เอาใจสาวๆ ที่รักความสวยความงามอีกครั้ง โดยเฉพาะคนที่ใส่ใจในผิวพรรณเป็นพิเศษ การมีผิวที่สวย ใส อมชมพูได้ ไม่เพียงแต่การทาโลชั่นที่ผสมวิตามินบำรุงผิวอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วย แต่ในยุคปัจจุบัน เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราเลือกทานนั้นให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์ หรือไม่มีสารพิษเจือปน การทานวิตามินจึงเป็นทางเลือกของสาวๆ ยุคใหม่ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย

เราได้รวมรวบวิตามินบำรุงผิวสุดฮิตของสาวๆ ว่ามีอะไรบ้าง ตามมาดูกันค่ะ ^___^


วิตามินซี

รูปภาพ:

คุณสมบัติ

-  ลดการเกิดริ้วรอย ช่วยให้ผิวดูสดใส อ่อนเยาว์

-  ทำให้แผลหายเร็ว ลดการอักเสบของผิวหนัง

-  ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใส ลดริ้วรอย

และจุดด่างดำที่เกิดจากรอยสิว

ข้อดี

-  เป็นวิตามินชนิดละลายในน้ำได้ ไม่ตกค้าง และสะสมในร่างกาย


Zinc หรือ สังกะสี

รูปภาพ:

คุณสมบัติ

-  ลดการเกิดสิวได้ดี ทำให้ผิวกระจ่างใส

-  ช่วยในการสมานแผลให้หายเร็วมากขึ้น

-  ควบคุมฮอร์โมน

ข้อดี

- สามารถทานควบคู่กับวิตามินอื่นได้ ควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารวันละ 1 - 2 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด


Grape Seeds

รูปภาพ:

คุณสมบัติ

-  มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

-  ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ป้องกันความหมองคล้ำ

-  ป้องกันการเสื่อมของสมอง และดวงตา

เรื่องต้องระวัง

ควรหยุดกินทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ

วันละ 300 มิลลิกรัม เห็นผลได้ใน 1 - 3 เดือน และถ้ากินร่วมกับวิตามินซีก็จะออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น



Co – enzyme Q10


รูปภาพ:

-  ชะลอการแก่ก่อนวัย ป้องกันริ้วรอย และช่วยฟื้นฟูสภาพผิว

-  เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

-  ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ใสเด้ง

ปริมาณแนะนำ

เพียงวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร


Evening primrose oil

รูปภาพ:

-  ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน

-  ช่วยบรรเทาอาการแพ้ตามผิวหนัง เช่น ผื่นแดง ผิวหนังอักเสบ เป็นต้น

-  ช่วยลดอาการก่อนการมีประจำเดือน

ปริมาณแนะนำ

วันละ 1,000 - 3,000 มิลลิกรัม



ทั้งนี้ทั้งนั้น สาวๆ ควรอ่านฉลากให้ละเอียดก่อนเลือกซื้อนะคะ เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีสัดส่วน และส่วนประกอบที่ต่างกันออกไป


คนที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อวิตามินมากินเอง เพราะอาจจะมีผลกระทบกับโรคที่คุณเป็นอยู่ได้

นอกจากนี้ต้องดื่มน้ำตามเยอะๆ และควร

ทานติดกัน 2 - 3 เดือน แล้วเว้นระยะหยุดทานไปหนึ่งเดือน เพื่อลดการทำงานหนักของตับและไตค่ะ


บทความที่เกี่ยวข้อง