สวัสดีค่าเพื่อนๆ ซิสต้าคาเฟ่ที่น่ารักทุกคน เราคิดว่าหลายๆ คนที่เคยเป็นสิวน่าจะมี

เรื่องข้องใจและอยากไขข้อข้องใจพวกนี้ให้กระจ่างไปเลยใช่ไหมคะ

ว่า

“ สิวเกิดจากอะไร? ”

และ

“ สิวแต่ละประเภทต่างกันยังไงบ้าง? ”

เพราะเรื่องสิวๆ นี่เป็นเรื่องที่

กวนใจและแทบไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นอย่างแน่นอน

ซึ่งเราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สงสัยอยู่เหมือนกัน ดังนั้นวันนี้เราก็เลยหาคำตอบมาฝาก ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้แล้วก็ไปดูกันเลยค่าา

สิวเกิดจากอะไร?

คงต้องบอกว่าสาเหตุของการเกิดสิวนั้นมีได้จากหลายปัจจัยมากๆซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวจะมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่

1. Sebum

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/02/60/a4/0260a441a7903c9f35e833dd2bf3fa59.jpg

ถ้าถามว่า

สภาพผิวแบบไหนที่จะทำให้เราเป็นสิวได้ง่ายที่สุด

ก็คงต้องบอกว่าเป็น

ผิวมัน หรือ ผิวที่ผลิตน้ำมันได้มาก

ซึ่งในใบหน้าของเราจะสร้างไขมันมาจาก

Sebum หรือที่เรียกว่า ต่อมไขมัน

นั่นเอง ส่วนใหญ่บริเวณผิวหนังของเราที่เป็นสิวง่ายๆ ก็จะเป็นบริเวณ

ใบหน้า, หน้าผาก, หน้าอก, หลังและไหล่

โดยที่ผิวบริเวณจะเต็มไปด้วย

sebaceous glands ที่จะมีการผลิตน้ำมันเยอะกว่าบริเวณอื่นๆ

ดังนั้นใครที่มีผิวมันหรือผิวผสมที่มันก็มีโอกาสที่นะเป็นสิวได้มากกว่าสภาพผิวแบบอื่นๆ นั่นเองค่า

2. Hair follicles clogged

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/d6/f2/f3/d6f2f3fa6e7e63995c2165e9e822bc92.jpg

ในผิวของเรานอกจากจะมีต่อมไขมันแล้ว ก็ยังมี

ขนและรูขุมขนที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ด้วย

ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิวก็มาจากการที่

รูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมันหรือเซลล์ตายแล้วที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง

ทำให้เราเห็นเป็น

รอยนูนๆ อยู่ใต้ผิวหนัง

เรียกว่า

Hair follicles clogged

แต่ถ้ารูขุมขนบริเวณเหล่านั้นไม่ได้อยู่ใต้ผิวหนังแต่อยู่บนผิวและมา

เจอกับอากาศก็จะเกิดเป็น Blackhead

หรือสิวหัวดำนั่นเอง

3. Bacteria

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/c4/e9/e3/c4e9e37c2851a196487fda2aadfb0a91.jpg

นอกจาก

ผิวหนังหรือรูขุมขนที่เป็นปัจจัยภายในในการเกิดสิวขึ้นมาได้แล้ว

ปัจจัยภายนอกที่จะทำให้ผิวของเราเป็นสิวได้ก็มาจากสิ่งสกปรกอย่าง

Bacteria

ได้นั่นเอง โดยจากขนาดที่เล็กของมัน

ทำให้มันสามารถเข้ามาในรูขุมขนของเราได้อย่างง่ายดาย

และทำให้เกิด

การอักเสบ

และกลายไปเป็น

สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวนั่นเอง

นอกเหนือจาก 3 ปัจจัยหลักที่ว่ามาแล้ว ก็ยังมีปัจจัยรองอื่นๆ ที่สามารถทำให้เราเป็นสิวได้เช่นเดียวกัน ได้แก่

- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

- ความเครียด

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/e6/e1/79/e6e1793054406c861e378904d4bcb19a.jpg

- อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล, ไขมันสูง

- ยาบางชนิด ( corticosteroids, testosterone or lithium )

- การแต่งหน้า โดยที่ไม่รักษาความสะอาดให้ดี



รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/f7/56/28/f75628bde04df2bcbf216ccf9c0f34aa.jpg

สิวมีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันยังไง?

