ความขี้เกียจนี่เป็นเรื่องปกติที่เราเลี่ยงไม่ได้และเป็นกันทุกคนจริงๆ ค่ะซิส

สวัสดีค่าเพื่อนๆ ที่น่ารักของเราทุกคน วันนี้เราอยากจะมา

ช่วยเพิ่ม Energy ในการจัดระบบระเบียบชีวิตของเพื่อนๆ

ให้รู้สึกขยันและมี Energy มากขึ้นมาฝาก ซึ่งการจะสลัดความขี้เกียจออกไปและมาทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น

อาจจะมีอุปสรรคหรือสิ่งล่อตาล่อใจมาขวางทางเพื่อนๆ ได้

แต่ How to ที่เราจะมาแนะนำเพื่อนๆ วันนี้จะสามารถ

ช่วยทำให้เพื่อนๆ มี Energy มากขึ้นและขี้เกียจลดลงได้บ้างแน่นอน

ถ้ายังไงเราก็อย่ารีรอแล้วไปดูที่ข้อแรกกันเล้ยย~

How to หลุดพ้นจากวงเวียนความขี้เกียจ และปลุกใจให้ชีวิตมีแบบแผนมากขึ้น

1. Avoid distraction ( ห่างสักพักกับสิ่งล่อใจ )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/48/91/b2/4891b27392a2270f1e463a59af810b30.jpg

เวลาเราตั้งใจอะไรให้สำเร็จลุล่วง มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีมารพจญ หรือ

สิ่งล่อตาล่อใจที่คอยกวนเราไม่ให้เรามีสมาธิจดจ่อกับเป้าหมายที่ต้องทำได้

ไม่ว่าจะเป็น

โทรศัพท์มือถือ, ความคิดฟุ้งซ่านเหม่อลอย, ของกิน ฯลฯ

ซึ่งความคิดวอกแวกพวกนี้คือ

ตัวขัดขวางการบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งใจเอาไว้ได้ดีที่สุดเลย

ดังนั้นถ้าเพื่อนๆ อยากรู้สึกขี้เกียจน้อยลงหล่ะก็

ก่อนอื่นขอให้ทุกคนบอกกับสิ่งล่อตาล่อใจพวกนี้ว่า “ห่างกันสักพัก”

แล้วหลังจากที่เพื่อนๆ ทำตามเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จแล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะคะ

2. Follow the ' two-minute rule ' ( ใช้กฎ 2 นาที )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/e0/8a/9d/e08a9d33cfded8a8a20b7ff1e08d89a9.jpg

เมื่อเรารู้สึกว่าตัวเองต้องปลีกตัวจากสิ่งที่สบายไปทำสิ่งที่เหน็ดเหนื่อยและยากลำบากกว่าก็เป็นธรรมดาที่จะหมดไฟและขี้เกียจทำ ซึ่ง

"two-minute rule" เป็นการตั้งเป้าหมายระยะสั้นให้กับตัวเอง

ว่า

เดี๋ยวจับเวลาทำการบ้าน 2 นาทีแล้วพอก่อน

ซึ่งการทำแบบนี้เป็นเหมือนการหลอกตัวเองว่า

“การทำสิ่งนี้ให้จบภายใน 2 นาที มันแป๊บเดียว! ไม่ใช่เรื่องที่ลำบาก”

เราก็จะมีแรงจูงใจในการทำสิ่งนั้นมากกว่าเดิมมากโขเลย

ซึ่งหลังจากผ่านไป 2 นาทีและได้ยินเสียงนาฬิการ้องแล้ว คนส่วนใหญ่ก็จะยังมีไฟกับสิ่งที่ทำอยู่

ทำให้พวกเขายังคงทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ต่อจนสำเร็จลุล่วงได้นั่นเอง

3. Create a plan of action ( รู้จักการวางแผน )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/db/42/2e/db422ea4927f23366ca1ec7ef70125ee.jpg

คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่าเวลาจะทำอะไรให้ตั้งเป้าหมายขึ้นมาก่อน เพื่อที่เราจะสามารถเดินตามเส้นทางไปสู่มันได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นมันไม่ใช่แรงจูงใจที่ชัดเจนพอที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ แต่การ

“Create a plan of action” ที่มีความเฉพาะและชัดเจนที่สุด

จะช่วยทำให้เรา

จดจ่อกับการทำเป้าหมายได้ดีกว่าเดิมมาก

ยกตัวอย่างเช่นถ้าอีก

1 สัปดาห์เราจะสอบวิชาเคมี เราอาจจะ Create a plan of action ใน 1 ครึ่งวันว่า


ตื่น 8.00 น.

