ความขี้เกียจนี่เป็นเรื่องปกติที่เราเลี่ยงไม่ได้และเป็นกันทุกคนจริงๆ ค่ะซิส
สวัสดีค่าเพื่อนๆ ที่น่ารักของเราทุกคน วันนี้เราอยากจะมา
ช่วยเพิ่ม Energy ในการจัดระบบระเบียบชีวิตของเพื่อนๆ
ให้รู้สึกขยันและมี Energy มากขึ้นมาฝาก ซึ่งการจะสลัดความขี้เกียจออกไปและมาทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น
อาจจะมีอุปสรรคหรือสิ่งล่อตาล่อใจมาขวางทางเพื่อนๆ ได้
แต่ How to ที่เราจะมาแนะนำเพื่อนๆ วันนี้จะสามารถ
ช่วยทำให้เพื่อนๆ มี Energy มากขึ้นและขี้เกียจลดลงได้บ้างแน่นอน
ถ้ายังไงเราก็อย่ารีรอแล้วไปดูที่ข้อแรกกันเล้ยย~
How to หลุดพ้นจากวงเวียนความขี้เกียจ และปลุกใจให้ชีวิตมีแบบแผนมากขึ้น
1. Avoid distraction ( ห่างสักพักกับสิ่งล่อใจ )

เวลาเราตั้งใจอะไรให้สำเร็จลุล่วง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีมารพจญ หรือ
สิ่งล่อตาล่อใจที่คอยกวนเราไม่ให้เรามีสมาธิจดจ่อกับเป้าหมายที่ต้องทำได้
ไม่ว่าจะเป็น
โทรศัพท์มือถือ, ความคิดฟุ้งซ่านเหม่อลอย, ของกิน ฯลฯ
ซึ่งความคิดวอกแวกพวกนี้คือ
ตัวขัดขวางการบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งใจเอาไว้ได้ดีที่สุดเลย
ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ อยากรู้สึกขี้เกียจน้อยลงหล่ะก็
ก่อนอื่นขอให้ทุกคนบอกกับสิ่งล่อตาล่อใจพวกนี้ว่า “ห่างกันสักพัก”
แล้วหลังจากที่เพื่อนๆ ทำตามเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จแล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะคะ
2. Follow the ' two-minute rule ' ( ใช้กฎ 2 นาที )

เมื่อเรารู้สึกว่าตัวเองต้องปลีกตัวจากสิ่งที่สบายไปทำสิ่งที่เหน็ดเหนื่อยและยากลำบากกว่าก็เป็นธรรมดาที่จะหมดไฟและขี้เกียจทำ ซึ่ง
"two-minute rule" เป็นการตั้งเป้าหมายระยะสั้นให้กับตัวเอง
ว่า
เดี๋ยวจับเวลาทำการบ้าน 2 นาทีแล้วพอก่อน
ซึ่งการทำแบบนี้เป็นเหมือนการหลอกตัวเองว่า
“การทำสิ่งนี้ให้จบภายใน 2 นาที มันแป๊บเดียว! ไม่ใช่เรื่องที่ลำบาก”
เราก็จะมีแรงจูงใจในการทำสิ่งนั้นมากกว่าเดิมมากโขเลย
ซึ่งหลังจากผ่านไป 2 นาทีและได้ยินเสียงนาฬิการ้องแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะยังมีไฟกับสิ่งที่ทำอยู่
ทำให้พวกเขายังคงทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ต่อจนสำเร็จลุล่วงได้นั่นเอง
3. Create a plan of action ( รู้จักการวางแผน )

คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเวลาจะทำอะไรให้ตั้งเป้าหมายขึ้นมาก่อน เพื่อที่เราจะสามารถเดินตามเส้นทางไปสู่มันได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นมันไม่ใช่แรงจูงใจที่ชัดเจนพอที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ แต่การ
“Create a plan of action” ที่มีความเฉพาะและชัดเจนที่สุด
จะช่วยทำให้เรา
จดจ่อกับการทำเป้าหมายได้ดีกว่าเดิมมาก
ยกตัวอย่างเช่นถ้าอีก
1 สัปดาห์เราจะสอบวิชาเคมี เราอาจจะ Create a plan of action ใน 1 ครึ่งวันว่า
ตื่น 8.00 น.
อ่านหนังสือ 9.00-10.00 น. (ที่ห้องอ่านหนังสือ)
พัก 30 นาที (ที่ห้องนั่งเล่น)
ทำแบบฝึกหัด 10.30-11.30 น. (ที่ห้องอ่านหนังสือ)
กินข้าว 1 ชั่วโมง (ที่ห้องครัว)
คือ
ระบุเวลา, สถานที่ใน Planner ของเราให้เฉพาะเจาะจงที่สุดและจับเวลาเพื่อให้เรารู้สึกมี Energy ตื่นตัวตลอดเวลาในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ลุล่วง
ได้ดียิ่งขึ้นค่าา
4. Switch up your work environment. ( ปรับ / เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน )

หลายๆ คนอาจจะจดจ่อกับการทำงานหรืออ่านหนังสือที่บ้านไม่ได้ เนื่องจาก
ที่บ้านมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมายที่ทำให้เราวอกแวกและเสียสมาธิได้ง่าย
ไม่ว่าจะเป็น
การสามารถเดินไปเปิดตู้เย็นหาของกินได้ง่าย
หรือ
ถ้าง่วงก็เดินไปนอนที่เตียงได้สบาย
ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้จะทำให้เราจดจ่อกับงานที่ทำได้น้อยลง
การเปลี่ยนสถานที่ทำงานโดยการทำให้ตัวเองรายล้อมไปด้วยบรรยากาศที่กระตุ้นให้เรามีสมาธิได้ดีจะช่วยทำให้เราวอกแวกน้อยลง
เช่น การไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟหรือห้องสมุดที่มือคนเดินผ่านไปมาและต่างคนต่างจดจ่อกับเรื่องที่ตัวเองทำอยู่เป็นต้น
5. Recognize your accomplishments along the way ( ใจดีกับตัวเองบ้าง )

เพื่อนๆ เคยได้ยินคำนี้ไหมคะว่า
“เรามักจะใจร้ายและไม่ยินดีกับความสำเร็จของตัวเองเท่าที่ควร”
เมื่อเทียบกับคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น
เวลาเราเห็นเพื่อนทำคะแนนได้ไม่ดีเราก็ปลอบเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรนะ”
แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองบ้าง
อย่างถ้าเราขาด 1 แต้มจะได้ 100 เต็มเราอาจจะโทษตัวเองว่าอีกแค่คะแนนเดียวทำไมถึงผิด
ซึ่งการไม่ให้กำลังใจและเอาแต่ตำหนิตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่บั่นทอนความตั้งใจและ Energy ของตัวเองนะคะซิส
เพื่อนๆ ควรใจดี, กอดตัวเองให้มากๆ และพูดชื่นชมตัวเองเหมือนที่ทำให้กับที่ชมคนอื่นด้วยนะคะ
เพราะถ้าเราไม่รักตัวเองหรือให้กำลังใจตัวเองแล้วใครจะมาให้เราหล่ะคะ
6. Don’t expect yourself to be perfect ( อย่าตั้งความคาดหวังกับตัวเองมากจนเกินไป )

ไม่ต้องเป็น
คนที่ดูดีและสมบูรณ์แบบไปหมดทุกด้านก็ได้
การที่เรา
ผลักดันหรือกดดันตัวเองมากเกินไปก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เรารู้สึกเครียดและเสียใจได้
ถ้าหากสิ่งที่เราคาดหวังไว้ไม่เป็นไปตามเป้า
ซึ่งความเครียดและความผิดหวังเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมเรื่อยๆ นั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราหมด Energy ในการทำตามเป้าหมาย
โดยมันจะไปบั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจของตัวเองได้
ดังนั้นเราอย่าตั้งความหวังกับตัวเองว่าเราจะต้องดีแบบนั้น สมบูรณ์แบบแบบนี้เลยนะคะ
แค่เอาเป็นว่าเราดีในแบบที่เราเป็นและภูมิใจกับสิ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว
7. Ask for help ( อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ )

สู้ด้วยตัวเองคนเดียวมันเหนื่อยหมดไฟ เพื่อนๆ เองก็มีคนที่
รู้สึกเชื่อใจที่สามารถขอความช่วยเหลือได้รอบๆ ตัวได้ใช่ไหมคะ
เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบพึ่งพาใครจนกว่าตัวเองจะไม่ไหวเหมือนกัน
แต่เราก็รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องสู้อยู่เพียงลำพัง เพราะถ้าเรารู้สึกเหนื่อย, ขี้เกียจ, หมดแรงที่จะทำอะไร
เราก็ยังมี
คนที่ไว้ใจให้เราคอยพึ่งพิงและขอความช่วยเหลือได้เสมอ
ดังนั้นเพื่อนๆ
อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนที่เรารักและเชื่อในเลยนะคะ
เพราะการสู้ไปด้วยกันและบรรลุเป้ากับคนที่เรารักและรักเรายังไงก็เวิร์คกว่าแน่นอน
8. Get a partner ( ทำคนเดียวแล้วเหงา ลองหาเพื่อนคู่หูทำด้วยกันดู )

การมีคู่หูคู่ใจที่มีเป้าหมายร่วมกันจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เราทำตามเป้าหมายได้ดีย์งามขึ้นไปอีก
ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าเดือนนี้อยากลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัม แต่ก็มักจะขี้เกียจและบ่ายเบี่ยงจนเลยเวลาไปออกกำลังกายตลอด
เราก็คงไม่มีทางลดน้ำหนักได้แน่ๆ กลับกัน
ถ้าหากเรามีเพื่อนที่อยากออกกำลังกายเหมือนกันและโทรนัดว่าจะมาออกกำลังกายพร้อมกัน
เราก็ถือว่าได้ก้าวเข้ามาสู่เป้าหมายในการลดน้ำหนักได้สำเร็จไปครึ่งตัวแล้ว สรุปก็คือ
ยิ่งเรามีคู่หูเราก็จะมีทั้งแรงกระตุ้นจากตัวเองและจากเพื่อนที่คอยช่วยกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมายไปพร้อมกันนั่นเอง
9. Reward yourself ( ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง )

สุดท้ายแล้วๆ คือ
ถ้าเราสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ลุล่วงแล้ว เราก็ควรที่จะต้องให้รางวัลกับตัวเอง
เพื่อเป็น
ของขวัญแก่ความพยายามที่เราได้บากบั่นทำด้วยนะคะ
ซึ่งรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้นี่แหละที่จะเป็น
อีกตัวกระตุ้นที่ดีในการให้กำลังใจตัวเอง
และนำไปสู่
Energy ดีๆ ในการวางแผนเป้าหมายใหม่เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เลยย
เป็นยังไงบ้างคะทุกคนกับ
โอมเพี้ยง Energy จี้จงมาา!! How to หลุดพ้นจากวงเวียนความขี้เกียจ และปลุกใจให้ชีวิตมีแบบแผนมากขึ้น
เราหวังว่าเพื่อนๆ อ่านแล้วจะ
มีข้อที่สามารถปลุกไฟและลดความขี้เกียจของเพื่อนๆ ให้กลับมาฟิตได้นะคะ
ยังไงเราเองก็
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการบรรลุเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ แล้วไว้เรากลับมาเจอกันใหม่นะคะ จุ๊บๆ
Cr. 17 Healthy and Practical Ways to Break Out of Laziness
https://www.healthline.com/health/how-to-stop-being-lazy
Cr. 10 Ways to Break the Cycle of Laziness
https://www.inc.com/business-insider/10-tricks-more-productive-avoid-laziness.html