1. สิวหัวขาว ( Whiteheads )

รูปภาพ:https://media.allure.com/photos/59b847bd16cd557623b2ab36/1:1/w_2000,h_2000,c_limit/white-head.jpg

ก่อนอื่นขอเริ่มจากสิวเบสิคที่สุดที่ใครๆ ก็น่าจะเคยเป็นกันบ่อยๆ อย่าง

สิวหัวขาว หรือ Whiteheads

กันก่อนเลย โดยสิวหัวขาวเป็นสิวที่เกิดจากการ

อุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้วรวมกับต่อมไขมันใต้ผิวหนัง

ทำให้เราเห็นเป็นเหมือน

หนองสีขาวๆ ที่มีความนูนออกมาจากผิว

ซึ่งสิวประเภทนี้จะเป็นสิวที่รักษาง่ายที่สุดเพียงแค่เอาหัวสิวออกก็หายแล้ว โดยเพื่อนๆ เราคิดว่าเพื่อนๆ

99.99% ที่อ่านอยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่คงอดไม่ได้ที่จะบีบสิวออก

ก่อนหัวโผล่ออกมาแน่นอนขอฟันธง 555

2. สิวหัวดำ ( Blackheads )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/04/d6/df/04d6dface072ded671a5d0c34b78778c.jpg

มีสิวหัวขาวแล้วจะขาดสิวหัวดำไปได้ยังไง ซึ่ง

สิวหัวดำ หรือ Blackheads

เป็นสิวที่เกิดจากการ

อุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้วรวมกับต่อมไขมันใต้ผิวหนังคล้ายกับสิวหัวขาวเลย

เพียงแต่สิวหัวดำจะเป็น

สิวหัวเปิดที่สามารถสัมผัสกับอากาศภายนอกได้

และทำให้บริเวณที่อุดตันนั้น

เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีดำ

โดยสิวหัวดำจะไม่เหมือนดับสิวแบบอื่นๆ ตรงที่มันจะไม่เจ็บหรือแดงเลยนั่นเอง

3. สิวตุ่ม ( Papule )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/6d/93/de/6d93deb93da3b0f66421805d3024a3f4.jpg

ต่อๆ กับสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงบวมเล็กๆ ที่หลายๆ คนเรียกกันว่า

สิวตุ่ม หรือ Papule

โดยสิวตุ่มเป็นสิวที่เกิดจากการ

แตกตัวของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วภายในผิวหนัง

ทำให้เห็นเป็นเหมือน

ตุ่มแดงกระจายรอบๆ ผิวหนัง

ซึ่ง

ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราก็จะไปตอบสนองต่อการแตกและอักเสบภายในผิวหนัง

ทำให้เราจะเห็นบริเวณที่เป็นสิวตุ่มแดงกว่าบริเวณอื่นๆ นั่นเอง

4. สิวหัวหนอง ( Pustule )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/b2/75/e3/b275e3c0e2504dd50ab38b52a2ede184.jpg

ต่อมากับสิวที่เราเองก็เกลียดมากแบบยกให้เป็นอันดับหนึ่งเลยกับ

สิวหัวหนอง หรือ Pustule

ที่เรียกได้ว่าเป็น

สิวอักเสบที่เป็นแล้วเจ็บ, ชอบทิ้งรอยแผลเป็นไว้และหายยากอีกตัวเลย

เพราะมันจะมีการ

สะสมหนองไว้ใต้ผิวหนังและทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้น

โดยบางคนอาจจะสับสนระหว่างสิวหัวหนองกับสิวหัวขาวตรงที่มันมีหัวสีขาวเหมือนกันใช่ไหมคะ แต่อันที่จริงมันมีจุดที่ต่างกันอยู่ตรงที่

รอบๆ สิวหัวหนองจะมีการอักเสบเป็นเหมือนวงแดงรอบๆ และเจ็บกว่าสิวหัวขาวที่ไม่ได้เป็นสิวอักเสบ

นั่นเองค่า

5. สิวหัวช้าง ( Nodules )