อ่านหนังสือ 9.00-10.00 น. (ที่ห้องอ่านหนังสือ)

พัก 30 นาที (ที่ห้องนั่งเล่น)

ทำแบบฝึกหัด 10.30-11.30 น. (ที่ห้องอ่านหนังสือ)

กินข้าว 1 ชั่วโมง (ที่ห้องครัว)

คือ

ระบุเวลา, สถานที่ใน Planner ของเราให้เฉพาะเจาะจงที่สุดและจับเวลาเพื่อให้เรารู้สึกมี Energy ตื่นตัวตลอดเวลาในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ลุล่วง

ได้ดียิ่งขึ้นค่าา

4. Switch up your work environment. ( ปรับ / เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงาน )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/1b/4f/e0/1b4fe088222891788745001c09bb2d06.jpg

หลายๆ คนอาจจะจดจ่อกับการทำงานหรืออ่านหนังสือที่บ้านไม่ได้ เนื่องจาก

ที่บ้านมีสิ่งล่อตาล่อใจมากมายที่ทำให้เราวอกแวกและเสียสมาธิได้ง่าย

ไม่ว่าจะเป็น

การสามารถเดินไปเปิดตู้เย็นหาของกินได้ง่าย

หรือ

ถ้าง่วงก็เดินไปนอนที่เตียงได้สบาย

ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกพวกนี้จะทำให้เราจดจ่อกับงานที่ทำได้น้อยลง

การเปลี่ยนสถานที่ทำงานโดยการทำให้ตัวเองรายล้อมไปด้วยบรรยากาศที่กระตุ้นให้เรามีสมาธิได้ดีจะช่วยทำให้เราวอกแวกน้อยลง

เช่น การไปอ่านหนังสือที่ร้านกาแฟหรือห้องสมุดที่มือคนเดินผ่านไปมาและต่างคนต่างจดจ่อกับเรื่องที่ตัวเองทำอยู่เป็นต้น

5. Recognize your accomplishments along the way ( ใจดีกับตัวเองบ้าง )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/36/e7/0f/36e70f17cafdbc713f6d7f6db33c21e7.jpg

เพื่อนๆ เคยได้ยินคำนี้ไหมคะว่า

“เรามักจะใจร้ายและไม่ยินดีกับความสำเร็จของตัวเองเท่าที่ควร”

เมื่อเทียบกับคนอื่น ยกตัวอย่างเช่น

เวลาเราเห็นเพื่อนทำคะแนนได้ไม่ดีเราก็ปลอบเพื่อนว่า “ไม่เป็นไรนะ”

แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองบ้าง

อย่างถ้าเราขาด 1 แต้มจะได้ 100 เต็มเราอาจจะโทษตัวเองว่าอีกแค่คะแนนเดียวทำไมถึงผิด

ซึ่งการไม่ให้กำลังใจและเอาแต่ตำหนิตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่บั่นทอนความตั้งใจและ Energy ของตัวเองนะคะซิส

เพื่อนๆ ควรใจดี, กอดตัวเองให้มากๆ และพูดชื่นชมตัวเองเหมือนที่ทำให้กับที่ชมคนอื่นด้วยนะคะ

เพราะถ้าเราไม่รักตัวเองหรือให้กำลังใจตัวเองแล้วใครจะมาให้เราหล่ะคะ

6. Don’t expect yourself to be perfect ( อย่าตั้งความคาดหวังกับตัวเองมากจนเกินไป )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/94/7a/93/947a93100306ec3a441605239c6eeccc.jpg

ไม่ต้องเป็น

คนที่ดูดีและสมบูรณ์แบบไปหมดทุกด้านก็ได้

การที่เรา

ผลักดันหรือกดดันตัวเองมากเกินไปก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เรารู้สึกเครียดและเสียใจได้

ถ้าหากสิ่งที่เราคาดหวังไว้ไม่เป็นไปตามเป้า

ซึ่งความเครียดและความผิดหวังเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมเรื่อยๆ นั้นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราหมด Energy ในการทำตามเป้าหมาย

