็นเสียงกระซิบในยามค่ำคืนพร่ำบอกว่า ยังไม่ใช่เวลา จงอย่ายอมแพ้ ทิ้งอดีตความเจ็บปวดทุกข์ทน มองหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงยังหายใจอยู่ เรามาไกลขนาดไหนแล้วอนทนละสู้เข้าไว้ สู้อย่างคนบ้าคลั่งที่ไม่มีอะไรต้องเสีย หลายครั้งที่เหมือนมันจะจบแต่มันไม่เคยจบสักครั้ง เพราะสุดท้ายก็มีหนทางเริ่มต้นใหม่

เพลงนี้จะพูดถึงความทะเยอทะยานที่มีอยู่ในจิตใจ พวกเราในความหมายของเพลงนี้คือคนหนุ่มสาว ที่เป็นเปรียบเสมือนบุคคลสำคัญในการนำพาสังคมไปสู่ความเจริญ แต่ในความคิดของผู้ใหญ่บางคนมองว่าความฝัน ความพยายามของเด็กนั้นเป็นสิ่งที่ไร้สาระ และพยายามป้อนสิ่งต่างให้กับเราโดยที่เราไม่ได้ต้องการมัน และเมื่อเมื่อเรายืนหยัดที่จะเดินตามเส้นทางของตัวเอง จงอย่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เราลุกขึ้นมาใช้ชีวิตของเราที่เป็นเราอย่างภาคภูมิใจ ถึงพวกเขาจะพูดว่าเราอ่อนแอ เราไม่มีใคร และคอยแต่จะผลักไสเราตลอด แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือคำพูดของพวกเขาเหล่านั้น มันไม่มีผลทำให้ดวงใจทองคำ ( Heart Of Gold ) ของพวกเราเหล่านี้แตกหักได้หรอก เพราะพวกเราคือพวกเรา “สีสันในความมืด”

เมื่อความกล้าความทะเยอทะยานมีอยู่เต็มภายในจิตใจที่จะต่อสู้เพื่อความฝัน แต่เมื่อสักวันมันกลับมอดไหม้และเกิดการความแปรผันในชะตาจนทำให้ต้องกลับไปอยู่ในจุดที่สิ้นหวังอย่างเดิม อะไรจะเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเราให้กลับมาสู้ นั่นคือการนึกถึงตัวเองในตอนที่ชีวิตเต็มไปด้วยพลังอำนาจราวกับองค์ราชาที่มีทุกอย่างและพร้อมสู้ให้ถึงที่สุด หากต้องล้มก็ขอล้มลงมาอย่างมีศักดิ์ดั่งสายฟ้าฟาด และลุกขึ้นมาใหม่เพื่อการมีชีวิตใหม่ดั่งตัวเองต้องการ

เพลงนี้จะไปในแนวทางให้เราลุกขึ้นมาต่อสู่กับความอยุติธรรม เมื่อความเผด็จการที่เราไม่ต้องการกลายเป็นอาวุธที่มาจ่อหัวแล้วพูดให้เราในสิ่งที่พวกเขาต้องการ พวกเขาเอาแต่พร่ำบอกว่ามันคือการปฏิวัติ แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสักอย่าง พวกเขาพร่ำบอกว่าหนทางที่พวกเขาชี้นำนั้นเป็นเกราะป้องกันการถูกกระทำ แต่ทำไมเรายังคงเจ็บปวด ตอนนี้เราอยู่บนสังเวียนแล้วหนทางที่จะเป็นผู้ชนะได้มีหนเดียวคือการลุกขึ้นมาผลักสวนกลับต่อต้านมันแสดงการต่อต้าน แผดเผาชื่อเสียงล้ำค่าของพวกเขาที่ภาคภูมิใจนักหนาให้วายวอด เปิดโปงข้อเท็จจริงอันว่างเปล่าของพวกเขาให้โลกรับรู้ว่าทั้งหมดมันคือสิ่งจอมปลอม