รูปภาพ:https://images-prod.healthline.com/hlcmsresource/images/3468-Nodular-acne-of-the-back-1296x728-slide1.jpg

สิวอีกตัวที่น่ารำคาญและเป็นปัญหาระดับชาติของเรามากถ้าเป็นนั่นก็คือ

สิวหัวช้าง หรือ Nodules

ที่เป็น

สิวอักเสบที่มีความใกล้เคียงกับสิวตุ่ม

แต่ไม่ใช่เพราะมันมีความฝังลึกมากกว่านั้นมาก และ

มันเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่เราจะสามารถบีบหัวของมันออกมาได้ง่ายๆ

โดยอย่างสิวหัวขาวหรือสิวหัวหนองยังถือว่าเอาออกมาได้ง่ายกว่าสิวหัวช้างอีกด้วย แถมเวลาเป็นแล้วบอกเลยว่าเจ็บมากก

ถ้าจะให้ดีคือรู้ตัวว่าเป็นแล้วรีบไปรักษาแต่เนิ่นๆ ก่อนมันลามไปจะดีที่สุด

6. สิวซีสต์ ( Cysts )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/5b/71/7d/5b717d5b47276a06cef44faa0536931a.jpg

ถ้าพูดถึงสิวที่น่ารำคาญหายยากก็คงจะหนีไปไม่พ้นหมวดสิวอักเสบอย่างแน่นอน โดย

สิวซีสต์ หรือ Cysts

ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยโดยสิวซีสต์ จะเป็นสิวที่คล้ายกับสิวหัวช้างคือ

เกิดจากการอุดตันของน้ำมัน, เซลล์ผิวที่ตายแล้วและแบคทีเรียใต้ชั้นผิวหนังส่วนลึกที่แดงกว่า

และเมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บกว่า ซึ่งถ้าหากว่าเพื่อนๆ เป็นสิวซีสต์หล่ะก็

ข้อห้ามที่ทุกคนควรรู้ไว้คือไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ห้ามแกะเด็ดขาด

เพราะถ้าแกะมันจะยิ่งไป

กระตุ้นให้เกิดการอักเสบแล้วลามไปกันใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจจะทำให้เราเป็นแผลเป็นได้อีกด้วย

สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นสิวซีสต์เราขอแนะนำให้ไปรักษากับคุณหมอจะดีที่สุดนะคะ

7. สิวข้าวสาร ( Milia )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/6c/13/f7/6c13f75b3e7d9d9683294f3a29e1db34.jpg

มาถึงสิวตัวสุดท้ายแล้วที่จะมีความต่างจากสิวแบบอื่นๆ ตรงที่มัน

ไม่ได้เกิดการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วบริเวณรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ

แต่มันจะ

เกิดการอุดตันของ Keratin ที่บริเวณใต้ผิวหนังและทำให้เราเห็นเหมือนกับมีของแข็งสีขาวเล็กๆ ใต้ผิวหนังแทน

เรียกว่า

สิวข้าวสาร หรือ Milia

ซึ่งส่วนใหญ่บริเวณที่เราเป็นสิวข้าวสารจะเป็น

รอบๆ ตา, โหนกแก้มและจมูก

โดยเพื่อนๆ สามารถเอาสิวข้าวสารออกได้ง่ายๆ โดยการใช้ไม้หรือเข็มสะกิดเบาๆ เพียงแต่ถ้ามันฝังลึกเกินไปก็สามารถใช้การเลเซอร์เอาออกได้ค่า

เราหวังว่าเพื่อนๆ จะได้คำตอบเรื่องสิวที่สงสัยกันอยู่นะคะ

สำหรับใครที่รู้ประเภทสิวที่ตัวเองเป็นก็น่าจะได้แนวทางในการรักษาสิวให้ตรงจุดมากขึ้นเนาะ

แต่ยังไงเราก็แนะนำให้เพื่อนๆ

ล้างหน้าให้สะอาดและบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นตลอดๆ นะคะ

ยังไง

ครั้งหน้าเราก็จะพยายามหาบทความดีๆ แบบนี้มาฝากอีก

เพราะฉะนั้นสำหรับวันนี้เราต้องขอตัวไปก่อนนะคะ บ๊ายบายย~