สวัสดีค่าเพื่อนๆ ซิสต้าคาเฟ่ที่น่ารักทุกคน เราคิดว่าหลายๆ คนที่เคยเป็นสิวน่าจะมี
เรื่องข้องใจและอยากไขข้อข้องใจพวกนี้ให้กระจ่างไปเลยใช่ไหมคะ
ว่า
“ สิวเกิดจากอะไร? ”
และ
“ สิวแต่ละประเภทต่างกันยังไงบ้าง? ”
เพราะเรื่องสิวๆ นี่เป็นเรื่องที่
กวนใจและแทบไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นอย่างแน่นอน
ซึ่งเราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สงสัยอยู่เหมือนกัน ดังนั้นวันนี้เราก็เลยหาคำตอบมาฝาก ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้แล้วก็ไปดูกันเลยค่าา
สิวเกิดจากอะไร?
คงต้องบอกว่าสาเหตุของการเกิดสิวนั้นมีได้จากหลายปัจจัยมากๆซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิวจะมาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่
1. Sebum

ถ้าถามว่า
สภาพผิวแบบไหนที่จะทำให้เราเป็นสิวได้ง่ายที่สุด
ก็คงต้องบอกว่าเป็น
ผิวมัน หรือ ผิวที่ผลิตน้ำมันได้มาก
ซึ่งในใบหน้าของเราจะสร้างไขมันมาจาก
Sebum หรือที่เรียกว่า ต่อมไขมัน
นั่นเอง ส่วนใหญ่บริเวณผิวหนังของเราที่เป็นสิวง่ายๆ ก็จะเป็นบริเวณ
ใบหน้า, หน้าผาก, หน้าอก, หลังและไหล่
โดยที่ผิวบริเวณจะเต็มไปด้วย
sebaceous glands ที่จะมีการผลิตน้ำมันเยอะกว่าบริเวณอื่นๆ
ดังนั้นใครที่มีผิวมันหรือผิวผสมที่มันก็มีโอกาสที่นะเป็นสิวได้มากกว่าสภาพผิวแบบอื่นๆ นั่นเองค่า
2. Hair follicles clogged

ในผิวของเรานอกจากจะมีต่อมไขมันแล้ว ก็ยังมี
ขนและรูขุมขนที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ด้วย
ซึ่งสาเหตุของการเกิดสิวก็มาจากการที่
รูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมันหรือเซลล์ตายแล้วที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง
ทำให้เราเห็นเป็น
รอยนูนๆ อยู่ใต้ผิวหนัง
เรียกว่า
Hair follicles clogged
แต่ถ้ารูขุมขนบริเวณเหล่านั้นไม่ได้อยู่ใต้ผิวหนังแต่อยู่บนผิวและมา
เจอกับอากาศก็จะเกิดเป็น Blackhead
หรือสิวหัวดำนั่นเอง
3. Bacteria

นอกจาก
ผิวหนังหรือรูขุมขนที่เป็นปัจจัยภายในในการเกิดสิวขึ้นมาได้แล้ว
ปัจจัยภายนอกที่จะทำให้ผิวของเราเป็นสิวได้ก็มาจากสิ่งสกปรกอย่าง
Bacteria
ได้นั่นเอง โดยจากขนาดที่เล็กของมัน
ทำให้มันสามารถเข้ามาในรูขุมขนของเราได้อย่างง่ายดาย
และทำให้เกิด
การอักเสบ
และกลายไปเป็น
สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวนั่นเอง
นอกเหนือจาก 3 ปัจจัยหลักที่ว่ามาแล้ว ก็ยังมีปัจจัยรองอื่นๆ ที่สามารถทำให้เราเป็นสิวได้เช่นเดียวกัน ได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
- ความเครียด

- อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต, น้ำตาล, ไขมันสูง
- ยาบางชนิด ( corticosteroids, testosterone or lithium )
- การแต่งหน้า โดยที่ไม่รักษาความสะอาดให้ดี