มันไม่ชะตาของเราทำไมต้องยอมให้พวกเขาถูกกดขี่ข่มเหง เราเป็นกบฏได้ในเมื่อเราสูญสิ้นศรัทธาในระบอบอันล้มเหลวนี้ ปลุกไฟในใจให้พลุกพล่านแผดเผาทำลายโครงสร้างนี้ให้สิ้นซาก หลับตาลงสูดหายใจเข้าให้ลึกพร้อมโผบินเข้าต่อสู้เพื่อสิทธิของพวกเรา เพื่อสิ่งที่เรารัก เราขอเดินบนหนทางที่เราต้องการ ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งพวกเราได้ พวกเราคือผู้ต่อต้าน

โอ้โหห !  ฟังทุกเพลงทั้งหมดนี้บอกได้เลยค่ะว่าไฟภายในใจพลุกพล่านพร้อมที่จะแผดเผาอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามารุมเร้าให้มันแหลกกระจุยไปได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะสองเพลงหลังเนี่ย ดูจะเหนือชั้นไปจากเพลงอื่น ๆ ทั้งเนื้อหาเพลงที่คมกริบบาดลึกถึงเบื้องลึกของจิตใจ บวกกับดนตรีที่กร้าวใจเพิ่มความฮึกเหิมเข้าไปอีกเท่า บอกได้เลยว่าหากได้ฟังพร้อม ๆ กับกรีดร้องระบายออกมามันต้องรู้สึกดีมาก ถึงจะถูกว่าเป็นบ้าไปแล้ว แต่เพราะความบ้านี่แหละที่จะทำให้เราละทิ้งความกังวล ความกลัว ความเศร้า ความเจ็บปวดทั้งหมดในอดีต สู่การเป็นเราคนเดิมที่มองโลกเปลี่ยนไปและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ทุกครั้ง !

เพลงที่เรายกมานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเพลงทั้งหมดของ ONE OK RCOK ยังมีเพลงอีกหลายเพลงที่เป็นแนวนี้ และยังมีอีกหลากหลายแนวที่เพราะไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเพลงรักก็หวานซึ้งเกินจะขวยเขิน เอาสะฟังแล้วอยากแต่งงานกันเลยทีเดียวตัวอย่างเช่นเพลง Wherever You Are และเพลงเศร้าก็ไม่น้อยหน้า ได้ยินแล้วพาปวดจิตปวดใจ ขนาดคนที่กำลังอินเลิฟหรือคนโสดยังรู้สึกอกหักทิพย์ ! อย่างเพลง Heartache สำหรับใครจะสนใจจะฟังก็สามารถไปลองเปิดฟังกันดูได้รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ !

ป.ล. ถ้าฟังเวอร์ชันออดิโอแล้วแนะนำให้ฟังเวอร์ชันไลฟ์คอนเสิร์ตด้วย จะให้ความรู้สึกเหมือนคนละเพลงเดียวกันเลย ก็คือเพลงเดียวกันแต่จะมัน(ส์)และเพราะกว่าเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะด้วยพลังเสียงของทากะนักร้องนำที่ถูกยอมรับและยกย่องจากแฟนว่าร้องสดเพราะกว่าออโต้จูน ทั้งเสียงอันทรงพลังและมักจะพูดให้กำลังใจแฟนคลับอยู่เสมอ จนเหล่าแฟนคลับขนานนามว่านี่คือ เทพเจ้าทากะฮิโระ ตัวแทนเทพที่จุติมาบนโลกมนุษย์เพื่อเผยแผ่หลักคำสอนให้เหล่าสาวก ปวงประชาร็อกก้า ( ชื่อเรียกแฟนคลับ ) ทั่วทั้งโลก ฮ่า ๆ ๆ

ขอให้ทุกคนที่มีฝันจงสู้เพื่อความฝันจนประสบความสำเร็จ

สำหรับใครที่กำลังร้องไห้ ก็จงร้องออกมาให้หมดและลุกขึ้นสู้ !!

ขอให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีดั่งที่ต้องการ

ขอบคุณค่ะ บ้ายบาย