โดยมันจะไปบั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจของตัวเองได้

ดังนั้นเราอย่าตั้งความหวังกับตัวเองว่าเราจะต้องดีแบบนั้น สมบูรณ์แบบแบบนี้เลยนะคะ

แค่เอาเป็นว่าเราดีในแบบที่เราเป็นและภูมิใจกับสิ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว

7. Ask for help ( อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/8e/c9/1d/8ec91d27753c795f6987fd591c9b4bb1.jpg

สู้ด้วยตัวเองคนเดียวมันเหนื่อยหมดไฟ เพื่อนๆ เองก็มีคนที่

รู้สึกเชื่อใจที่สามารถขอความช่วยเหลือได้รอบๆ ตัวได้ใช่ไหมคะ

เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบพึ่งพาใครจนกว่าตัวเองจะไม่ไหวเหมือนกัน

แต่เราก็รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องสู้อยู่เพียงลำพัง เพราะถ้าเรารู้สึกเหนื่อย, ขี้เกียจ, หมดแรงที่จะทำอะไ

เราก็ยังมี

คนที่ไว้ใจให้เราคอยพึ่งพิงและขอความช่วยเหลือได้เสมอ

ดังนั้นเพื่อนๆ

อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนที่เรารักและเชื่อในเลยนะคะ

เพราะการสู้ไปด้วยกันและบรรลุเป้ากับคนที่เรารักและรักเรายังไงก็เวิร์คกว่าแน่นอน

8. Get a partner ( ทำคนเดียวแล้วเหงา ลองหาเพื่อนคู่หูทำด้วยกันดู )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/e7/93/79/e7937964471180d0d491860d5c92f208.jpg

การมีคู่หูคู่ใจที่มีเป้าหมายร่วมกันจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้เราทำตามเป้าหมายได้ดีย์งามขึ้นไปอีก

ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าเราตั้งเป้าหมายว่าเดือนนี้อยากลดน้ำหนักลง 5 กิโลกรัม แต่ก็มักจะขี้เกียจและบ่ายเบี่ยงจนเลยเวลาไปออกกำลังกายตลอด

เราก็คงไม่มีทางลดน้ำหนักได้แน่ๆ กลับกัน

ถ้าหากเรามีเพื่อนที่อยากออกกำลังกายเหมือนกันและโทรนัดว่าจะมาออกกำลังกายพร้อมกัน

เราก็ถือว่าได้ก้าวเข้ามาสู่เป้าหมายในการลดน้ำหนักได้สำเร็จไปครึ่งตัวแล้ว สรุปก็คือ

ยิ่งเรามีคู่หูเราก็จะมีทั้งแรงกระตุ้นจากตัวเองและจากเพื่อนที่คอยช่วยกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมายไปพร้อมกันนั่นเอง

9. Reward yourself ( ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/60/ac/14/60ac14d2f4d1244d4edf136fb59e7224.jpg

สุดท้ายแล้วๆ คือ

ถ้าเราสามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ลุล่วงแล้ว เราก็ควรที่จะต้องให้รางวัลกับตัวเอง

เพื่อเป็น

ของขวัญแก่ความพยายามที่เราได้บากบั่นทำด้วยนะคะ

ซึ่งรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้นี่แหละที่จะเป็น

อีกตัวกระตุ้นที่ดีในการให้กำลังใจตัวเอง

และนำไปสู่

Energy ดีๆ ในการวางแผนเป้าหมายใหม่เพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ เลยย

เป็นยังไงบ้างคะทุกคนกับ

โอมเพี้ยง Energy จี้จงมาา!! How to หลุดพ้นจากวงเวียนความขี้เกียจ และปลุกใจให้ชีวิตมีแบบแผนมากขึ้น

เราหวังว่าเพื่อนๆ อ่านแล้วจะ

มีข้อที่สามารถปลุกไฟและลดความขี้เกียจของเพื่อนๆ ให้กลับมาฟิตได้นะคะ

ยังไงเราเองก็

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการบรรลุเป้าหมายของตัวเองให้สำเร็จ แล้วไว้เรากลับมาเจอกันใหม่นะคะ จุ๊บๆ