สิวมีกี่ประเภท แต่ละประเภทต่างกันยังไง?
1. สิวหัวขาว ( Whiteheads )

ก่อนอื่นขอเริ่มจากสิวเบสิคที่สุดที่ใครๆ ก็น่าจะเคยเป็นกันบ่อยๆ อย่าง
สิวหัวขาว หรือ Whiteheads
กันก่อนเลย โดยสิวหัวขาวเป็นสิวที่เกิดจากการ
อุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้วรวมกับต่อมไขมันใต้ผิวหนัง
ทำให้เราเห็นเป็นเหมือน
หนองสีขาวๆ ที่มีความนูนออกมาจากผิว
ซึ่งสิวประเภทนี้จะเป็นสิวที่รักษาง่ายที่สุดเพียงแค่เอาหัวสิวออกก็หายแล้ว โดยเพื่อนๆ เราคิดว่าเพื่อนๆ
99.99% ที่อ่านอยู่ตรงนี้ส่วนใหญ่คงอดไม่ได้ที่จะบีบสิวออก
ก่อนหัวโผล่ออกมาแน่นอนขอฟันธง 555
2. สิวหัวดำ ( Blackheads )

มีสิวหัวขาวแล้วจะขาดสิวหัวดำไปได้ยังไง ซึ่ง
สิวหัวดำ หรือ Blackheads
เป็นสิวที่เกิดจากการ
อุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้วรวมกับต่อมไขมันใต้ผิวหนังคล้ายกับสิวหัวขาวเลย
เพียงแต่สิวหัวดำจะเป็น
สิวหัวเปิดที่สามารถสัมผัสกับอากาศภายนอกได้
และทำให้บริเวณที่อุดตันนั้น
เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีดำ
โดยสิวหัวดำจะไม่เหมือนดับสิวแบบอื่นๆ ตรงที่มันจะไม่เจ็บหรือแดงเลยนั่นเอง
3. สิวตุ่ม ( Papule )

ต่อๆ กับสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงบวมเล็กๆ ที่หลายๆ คนเรียกกันว่า
สิวตุ่ม หรือ Papule
โดยสิวตุ่มเป็นสิวที่เกิดจากการ
แตกตัวของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วภายในผิวหนัง
ทำให้เห็นเป็นเหมือน
ตุ่มแดงกระจายรอบๆ ผิวหนัง
ซึ่ง
ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราก็จะไปตอบสนองต่อการแตกและอักเสบภายในผิวหนัง
ทำให้เราจะเห็นบริเวณที่เป็นสิวตุ่มแดงกว่าบริเวณอื่นๆ นั่นเอง
4. สิวหัวหนอง ( Pustule )

ต่อมากับสิวที่เราเองก็เกลียดมากแบบยกให้เป็นอันดับหนึ่งเลยกับ
สิวหัวหนอง หรือ Pustule
ที่เรียกได้ว่าเป็น
สิวอักเสบที่เป็นแล้วเจ็บ, ชอบทิ้งรอยแผลเป็นไว้และหายยากอีกตัวเลย
เพราะมันจะมีการ
สะสมหนองไว้ใต้ผิวหนังและทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้น
โดยบางคนอาจจะสับสนระหว่างสิวหัวหนองกับสิวหัวขาวตรงที่มันมีหัวสีขาวเหมือนกันใช่ไหมคะ แต่อันที่จริงมันมีจุดที่ต่างกันอยู่ตรงที่
รอบๆ สิวหัวหนองจะมีการอักเสบเป็นเหมือนวงแดงรอบๆ และเจ็บกว่าสิวหัวขาวที่ไม่ได้เป็นสิวอักเสบ
นั่นเองค่า
5. สิวหัวช้าง ( Nodules )

สิวอีกตัวที่น่ารำคาญและเป็นปัญหาระดับชาติของเรามากถ้าเป็นนั่นก็คือ
สิวหัวช้าง หรือ Nodules
ที่เป็น
สิวอักเสบที่มีความใกล้เคียงกับสิวตุ่ม
แต่ไม่ใช่เพราะมันมีความฝังลึกมากกว่านั้นมาก และ
มันเป็นไปแทบไม่ได้เลยที่เราจะสามารถบีบหัวของมันออกมาได้ง่ายๆ
โดยอย่างสิวหัวขาวหรือสิวหัวหนองยังถือว่าเอาออกมาได้ง่ายกว่าสิวหัวช้างอีกด้วย แถมเวลาเป็นแล้วบอกเลยว่าเจ็บมากก
ถ้าจะให้ดีคือรู้ตัวว่าเป็นแล้วรีบไปรักษาแต่เนิ่นๆ ก่อนมันลามไปจะดีที่สุด
6. สิวซีสต์ ( Cysts )

ถ้าพูดถึงสิวที่น่ารำคาญหายยากก็คงจะหนีไปไม่พ้นหมวดสิวอักเสบอย่างแน่นอน โดย
สิวซีสต์ หรือ Cysts
ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยโดยสิวซีสต์ จะเป็นสิวที่คล้ายกับสิวหัวช้างคือ
เกิดจากการอุดตันของน้ำมัน, เซลล์ผิวที่ตายแล้วและแบคทีเรียใต้ชั้นผิวหนังส่วนลึกที่แดงกว่า
และเมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บกว่า ซึ่งถ้าหากว่าเพื่อนๆ เป็นสิวซีสต์หล่ะก็
ข้อห้ามที่ทุกคนควรรู้ไว้คือไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ห้ามแกะเด็ดขาด
เพราะถ้าแกะมันจะยิ่งไป
กระตุ้นให้เกิดการอักเสบแล้วลามไปกันใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจจะทำให้เราเป็นแผลเป็นได้อีกด้วย
สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นสิวซีสต์เราขอแนะนำให้ไปรักษากับคุณหมอจะดีที่สุดนะคะ
7. สิวข้าวสาร ( Milia )

มาถึงสิวตัวสุดท้ายแล้วที่จะมีความต่างจากสิวแบบอื่นๆ ตรงที่มัน
ไม่ได้เกิดการอุดตันของไขมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วบริเวณรูขุมขนจนเกิดการอักเสบ
แต่มันจะ
เกิดการอุดตันของ Keratin ที่บริเวณใต้ผิวหนังและทำให้เราเห็นเหมือนกับมีของแข็งสีขาวเล็กๆ ใต้ผิวหนังแทน
เรียกว่า
สิวข้าวสาร หรือ Milia
ซึ่งส่วนใหญ่บริเวณที่เราเป็นสิวข้าวสารจะเป็น
รอบๆ ตา, โหนกแก้มและจมูก
โดยเพื่อนๆ สามารถเอาสิวข้าวสารออกได้ง่ายๆ โดยการใช้ไม้หรือเข็มสะกิดเบาๆ เพียงแต่ถ้ามันฝังลึกเกินไปก็สามารถใช้การเลเซอร์เอาออกได้ค่า
เราหวังว่าเพื่อนๆ จะได้คำตอบเรื่องสิวที่สงสัยกันอยู่นะคะ
สำหรับใครที่รู้ประเภทสิวที่ตัวเองเป็นก็น่าจะได้แนวทางในการรักษาสิวให้ตรงจุดมากขึ้นเนาะ
แต่ยังไงเราก็แนะนำให้เพื่อนๆ
ล้างหน้าให้สะอาดและบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นตลอดๆ นะคะ
ยังไง
ครั้งหน้าเราก็จะพยายามหาบทความดีๆ แบบนี้มาฝากอีก
เพราะฉะนั้นสำหรับวันนี้เราต้องขอตัวไปก่อนนะคะ บ๊ายบายย~